“โอเค” วารุณีตอบรับ
หลังจบการสนทนา เธอก็วางโทรศัพท์ลง บีบกำปั้นอย่างตื่นเต้น
ออกแบบชุดให้นักการเมืองจากทั่วโลก ช่างดีจริงๆ
วารุณีลูบหน้าตัวเอง ใบหน้าร้อนผ่าวเพราะตื่นเต้น ผ่านไปนานก็ยังไม่หาย
จนกระทั่งประตูห้องถูกเคาะ เธอจึงฝืนใจระงับความตื่นเต้นไว้ แล้วถาม “ใคร?”
“คุณหญิงคะป้าเองค่ะ คุณหญิงตื่นหรือยังคะ?” ด้านนอกประตู เสียงป้าส้มตอบกลับ
วารุณียกผ้าห่มออกวางบนเตียง “ตื่นแล้วค่ะ”
“งั้นคุณหญิงรีบลงมาทานอาหารเช้านะคะ” ป้าส้มได้ยินที่เธอบอก ก็ยิ้มแล้วพูด
วารุณีพยักหน้า “ค่ะ เดี๋ยวลงไป”
ป้าส้มหันหลังแล้วลงไปข้างล่าง เธอยืดเส้นยืดสายแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ เตรียมชำระล้างร่างกาย
หลังจากชำระร่างกายเสร็จ เปลี่ยนชุดแต่งหน้าเสร็จ ออกจากประตูแล้วลงไปด้านล่าง
“คุณหญิง อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ป้าส้มมองวารุณีที่กำลังลงมา แล้วยิ้มทักทาย
วารุณีกลับตอบอย่างอึดอัดใจ “ไม่เช้าแล้วค่ะป้าส้ม เที่ยงแล้ว”
“ที่ไหนล่ะคะ ยังไม่ถึงสิบสองนาฬิกาค่ะ คุณหญิงทานอาหารก่อนเถอะค่ะ” ป้าส้มดึงเก้าอี้ให้เธอ
วารุณีเดินไปนั่ง แล้วเริ่มทานอาหาร
นัทธีออกไปบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปนานแล้ว
และเด็กสองคน คนหนึ่งไปโรงเรียนอนุบาล อีกคนอยู่ที่โรงเรียนชั้นนำ
ใช่ โรงเรียนชั้นนำ
ไอริณไม่ได้มีไอคิวสูงเท่าอารัณ ดังนั้นตอนนี้ยังอยู่โรงเรียนอนุบาลห้องต้น
ส่วนอารัณ ฉลาดมาก ไม่นานมานี้ จึงเลิกไปโรงเรียนอนุบาล แต่ถูกนัทธีจัดการให้ไปอยู่โรงเรียนชั้นนำแห่งหนึ่ง เพื่อศึกษาเรียนรู้ในทุกๆ ด้าน
ที่โรงเรียนนั้น รับเฉพาะผู้ที่มีไอคิวสูงมาก และรับเด็กที่อายุต่ำกว่าสิบหกปี
อารัณยังเด็ก เพิ่งจะหกขวบ ไม่เหมาะที่จะไปโรงเรียนทั่วไป ดังนั้นการไปเรียนที่โรงเรียนชั้นนำ จึงเหมาะกับอารัณที่สุด
อีกทั้งตัวอารัณเองก็ชอบมาก จากที่อารัณพูดเอง เขาไม่ต้องเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป อยู่ที่โรงเรียนอนุบาลต้องแกล้งทำตัวเป็นเด็กทั่วไป ไม่สามารถแสดงออกว่าฉลาดมากเกินไป เกทับเด็กคนอื่น
แต่กับอยู่ที่โรงเรียนนี้ อารัณสามารถปรึกษาหารือความรู้ทุกๆ ด้านกับคนอื่นได้อย่างเต็มที่ และไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ครูตกใจ ที่เก่งเกินกว่าเด็กรุ่นเดียวกันพวกนั้น
ดังนั้นดูแล้วเห็นได้ชัดว่าอารัณ มีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนมาก
เมื่อก่อนตอนที่อารัณอยู่โรงเรียนอนุบาล ดูขี้เกียจขาดแรงจูงใจทั้งวัน แต่ตอนนี้อารัณดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ตั้งแต่ตอนนั้นวารุณี จึงเข้าใจได้ทันทีว่าการที่ตัวเองให้อารัณเข้าโรงเรียนอนุบาล อยากให้อารัณมีความสุขวัยเด็ก นั้นมันผิด
กับเด็กฉลาด และรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ตอนที่เขาอยากทำมากที่สุด ที่ทำให้เขามีความสุขได้ ที่ทำให้เขารู้สึกว่า วัยเด็กของเขานั้นมีความหมาย
แต่อย่างเธอ ที่กำหนดความสุขวัยเด็กให้อารัณ ที่จริงแล้วมันไม่ถูกเลย
ไม่ใช่วัยเด็กของทุกคน จะต้องเป็นแบบเดียวกันหมด สำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ในวัยเด็กนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ไม่ช้า ก็ทานเสร็จ หลังจากที่วารุณีนั่งพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่นสักพัก ก็หยิบกระเป๋าแล้วออกจากบ้านไป ขับรถออกไปที่บริษัท
เมื่อถึงบริษัท วารุณีก็เห็นพนักงานสองสามคนยืนล้อมรอบกันอยู่ กำลังพูดอะไรบางอย่างกัน จึงสงสัย “พวกเธอกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
“ประธานวารุณี” เมื่อเห็นวารุณี พวกพนักงานก็ตกใจ จึงรีบแยกตัวออกจากกันมายืนเรียง แล้วทักทายวารุณี
วารุณีตอบอืม ถือเป็นการขานรับ หลังจากนั้นก็ถามอีกประโยค “เมื่อกี้นี้พวกเธอกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ ฉันได้ยินพวกเธอพูดถึงปาจรีย์ ปาจรีย์ทำไมเหรอ?”
พนักงานต่างส่งสายตาให้กัน ในที่สุดพนักงานคนหนึ่งก็ยืนตัวตรงแล้วพูดขึ้น “คือแบบนี้ค่ะ วันนี้ตอนที่รองประธานปาจรีย์เข้ามา พวกเราคิดว่ารองประธานมีบางอย่างไม่เหมือนเดิม”
“ตรงไหนไม่เหมือนเดิม?” วารุณีมองไปที่ห้องทำงานของปาจรีย์อย่างสงสัย
พนักงานตอบกลับ “เมื่อเช้าทั้งเช้ารองประธานปาจรีย์ ทำไมโทรศัพท์ ก็จะแชทโทรศัพท์ สีหน้ายิ้มอยู่ตลอด พวกเราเลยเดาว่ารองประธานกำลังมีความรักอยู่หรือเปล่าค่ะ”
ต้องรู้ไว้ก่อนว่าเมื่อก่อนปาจรีย์ ไม่เคยแสดงท่าทางว่ามีคนที่ชอบมาก่อน
อีกทั้งปาจรีย์ที่ทำงานแบบเดียวกับหัวหน้าแผนก พนักงานอย่างพวกเขา นึกไม่ออกเลยว่าเธอคบกับใคร
อีกทั้งไม่มีผู้ชายคนไหน รับผู้หญิงอารมณ์แบบนี้ได้
แต่วันนี้ปาจรีย์กลับผิดปกติ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังมีความรัก ดังนั้นสำหรับพนักงานอย่างพวกเขาแล้ว แล้วกับเห็นเรื่องมหัศจรรย์บางอย่าง ที่ทำให้ตกใจสงบสติอารมณ์ไม่ได้
หลังจากนั้นพวกเขาก็เลยรวมตัวกันซุบซิบปาจรีย์ว่ากำลังคบหากับใคร ผู้ชายคนนั้นทนกับบุคลิกแตกแยกของปาจารีย์จากงานและเรื่องส่วนตัวได้ยังไงกัน
“ที่แท้ก็พูดเรื่องนี้นี่เอง เซ้นส์ของพวกเธอไว้ดีนะ” วารุณียิ้ม
เมื่อพวกพนักงานได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ก็ตกใจอ้าปากค้าง “ประธานวารุณี พูดขนาดนี้ รองประธานปาจรีย์สละโสดแล้วจริงๆ เหรอคะ?”
“ใช่สิ” วารุณียิ้มแล้วพยักหน้า
ทุกคนต่างกลหน
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง
พนักงานบางคนถึงกับเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ “เจ็บมาก ฉันเจ็บมากจริงๆ รองประธานปาจรีย์สละโสดแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะยังโสดอยู่ฮือๆๆ ……”
วารุณีส่ายหน้าอย่างขำไม่ออกร้องไม่ได้ หลังจากนั้นก็เดินไปที่ห้องทำงานของปาจรีย์
“ปาจรีย์” เรายกมือเคาะประตู
ไม่ช้า เสียงของปาจรีย์ก็ดังออกมาจากด้านใน “วารุณีเหรอ?เข้ามาสิ”
วารุณีได้ยินเสียงขานรับ ก็บิดประตูแล้วใช้มือผลักเข้าไป “ปาจรีย์ ทำอะไรอยู่เหรอ?”
“อ๋อ กำลังแยกข้อมูลอยู่ วารุณี มีธุระอะไรเหรอ?” ปาจรีย์เงยหน้าถาม
วารุณีเดินเข้าไป “ก็ไม่มีอะไร ก็คุยเรื่องของเธออยู่ข้างนอก เธอรู้หรือเปล่า?”
“คุยเรื่องฉัน?” ปาจรีย์ทำท่าทางมือ แล้วรีบถามอย่างสงสัย “พวกเขาคุยเรื่องฉันทำไม?”
วารุณียิ้มอ่อน “ก็ต้องเป็นเรื่องเธอสละโสดอยู่แล้วสิ”
“พวกเขารู้ได้ยังไง?” ปาจรีย์กะพริบตาอย่างตกใจ
วารุณีลากเก้าอี้เข้ามานั่ง “ก็ดูออกไง ทั้งเช้าเธอไม่คุยโทรศัพท์ก็ตอบแชท แล้วยังยิ้ม ใครก็ดูออกว่าเธอมีความรัก เป็นไง ความรู้สึกที่คบกับรพี?ฉันรู้สึกว่าเหมือนเธอจะไม่ต่อต้านอย่างเมื่อคืนแล้ว”
เธอมองพี่ปาจรีย์
ปาจรีย์ผลักเอกสารเอาไปด้านข้าง แล้วรินกาแฟให้เธอ “ก็ไม่ได้ต่อต้านเหมือนอย่างเมื่อคืน แต่ก็บอกไม่ได้ว่า ฉันรับรพีเข้ามาแล้วทั้งใจ รพีก็รู้ว่าฉันต้องการการปรับเปลี่ยน เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาทัก เขาก็ไม่ได้เข้าหาฉันแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว แต่ที่ฉันพิจารณาดู ที่คุยกัน ก็พยายามคุยเรื่องที่ฉันชอบมากที่สุด ฉันเลยยิ้ม”
“แบบนี้นี่เอง แต่ไม่ว่าจะยังไง การที่ชายคนหนึ่งรักเธอทั้งใจ ตามใจเธอทุกอย่าง เธอก็ควรยุติธรรมกับเขาหน่อยนะ อย่าให้เขาเป็นฝ่ายพยายามอยู่ตลอด เธอก็ควรเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง” วารุณีดื่มกาแฟแล้วพูด
ปาจรีย์พยักหน้า “ฉันรู้ ฉันจะพยายามลืมพงศกร แล้วไปรักรพี”
“งั้นก็ดี ใช่แล้ว สองวันนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” สายตาวารุณีมองไปที่ท้องของเธอ
ปาจรีย์เอื้อมมือคลำที่ท้อง ความอ่อนโยนแวบเข้ามาในสายตา “เอาตามจริง ก็ไม่ค่อยดี รู้สึกอยากอาเจียนบ่อยขึ้นเรื่อยๆ บ่อยครั้งทำให้ฉันรู้สึกไม่ไหว ฉันเองก็เพิ่งรู้ ว่าการตั้งท้องมันลำบากขนาดนี้ แต่พอนึกถึงว่ามีเด็กคนหนึ่งมาเรียกฉันว่าแม่ ฉันก็คิดว่านี่คือสิ่งที่ทำให้ฉันทนได้สินะ”
“คิดได้แบบนี้ก็ดี เธอตั้งใจเก็บเด็กคนนี้ไว้แล้ว เธอก็ต้องรับผิดชอบเขา จะมาเพราะว่าท้องแล้วรู้สึกไม่โอเค แล้วนึกเสียใจทีหลัง ฉันกลัวเธอ เพราะมีแม่มือใหม่หลายคนที่รับอาการท้องเริ่มแรกไม่ไหว แล้วไปเอาเด็กออกก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้”
“สบายใจเถอะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย” ปาจรีย์ยิ้ม
วารุณีตอบอืม จากนั้นก็มองไปที่เอกสารที่เธอจัดการเอาไว้ “พวกนี้คือรายงานตั้งแต่เมื่อไหร่?