บทที่ 777 หักห้าคะแนน

บทที่ 777 หักห้าคะแนน

ลางสังหรณ์เธอแม่นจริง ๆ

ในฐานะที่เป็นหัวหน้า เหมือนจะต้องเจอปัญหาที่อิ่นหรูอวิ๋นไม่เข้าเรียนเสียแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกเชื่อขึ้นมาว่า ทำไมบางคนถึงเข้ากันไม่ได้ เช่นเธอกับอิ่นหรูอวิ๋น ที่ไม่ลงรอยกันเลย และในฐานะที่เป็นหัวหน้าจากการเสนอชื่อ ต่อให้ไม่เต็มใจจัดการเรื่องนี้แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูด

เธอยกมือขึ้น

“คนที่ยกมือ มาเรียนผิดที่หรือเปล่า?”

อาจารย์เซี่ยหนานเหลือบเสี่ยวเถียนปราดหนึ่งก็เอ่ยปากด้วยความโมโห เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยเปิดให้คนนอกเข้ามาวิ่งเล่นแล้วงั้นเหรอ? มีเด็กมัธยมต้นเข้ามาเรียนในห้องเรียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วย!

เด็กคนนี้ดูอายุ 13-14 ปี ไม่แปลกที่อาจารย์วิชานี้จะคิดว่าเธอมาผิดที่หรือเปล่า

เสี่ยวเถียนได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกอึดอัด เอาเถอะ อันที่จริงเธอก็ดูเด็กจริง ๆ มันช่วยไม่ได้นี่ ทำใจให้ชินซะ อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้ว ไว้ทุกคนชินชาเมื่อไหร่ก็หมดปัญหาแล้วล่ะ

“สวัสดีค่ะอาจารย์เซี่ย หนูเป็นหัวหน้าคณะภาษาจีนชื่อซูเสี่ยวเถียนค่ะ!” เสี่ยวเถียนลุกขึ้นแนะนำตัวให้อาจารย์ฟังอย่างจริงจัง

ฝ่ายอาจารย์ทำหน้าเหลือเชื่ออยู่ครู่หนึ่ง

เด็กขนาดนี้เลยหรือ?

ไม่ได้มาผิดห้องหรอกหรือ?

แล้วยังเป็นหัวหน้าด้วย?

ที่ปรึกษาทำอะไรอยู่น่ะ?

เอาเด็กอายุแค่นี้มาเป็นหัวหน้า ไม่กลัวคนเขาค้านกันหรือ?

จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า เคยได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดอยู่ว่า คณะภาษาจีนมีหัวหน้าชั้นเป็นเด็กผู้หญิง และนั่นก็คือสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า

เด็กหญิงเป็นคนรู้จักมารยาทเป็นอย่างดี แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยันค่ำ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นเด็กคนอื่นจึงอดทนกันให้เสมอ แม้กระทั่งอาจารย์เซี่ยเหนียนผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับมิกจ้อซือไท่*[1] ในสายตาเสี่ยวเถียนก็ยังไม่มีข้อยกเว้น

จากนั้นเสียงแกก็เบาลงเล็กน้อย แค่เล็กน้อยจริง ๆ

เสี่ยวเถียนนึกสงสัย ถ้าแกถือไม้อยู่ในมือได้คงพูดไปเคาะโต๊ะไปด้วยแน่

“ถ้าอย่างนั้นบอกหน่อยค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิ่นหรูอวิ๋น? ทำไมเพื่อนถึงไม่มาเรียน?”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกว่าเป็นความผิดของหัวหน้าที่เพื่อนไม่เข้าเรียน แต่โชคดีเสี่ยวเถียนแข็งแกร่งพอ จึงไม่ตกใจกับอาจารย์ที่กำลังก่อตัวเป็นพายุ

“อาจารย์คะ อิ่นหรูอวิ๋นไม่ได้กลับมาโรงเรียนตั้งแต่เมื่อวานบ่ายแล้วค่ะ!”

หลังจากตอบเสร็จ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

ก็เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนนี่!

ในวันหยุดสุดสัปดาห์ นักศึกษาสามารถกลับบ้านได้

เธอก็เลยตอบแบบนั้นออกไปไงล่ะ

อาจารย์เซี่ยหนานได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าพลันดำทะมึนราวกับน้ำหมึก แค่เริ่มคาบแรกก็มีคนหนีกลับบ้านยาวแล้ว เห็นมหาวิทยาลัยเป็นอะไร?

ห้องครัวที่บ้านหรือ?

ไม่คิดจะมาเรียนหรือยังไง?

หรือไม่รู้วิธีเคารพครูบาอาจารย์?

ทำไมนักศึกษาเดี๋ยวนี้ไม่มีจิตวิญญาณในการเล่าเรียนบ้างเลย!

โลกกำลังจะแตกแล้ว!

ไม่มีเด็กคนไหนเก่งได้เท่ารุ่นก่อน ๆ เลย!

อาจารย์เซี่ยหนานขบคิดกับตัวเอง

“แล้วมีใครอยู่หอพักเดียวกับเพื่อนคนนี้ไหม?” แกถามต่อ

“หนูอยู่ห้องเดียวกับอิ่นหรูอวิ๋นค่ะ เมื่อวานเธอยังไม่กลับมาเลยค่ะ” เสี่ยวเถียนทำได้แค่กัดฟันตอบ

ฝ่ายอาจารย์มองเด็กหญิง ก่อนจะเข้าใจแล้วว่าต่อให้ถามต่อไปก็คงไม่รู้อะไรอีกแน่นอน

ช่างเถอะ ไม่ต้องถามแล้ว

“หักห้าคะแนนจากคะแนนดิบ หากขาดเรียนวิชานี้คะแนนพวกคุณจะถูกหักออกทันที”

ว่าจบก็จดลงไปในสมุดบันทึกเล่มน้อย

ทุกคนรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา เพราะถ้าแกไม่เมตตา คงได้มีคนร้องไห้คร่ำครวญแน่ ๆ งั้นหมายความว่าการขานชื่อในการเข้าเรียนนับเป็นคะแนนเลยสินะ?

เคยได้ยินว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นในระดับมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งคะแนนดิบจะคิดเป็นสัดส่วนที่แน่นอนอยู่แล้ว

ถ้าคะแนนดิบแย่ ต่อให้สอบได้ดีแค่ไหนก็ไม่ผ่าน เพราะงั้นหากพลาดขึ้นมา ปัญหาอื่น ๆ จะตามมาเป็นพรวน เช่นว่าตอนขึ้นปี 2 เราอาจจะต้องลงเรียนวิชาตัวนี้ใหม่ ต้องมาตามสอบแยกอะไรแยก ปัญหาเยอะแยะไม่รู้จบ

นักศึกษาบางส่วนลอบคิด ถ้าเราจะโดดเรียนก็คงเว้นไว้แค่วิชานี้แล้วกันที่ทำไม่ได้ อย่างน้อยถ้านับเป็นเทอม คงหายไปสิบคะแนนแล้วล่ะ

ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะไปแก้ตัวกับใครได้ล่ะ?

ต่อให้พวกเราเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็เคยสอบถามเรื่องนี้มาก่อนแล้ว การจัดการในระดับมหาวิทยาลัยผ่อนปรนกว่าระดับมัธยมมาก แต่ก็รู้ว่าถ้าสอบตก มีสิทธิ์ไม่ได้รับประกาศนียบัตรด้วย

แล้วที่เราตั้งใจอย่างหนักมันเพื่ออะไรล่ะ? ก็เพื่อเรียนจบแล้วมีงานดี ๆ ทำไม่ใช่เหรอ?

ช่วงบ่ายคณะภาษาจีนไม่มีเรียนแล้ว ทีแรกเสี่ยวเถียนตั้งใจจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด แต่ขี้เกียจเกินไปจึงกลับมานั่งอ่านที่ห้องแทน

ด้วยแรงขับเคลื่อนของเด็กสาว คนอื่น ๆ ในห้องจึงอ่านบ้าง

ตอนอิ่นหรูอวิ๋นกลับมาถึง ภาพที่เห็นคือเพื่อนในห้องทั้ง 7 คน กำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยความเรียบร้อย

เมื่อได้ยินเสียงประตู เสี่ยวเถียนเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบคนมาใหม่ เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงดึงสายตากลับมาแล้วอ่านหนังสือต่อ

อีกฝ่ายก็เหลือบมองมาเช่นกัน และสายตาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ปฏิกิริยาที่ได้รับทำให้ตนไม่มีที่ระบายความโกรธ จึงได้แต่เข้านอนด้วยความขุ่นเคืองใจเท่านั้น

จ้าวหงเหมยที่ไม่ได้ตั้งใจอ่านหนังสือเท่าไร เงยหน้ามองความเคลื่อนไหวในห้องอยู่หลายครั้งไม่รู้เพราะอะไร แต่อิ่นหรูอวิ๋นในวันนี้ดูทำตัวแปลก ๆ แต่บอกไม่ได้ว่ามันแปลกตรงไหน

แต่เธอไม่ใช่คนที่ใส่ใจอะไรนัก ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่มันก็หายไปในพริบตา

จากนั้นก็กลับมาตั้งสมาธิอ่านหนังสือต่อ

ไม่ผิดเสียหน่อยที่จะทำแแบบนั้น

ต่อให้ไม่สามารถสอบได้อันดับหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นนักเรียนเรียนดีและได้รับทุนการศึกษาได้นะ

ทุกคนมาจากต่างโรงเรียน และระดับความรู้มีไม่เท่ากัน

แต่เพราะมีแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือมาก เจ็ดแปดคนในห้องไม่มีใครพูดอะไรสักคำ เอาแต่นั่งอ่านกันเงียบ ๆ

ถ้าอาจารย์สักคนเข้ามาเห็นฉากนี้คงชื่นใจ

สาว ๆ อ่านจนถึงเวลาอาหารเย็น ก่อนจะออกไปกินข้าวด้วยกัน

เมื่อวานเรากินเนื้อที่บ้านซูไปเยอะมาก วันนี้จึงเลือกกินผักแทน แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่าคือ อิ่นหรูอวิ๋นยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงกระทั่งเรากลับมาถึง ไม่รู้ว่าหลับหรือเปล่า

ต่งเยี่ยนอันคิดว่า ไหน ๆ เราก็อยู่ห้องเดียวกันแล้ว ถามสักหน่อยจะได้ไม่เป็นการเมินเฉยกันและกัน

“หรูอวิ๋น ไม่กินข้าวเหรอ? เธอไม่สบายหรือเปล่า?”

[1] เป็นเจ้าสำนักง้อไบ๊รุ่นที่สาม ตัวละครในเรื่องดาบมังกรหยก