บทที่ 778 โต้เถียง

บทที่ 778 โต้เถียง

ต่งเยี่ยนอันถาม แต่อิ่นหรูอวิ๋นนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม

เธอมองเตียงที่ไม่มีการเคลื่อนไหว พลันคิดว่าอีกฝ่ายหลับอยู่ ถึงเราจะไม่ชอบเจ้าตัวมากนัก แต่ก็ลดเสียงลงเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนหลับ

เวลานี้เราเพิ่งกินข้าวเสร็จยังไม่เหมาะแก่การอ่านหนังสือเท่าไหร่ ถ้าจะคุยก็กลัวเพื่อนตื่น บรรยากาศในห้องจึงเงียบลงถนัดตา

หลังจากเอ่ยคุยกันไม่กี่คำ พวกเราเกิดความรู้สึกเบื่อขึ้นมาจึงแยกย้ายขึ้นเตียงเพื่ออ่านหนังสือแทน

หลี่เจี้ยนหงนอนอยู่เตียงบน ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับอิ่นหรูอวิ๋นพอดี ตอนปีนขึ้นเตียงของตนเอง สายตาก็เหลือบเห็นอีกฝ่ายนอนจ้องเพดานด้วยอย่างว่างเปล่า

เหอะ ยังไม่หลับแท้ ๆ แต่กลับไม่ตอบต่งเยี่ยนอันสักคำ หลี่เจี้ยนหงทำได้แค่ค่อนแคะในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกไป จากนั้นก็มองไปทางคนอื่น ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นเลย ตนจึงแสร้งเมินแล้วหยิบหนังสือมานอนอ่านเงียบ ๆ

เวลาปิดไฟของหอพักคือ 22:30 น. บางคนอ่านหนังสือถึง 21:50 น. ก็ลุกไปชำระล้างร่างกายเพื่อเตรียมตัวเข้านอน

วันนี้เสี่ยวเถียนอ่านครบสิบชั่วโมงแล้ว แถมยังถูกรางวัลอีกต่างหาก วันนี้เธอได้ของกระจุกกระจิกกลับมาหลายอย่าง บางอันก็ใช้ได้แค่ระยะเวลาสั้น ๆ บางอันยังใช้ไม่ได้

วันนี้เธอได้เสื้อกันลมกับแบบร่างของเสื้อมาด้วย สไตล์ดูดีมากถึงจะเห็นแค่รูปก็ตาม ถ้าทำมันออกมาน่าจะสร้างรายได้มหาศาลแน่นอน แต่ไม่รู้จะใช้แบบเพื่อผลิตออกมายังไงน่ะสิ เลยรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดยกร่างแบบเสื้อผ้าให้ป้าเถาฮวานะ แต่โรงงานแกเล็กเกิน แรงงานผลิตมันไม่พอ แล้วถ้าไม่สามารถผลิตออกมาได้จำนวนมาก ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ พอเราวางขายมันจะเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้น

ถึงตอนนั้นแบบร่างก็คงไร้ประโยชน์แล้ว

หลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เสี่ยวเถียนตัดสินใจเก็บไว้ในระบบไปก่อน ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสได้ใช้หรอก แต่ถ้าเป็นอีกสองสามปีข้างหน้าสไตล์ของมันยังไม่ล้าสมัยแน่นอน

แบบนั้นก็รอดูก่อนดีกว่า โรงงานป้าเถาฮวาในตอนนั้นจะพัฒนาไปในทางไหนนะ?

คืนนี้เสี่ยวเถียนนอนหลับสนิทไม่ฝันเลยสักนิด มีแค่การอ่านหนังสือเท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกเติมเต็มได้ และมันก็กลายเป็นนิสัยแล้ว เสี่ยวเถียนรู้สึกเคยชินกับมันไปเสียแล้ว

เสี่ยวเถียนคิดว่าโรงงานของป้าเถาฮวาพัฒนาค่อนข้างช้า แต่ตัวป้าเถาฮวาไม่คิดเช่นนั้น โรงงานนี้เราเพิ่งจะเปิดไม่กี่ปีเองนะ? จากร้านตัดเสื้อเล็ก ๆ มาเป็นโรงงานที่มีคนงานกว่า 20 คน นับว่าดีไม่น้อย ถึงพื้นที่จะเล็กและคนน้อย แต่ยังถือว่าเป็นมาตราฐานการผลิตได้อยู่

เถาฮวาคร่ำครวญเรื่องนี้กับสามีในตอนกลางคืน

เสิ่นจื่อเจินคิดว่าโรงงานเถาฮวากำลังพัฒนาไปด้วยดี เขาสนับสนุนให้เธอพยายามต่อไป

แน่นอนอยู่แล้วว่าเสี่ยวเถียนไม่รู้เรื่องนี้

อันที่จริงคนรอบข้างคิดว่าโรงงานเถาฮวาพัฒนาเร็วมาก แต่เสี่ยวเถียนกลับคิดว่า มันค่อนข้างราบรื่นไปหน่อย ความเร็วก็ค่อนข้างช้า

เช้าวันต่อมา เหล่าเด็กสาวตื่นขึ้นไปอาบน้ำ

เสี่ยวเถียนจำสิ่งที่พี่ชายบอกได้ เรื่องที่ทางมหาวิทยาลัยจะคัดเลือกคนไปเข้าร่วมเดินขบวนในวันชาติ เขายังบอกอีกว่าจะจัดกลุ่มสำหรับเด็กใหม่จำนวน 100 คน และคณะของเรามีคุณสมบัติเหมาะมาก

แต่ไม่รู้ว่ามีใครได้รับการคัดเลือกบ้าง เสี่ยวเถียนยืนนึกขณะแปรงฟัน เพราะมหาวิทยาลัยเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย และอาจพิจารณาถึงประเด็นอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะใช้ผลการฝึกทหารเป็นเกณฑ์คัดเลือกล้วน ๆ

แต่มันก็มีกฎดั้งเดิมอยู่ นั่นคือจะต้องเป็นชายหญิงหน้าตาดี คนที่ท้วมเกินไป สูงเกินไป หรือเตี้ยเกินไป มีความน่าจะเป็นที่จะถูกคัดออก เพราะถ้ายืนอยู่ด้วยกันแล้วเกิดความไม่สม่ำเสมอ จะเป็นการทำลายภาพลักษณ์โดยรวมเอาได้

เสี่ยวเถียนรู้สึกคนที่เกิดมาหน้าตาดีก็มีสิทธิพิเศษแล้ว

บางทีเธออาจแพ้การคัดเลือกครั้งนี้ ถึงจะทำผลงานได้ดีและเป็นถึงหัวหน้า แต่เธอยังเด็กเกินไป

ในกลุ่มคนนับร้อย หากมีตนยืนอยู่ด้วยก็อาจไม่เข้าพวกนิดหน่อย ถ้าทางมหาวิทยาลัยพิจารณาแบบนี้ มันมีโอกาสมากที่ตนจะไม่ได้รับการคัดเลือก

โชคดีที่ตนเป็นพวกไม่สนใจอยู่แล้ว ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้

เหตุผลก็เหมือนควรไปเรียนหรือไปเรียนนั่นแหละ

ผลน่าจะประกาศวันจันทร์ เราไม่มีอะไรต้องห่วง ถ้ามีเธอในรายชื่อก็ดี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร

ทางฝั่งฮั่วซือเหนียนกำลังโต้เถียงอยู่ในห้องทำงานอธิการ

ถูกต้อง พวกเราทะเลาะกัน

เหตุผลก็คือท่านอธิการตั้งใจจะตัดเสี่ยวเถียนออกจากรายชื่อ

เหตุผลเหมือนกับที่เสี่ยวเถียนคาดเดานั่นแหละ รองอธิการที่รับผิดชอบเรื่องนี้รู้สึกว่าถ้าเอาเด็กอายุ 13-14 ปีมารวมกลุ่มคนโตมันจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเอา

แต่ความหมายของฮั่วซือเหนียนก็คือ จะเอาใครเข้าออกก็ได้ แต่เสี่ยวเถียนต้องอยู่ในนั้นด้วยสิ

“อาจารย์ฮั่ว ผมได้ยินมาว่าคู่หมั้นคุณเป็นพี่สาวของซูเสี่ยวเถียน คุณจะให้สิทธิพิเศษกับว่าที่น้องภรรยาไม่ได้นะ!” รองอธิการเซียวหย่วนหยางมองชายตรงข้ามที่ดูไม่มีความสุข

ฮั่วซื่อเหนียนเกือบหลุดโมโห

เขารู้ดีกว่าตัวเองไปขวางทางเซียวหย่วนหยางตอนย้ายมาจากที่เก่า

ในตอนนั้น รองอธิการคนนี้กำลังตั้งใจต่อสู้รับโอกาสที่จะได้ย้ายมาจิ่งเฉิงเพื่อน้องสะใภ้ แต่จู่ ๆ ฮั่วซื่อเหนียนก็เข้ามาเสียบแทนที่โดยไม่ทราบสาเหตุ สำหรับคนอื่นก็คงไม่พอใจนิดหน่อย แต่คนอย่างเซียวหย่วนหยางมันไม่ใช่แบบนั้น

เขาเป็นคนใจแคบมาก เขารู้สึกเกลียดฮั่วซือเหนียนจากเหตุการณ์ที่ว่า และมักจะขัดแข้งขัดขาเขาอยู่เสมอ และคราวนี้เขาก็คว้าโอกาสมาได้ แน่นอนว่าจะต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์แน่นอน

“ในเมื่อรองอธิการเซียวคิดเช่นนั้น ผมพูดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เรื่องนี้ผมไม่ประนีประนอมหรอกนะ”

ว่าจบก็กระแทกประตูปิดพร้อมเดินจากไปโดยไม่รอคำตอย

ถ้าไอ้เรื่องแค่นี้ยังไม่สามารถทำได้ ฮั่วซือเหนียนรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลที่เขาจะอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้

แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเสียหน้าหรอกนะ

แต่สำหรับนักเรียนที่ยอดเยี่ยมอย่างซูเสี่ยวเถียน ถ้าทางโรงเรียนไม่เห็นคุณค่าและขัดขวางเธอเอาไว้ มหาวิทยาลัยแบบนี้ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ