บทที่ 779 เธอยังเด็ก

บทที่ 779 เธอยังเด็ก

ตอนนี้เขาอยากสู้อีกสักหน่อย ไม่อยากยอมแพ้ไปง่าย ๆ เพราะมันเป็นการตัดสินใจของรองอธิการคนเดียว ไม่ใช่ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเสียหน่อย

คิดได้เช่นนั้นฮั่วซือเหนียนก็หมุนตัวเดินไปหาอธิการ

เซียวหย่วนหยางยิ้มเยาะตอนเห็นอีกฝ่ายจากไปด้วยความโมโห ก็แค่ไอ้หนุ่มคนนึง คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญนักหรือไง? คิดจะท้าทายอำนาจรองอธิการคนที่สามงั้นหรือ?

ครั้งนี้แหละ เขาจะทำให้ทุกคนรู้ว่าการโดนคนยศใหญ่กว่าบดขยี้มันเป็นยังไง! แม้จะคิดใช้อำนาจปราบอีกฝ่ายอยู่แล้ว แต่ท่าทางของฮั่วซือเหนียนก็ยังทำให้โกรธจัดอยู่ดี

โดยเฉพาะในตอนที่นึกภาพโดนคนยศสูงกว่าใช้อำนาจ ตนอยู่มหาวิทยาลัยมาตั้งหลายปีเคยโดนอธิการทำใส่จนเกือบตาย แค่คิดก็ยิ่งโมโห

เขากระแทกปากกาลงบนโต๊ะ

แต่แล้วก็จำได้ว่าราคามันแพง

เลยรีบหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความระมัดระวัง ให้แน่ใจว่ามันไม่แตกหักตรงไหนแล้วค่อยวางลงข้าง ๆ

ใบหน้าคู่นั้นยังคงดำทะมึน

ไอ้ฮั่วซือเหนียนนั่น มันคงไม่ได้คิดจะพึ่งพาเส้นสายจากต่างประเทศเพื่ออวดเบ่งหรอกใช่ไหม?

จวบจนตอนนี้ ทุกคนรู้สึกว่าคนที่ได้ไปต่างประเทศนั้นโชคดีมาก ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อนมันคงไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยสักนิด

ไม่รู้อธิการแก่แล้วเลอะเลือนหรือเปล่า

ไอ้หนุ่มที่ทำตัวโดดเด่นนั่นมีดีอะไรนักหนา

ได้ไปต่างประเทศแล้วมันทำไม? มีปากหลายอัน หูหลายคู่เหรอ?

น้องสะใภ้สอนมาตั้งหลายปี มีประสบการณ์มากมาย แล้วสู้ไอ้หนุ่มไร้ประสบการณ์นั่นไม่ได้ยังไง?

พูดถึงฮั่วซือเหนียน แล้วก็นึกถึงซูเสี่ยวเถียน ทำไมนังหนูนั่นถึงได้เป็นหัวหน้าคณะภาษาจีน? แถมได้ยินมาว่าจะเข้าร่วมกับองค์การนักศึกษาด้วย ดีเหลือเกินนะ

เพราะมีเส้นสายเป็นฮั่วซือเหนียนว่าที่พี่เขยใช่ไหมล่ะ?

คนแบบนี้น่ารังเกียจที่สุด เล่นพรรคเล่นพวก เขาไม่สามารถปล่อยให้คนพวกนี้อยู่ต่อไปได้

อะไรนะ?

จะบอกว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ เรียนเก่งเหรอ?

เรียนดีแล้วมันทำไมกัน?

บนโลกนี้มีเด็กเรียนดีตั้งเยอะตั้งแยะ

ไม่รู้หรอกนะว่าที่อื่นเป็นยังไง แต่ที่หมาวิทยาลัยจิ่งเฉิงไม่มีใครเรียนแย่หรอก และเขาก็ไม่สนใจถ้าจะต้องเสียนักเรียนไปอีกคนด้วย

หลังจากนั่งอยู่นานในที่สุดก็สงบจนได้

……

ทางฝั่งซูเสี่ยวเถียนไม่รู้เรื่องนี้ นั่งเก็บกระเป๋าวุ่นวายอยู่ที่หอ

ตอนเช้ามีเรียนสองตัวเท่านั้น เลยไม่มีอะไรให้ต้องท่องจำเยอะ เธอจึงเลือกเล่มที่ตั้งใจจะอ่านช่วงนี้ขึ้นมา

ตอนนั้นเองที่อิ่นหรูอวิ๋นลุกขึ้น

เสี่ยวเถียนเหลือบมองก่อนจะพบว่าสีหน้าฝ่ายนั้นดูย่ำแย่มาก

ใบหน้าบวมเป่ง รอบดวงตามีรอบคล้ำ

เหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน

แต่เราก็เห็นกันอยู่นี่ว่าอิ่นหรูอวิ๋นหลับตั้งแต่บ่าย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?

ทุก ๆ คนยกเว้นหลี่เจี้ยนหง จึงอดแปลกใจมาก

หรือจะป่วย?

แต่เธอดูไม่เหมือนคนป่วยเลยนะ เหมือนโดนทำร้ายมาเลย

ถึงทุกคนจะมีความคิดอยู่ในใจแต่กลับไม่มีใครพูดออก

เราเพิ่งรู้จักกันแค่ครึ่งเดือน แต่ก็รู้แล้วว่าอิ่นหรูอวิ๋นเป็นพวกเจตนาร้าย

ถ้าเราเอ่ยปากถาม ฝ่ายนั้นจะไม่คิดว่าเราใส่ใจ แต่คิดว่าเห็นตัวเองเป็นเรื่องตลก

เขาไม่ต้องการความหวังดีจากใคร คนประเภทนี้เป็นพวกคิดว่าตัวเองถูกอยู่เสมอ ถ้ามีปากเสียงกันคนอื่นจะเป็นฝ่ายผิด เพราะงั้นเราก็เลยไม่สนใจ เพราะเดิมทีก็ไม่ใส่ใจเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว

อิ่นหรูอวิ๋นเห็นซูเสี่ยวเถียนมองมา แต่กลับแสดงออกด้วยท่าทีดุร้ายนั้น

เธอไม่ได้ปริปากอะไร แล้วหยิบอุปกรณ์อาบน้ำออกไป

ปกติเธอคนนี้จะใช้เวลาอาบน้ำนาน แต่วันนี้แปลกหน่อย

วันนี้เธออาบน้ำด้วยความรวดเร็ว

ไม่ได้ใช้เวลาแต่งตัวเยอะด้วย แค่เจ็ดแปดนาทีก็เสร็จ แล้วคว้ากระเป๋าออกไปทันที

ทำตัวเหมือนผีสางตั้งแต่ต้นจนจบ ท่าทางแปลกมาก ๆ

“หรูอวิ๋นเป็นอะไรไปเหรอ?” ต่งเยี่ยนอันกังวล

คนอื่น ๆ ส่ายหัว ตั้งแต่กลับมา อีกฝ่ายยังไม่พูดอะไรเลยสักคำ แล้วเราจะรู้ได้ยังไง!

“ช่างมันเถอะ ถ้าเพื่อนอยากพูดก็คงพูดเอง แต่ไม่ก็ต้องไม่ไปสนใจ”

หลี่เจี้ยนหงจำได้ว่าเมื่อวานยังไม่ได้รับคำตอบเลย จึงเอ่ยตรง ๆ

ทุกคนเข้าใจดี

เราเป็นตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครยอมใครหรอก

อิ่นหรูอวิ๋นเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะป่วยหรือโดนทุบตีมันก็เป็นเรื่องของเธอเท่านั้น

เสี่ยวเถียนยังคงสงสัยว่าทำไมเพื่อนถึงตั้งตัวเป็นศัตรูกันขนาดนั้น? เธอไม่เคยทำอะไรให้เลยนะ แต่อีกฝ่ายกลับหมายหัวตนเองไว้ตั้งแต่วันแรก และเราต้องมาอยู่หอร่วมกันอีก มันน่าอึดอัดมาก

บางครั้งยังนึกเลยว่าซื้อบ้านไว้สักหลังแล้วย้ายออกไปเลยดีไหม?

แต่ช่วงนี้สภาพคล่องทางการเงินไม่ค่อยดี ไม่ได้มีเงินเยอะแล้ว ด้วยอายุของเธอ หากต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกตามลำพังคนที่บ้านก็คงไม่สบายใจแน่ ๆ

ช่างเถอะ เดี๋ยวก็ชิน!

ยังดีที่เพื่อนในห้องนิสัยดีมาก

เรื่องทุกข์ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อิ่นหรูอวิ๋นนำมาให้มันจะผ่านไปในไม่ช้า

ชีวิตของเด็กหญิงมักจะเต็มไปด้วยความสุขเสมอแหละ

ต้นไม้ใบหญ้า การสอนแสนสนุกของอาจารย์ ความงามของหนุ่ม ๆ ทำให้ชีวิตสาว ๆ มีความสุขและมีชีวิตชีวาเสมอ

เรามีวันหยุดหนึ่งวัน

เย็นวันเสาร์ เสี่ยวเถียนและอี้หย่วนกลับบ้าน

บ้านที่เราอยู่ไม่ไกลจากกันนัก เดินทางไปกลับไม่เคยมีปัญหา

เสี่ยวเถียนอยากกลับบ้านไว ๆ เพราะอยากรู้สถานการณ์ของเสี่ยวปาและเสี่ยวจิ่ว เรื่องของพี่ ๆ ทั้งสองทำเธอเป็นห่วงมาก

“เสี่ยวเถียน ช่วงนี้ใช้เวลากับเธอน้อยลงเรื่อย ๆ เลย ไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลยนะ!”

น้ำเสียงไม่พอใจของเขาทำเสี่ยวเถียนรู้สึกว่ามันตลกมาก

“พี่อี้หย่วน พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ พี่โตแล้ว!”

ตัวโตขนาดนี้ยังทำตัวน่ารักเกาะติดเป็นเด็ก ๆ อีก ไม่ไหวเลย

ประโยคที่ตอบกลับไปทำให้ฉืออี้หย่วนรับรู้ได้ว่าไม่มีที่ว่างให้พัฒนาความสัมพันธ์

พอเห็นใบหน้าของเด็กสาวก็เข้าใจ สาวน้อยเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องรักใคร่ ช่างเถอะ รอให้เธอโตกว่านี้ก่อนแล้วกัน ที่จริงในฐานะที่เสี่ยวเถียนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ตามปกติเธอต้องเข้าใจอยู่แล้ว

เดิมทีก็มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่นั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าเพราะที่บ้านตามใจมากเกินไปหรือเปล่า สภาพจิตใจจึงเหมือนร่างกายภายนอกเข้าทุกวัน เลยส่งผลให้เรื่องของความรู้สึกถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง