ตอนที่ 775 ช่วยเหลือ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 775 ช่วยเหลือ

ในหุบเขาชิงซี ม้าศึกวิ่งบุกเข้าไปด้านใน ดินโคลนสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

สายฝนตกกระทบลงบนใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนจนหญิงสาวรู้สึกเจ็บราวกับถูกใบมีดกรีดลงบนใบหน้า ทว่า นางยังคงมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่ลังเล

สงครามที่ด่านชิงซีซานยังดุเดือด ทหารกองทัพต้าจิ้นค่อยๆ บุกเข้าไปเรื่อยๆ ประตูด่านชิงซีซานถูกโจมตีจนสั่นคลอน ในที่สุดทหารสองกลุ่มที่หลิวหงสั่งให้แฝงตัวอยู่ในด่านชิงซีซานจึงปรากฏตัวออกมา พวกเขาบุกเข้าไปสู้รบกับทหารต้าเหลียงที่กำลังต้านทานรถกระทุ้งประตูของของกองทัพต้าจิ้นที่กำลังพังประตูด่านเข้ามาอยู่

ภายในประตูเหล็กอันแข็งแรงทนทานและหนักอึ้งของด่านชิงซีซาน ทหารสองกลุ่มของต้าจิ้นต่อสู้กับทหารคุ้มกันประตูของต้าเหลียงอย่างดุเดือด รถกระทุ้งประตูที่อยู่ทางด้านนอกเกือบพังประตูด่านเข้ามาได้หลายครั้ง ทว่า เหมือนจะขาดแรงไปสักนิดเกือบทุกครั้ง

หลิวหงที่ยืนอยู่บนรถม้าศึกร้อนใจดั่งไฟรน สงครามครั้งนี้ยากเย็นกว่าที่หลิวหงคิดไว้มาก!

กองทัพต้าเหลียงก่อนหน้านี้สู้กองทัพจ้าวไม่ได้แม้แต่น้อย ครั้งที่แล้วกองทัพจ้าวพ่ายแพ้จากสงครามที่ติดตามแม่ทัพสวินเทียนจางไปออกรบ พวกเขาถูกจักรพรรดิต้าเหลียงปล่อยปละละเลยไปพักใหญ่ ตอนนี้กำลังเก็บกดเป็นอย่างมาก แม่ทัพจ้าวเซิ่งให้คำสัตย์ว่าจะเอาศีรษะของตัวเองแลกกับชัยชนะสงครามที่ด่านชิงซีซานในครั้งนี้ กองทัพจ้าวย่อมสู้จนตัวตายอยู่แล้ว

ตอนนี้สิ่งที่หลิวหงเป็นห่วงกว่าก็คือไป๋จิ่นจื้อ เขาให้ไป๋จิ่นจื้อเลือกคนไปเอง เด็กสาวนั่นใจกล้าถึงขนาดเลือกทหารไปเพียงห้าร้อยนาย หลิวหงจึงเพิ่มทหารให้นางอีกหนึ่งพันนาย

ตอนนี้ต้าเหลียงกำลังหวาดกลัวกับธงเฮยฟานไป๋หมั่งของไป๋จิ่นจื้อ พวกเขาพากองกำลังส่วนใหญ่ของต้าเหลียงไปรับมือกับไป๋จิ่นจื้อ ประตูด่านต้องถูกพังทลายก่อนที่จ้าวเซิ่งจะไหวตัวทัน มิเช่นนั้นหากต้าเหลียงย้อนกลับมาปกป้องกำแพงด้านนี้ไว้อย่างสุดความสามารถ พวกเขาคงยึดด่านชิงซีซานนี้ได้ยากกว่าเดิมหลายเท่า

น่าเสียดายที่หลิวหงไม่มีทหารยอดฝีมืออย่างค่ายหู่อิงอยู่ในมือ มิเช่นนั้นการบุกเข้าไปในด่านชิงซีซานคงไม่ใช่เรื่องยากถึงเพียงนี้

หลิวหงกำหมัดแน่น วันนี้คือสงครามที่จะลบล้างคำว่า ‘เต่าในกระดอง’ ของเขา เขาจะต้องยึดด่านชิงซีซานให้ได้ก่อนที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะนำทัพมาช่วยเหลือ

“รายงาน…”

เมื่อหลิวหงซึ่งอยู่บนรถม้าศึกได้ยินจึงหันไปมองทางต้นเสียง

ทหารส่งสารคนหนึ่งขี่ม้ามาหยุดอยู่ใกล้เขา จากนั้นกล่าวขึ้นเสียงดังลั่น “ท่านแม่ทัพ กองกำลังเสริมขององค์หญิงเจิ้นกั๋วมาถึงแล้วขอรับ!”

สิ้นเสียงของทหารส่งสาร หลิวหงจึงเห็นไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเข้ามา

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” หวังสี่ผิงรีบขี่ม้าเข้าไปต้อนรับทางด้านหน้า

หลิวหงตกตะลึง สภาพร่างกายของไป๋ชิงเหยียนจะทนพายุฝนเช่นนี้ไหวอย่างนั้นหรือ!

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้หวังสี่ผิงเล็กน้อย หญิงสาวขี่ม้าเข้าไปหาหลิวหงแล้วกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง จากนั้นกำหมัดคารวะหลิวหง “แม่ทัพหลิว!”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เหตุใดจึงไม่กลับไปพักผ่อนที่ค่ายทหารก่อนพ่ะย่ะค่ะ ร่างกายขององค์หญิงทรงรับไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงเห็นไป๋ชิงเหยียนสวมชุดเกราะสีเงินเด่นสง่าอยู่ท่ามกลางสายฝน ไม่ได้มีท่าทีอ่อนแอเหมือนตอนที่อยู่ในเมืองหลวงแม้แต่น้อย หลิวหงคิดว่าไป๋ชิงเหยียนคงกลัวว่าทหารจะเสียกำลังใจจึงแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง เขารีบยกมือคารวะหญิงสาว “องค์หญิงเจิ้นกั๋วรีบขึ้นมาหลบฝนบนรถม้าศึกก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายมือปฏิเสธ แววตาคมกริบของหญิงสาวมองไปยังกำแพงเมืองของด่านชิงซีซานที่สว่างไสวตรงหน้านิ่ง หญิงสาวกระชากบังเหียนม้าควบคุมม้าศึกของตัวเองที่อยู่ไม่เป็นสุข จากนั้นเอ่ยถาม “ไป๋จิ่นจื้อพาทหารอ้อมไปทางด้านหลังกี่นาย”

ใจของหลิวหงกระตุกวูบ เขากลัวไป๋ชิงเหยียนจะวู่วามเพราะความเป็นห่วงไป๋จิ่นจื้อ ทว่า จำต้องเอ่ยตอบตามความจริง “เกาอี้จวิ้นจู่พาทหารหนึ่งพันห้าร้อยนายแบกธงเฮยฟานไป๋หมั่งไปพ่ะย่ะค่ะ”

ไช่จื่อหยวนที่อยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนตะลึงงันไปทันที ไม่รู้ว่าเกาอี้จวิ้นจู่มีวรยุทธเก่งกล้าจึงใจกล้าหรือเป็นคนวู่วามกันแน่ เขารีบควบม้าไปหาไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ทหารเพียงหนึ่งพันห้าร้อยนายคงถูกจับได้ในอีกไม่นานพ่ะย่ะค่ะ พวกเราควรรีบทำลายกำแพงเมืองให้ได้ มัวชักช้าไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทิ้งคนไว้ด้านในด่านเพื่อเปิดประตูด่านให้พวกเราเข้าไปหลังจากเกาอี้จวิ้นจู่ล่อทหารส่วนใหญ่ไปด้านหลังแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงกำหมัดแน่น “อีกไม่นานประตูต้องเปิดออกแน่พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดรอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนขบกรามแน่น หญิงสาวได้ยินเสียงหินก้อนใหญ่จากรถยิงหินลอยไปตกบนกำแพงเมืองไม่ขาดสาย เมื่อมองไปบนกำแพง…บันไดปีนกำแพงล้มระเนระนาด พลธนูระดมยิงธนู ทหารต้าเหลียงใช้ก้อนหินทุบทหารต้าจิ้นเพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาปีนขึ้นไปบนกำแพงได้สำเร็จ ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

รถกระทุ้งประตูเมืองยังคงโจมตีประตูเมืองไม่หยุดหย่อน ทว่า ประตูยังไม่มีท่าทีว่าจะถูกทำลายลงในตอนนี้แม้แต่น้อย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด สายฝนเริ่มซาลงแล้ว

“รายงาน…”

ทหารส่งสารที่อยู่ด้านล่างกำแพงด่านชิงซีซานขี่ม้ากลับมาทางกองทัพต้าจิ้นพลางตะโกนรายงานเสียงดังลั่น “จำนวนทหารคุ้มกันประตูเมืองเพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนต้าเหลียงจะย้อนกลับมาแล้วขอรับ!”

สิ้นเสียงของทหารผู้นี้ ทหารที่หลิวหงส่งไปสังเกตการณ์ในด่านชิงซีซานบนหน้าผาสูงก็กลับมารายงานอย่างรีบร้อนเช่นเดียวกัน “รายงาน…กองกำลังหลักของต้าเหลียงย้อนกลับมาแล้วขอรับ!”

หลิวหงกำหมัดแน่น จากนั้นตะโกนสั่งเสียงดังลั่น “ถ่ายทอดคำสั่ง พังประตูด่านเข้าไปให้ได้ไม่ว่าจะแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม! เร็วเข้า!”

ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าไม่อาจรอช้าได้อีกแล้ว หากรอช้ากว่านี้ทหารต้าจิ้นจะเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ไป๋จิ่นจื้อจะตกอยู่ในอันตราย

ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางหลิวหงที่มีสีหน้าเคร่งขรึม “แม่ทัพหลิวหงต้องการชีวิตของทหารต้าจิ้นเหล่านี้หรือต้องการลบล้างคำสบประมาทว่าเป็นเต่าที่หดหัวอยู่แต่ในกระดองกันแน่”

หลิวหงจะไม่เข้าใจความหมายที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการสื่อได้อย่างไร กองกำลังหลักของต้าเหลียงย้อนกลับมาแล้ว แสดงว่าจ้าวเซิ่งรู้ตัวแล้วว่าไป๋จิ่นจื้อใช้ธงเฮยฟานไป๋หมั่งมาขู่พวกเขา หากกองกำลังหลักกลับมาถึงกำแพงเมืองก่อนที่พวกเขาจะพังประตูเข้าไปได้ วันนี้พวกเขาคงยึดด่านชิงซีซานกลับมาไม่ได้แน่ๆ

หากหลิวหงยังเห็นแก่ชื่อเสียงของตัวเอง ไม่ยอมให้ไป๋ชิงเหยียนช่วย ต่อให้วันนี้เขาจะยึดด่านชิงซีซานกลับมาได้ เขาก็คงต้องสูญเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก

พวกเขาตกเป็นรองจึงเป็นฝ่ายโจมตีเมือง พวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แล้ว

หลิวหงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แม้เขาจะได้ชื่อว่าเป็นเต่าที่หดหัวอยู่แต่ในกระดองไปตลอดชีวิตก็ไม่สำคัญ ทว่า เขาไม่อาจปล่อยให้ทหารเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้ได้!

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดช่วยเหลือด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หลิวหงกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน

เมื่อหวังสี่ผิงได้ยินเช่นนี้จึงดีใจขึ้นมาทันที

ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับไช่จื่อหยวน “ถ่ายทอดคำสั่ง โจมตีเมืองเดี๋ยวนี้!”

ไช่จื่อหยวนรับคำสั่ง จากนั้นขี่ม้าไปทางด้านหลัง เขากระชากบังเหียนม้าให้หยุดอยู่ตรงหน้าบรรดาทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยวที่ยืนรออยู่ทางด้านหลัง

บรรดาทหารเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดที่สุดจากจี้ถิงอวี๋บนภูเขาหนิวเจี่ยว พายุฝนที่โหมกระหน่ำเมื่อครู่ทำเอาทหารกองทัพต้าจิ้นต่อสู้จนหนาวสั่นไปทั้งร่าง ทว่า บรรดาทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยวที่เพิ่งเดินทางมาถึงยังคงยืนหลังตรง เลือดร้อนในกายเดือดพล่านไม่มีหยุด

ทหารเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดและลำบากที่สุดในทุกฤดู ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขามาอยู่ในสงครามจริงๆ พวกเขาจึงจะสามารถเอาตัวรอดในสงครามที่โหดร้ายได้

สำหรับกองทัพไป๋แล้ว การชนะศึกคือสิ่งสำคัญ ทว่า ชีวิตของทหารก็สำคัญเช่นเดียวกัน

ไช่จื่อหยวนกล่าวกับองครักษ์ไป๋จ้าวหร่านซึ่งเป็นคนนำทหารสามพันนายจากภูเขาหนิวเจี่ยวมา “แม่ทัพจ้าว องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีรับสั่งให้บุกโจมตีเมืองเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

จ้าวหร่านพยักหน้าจากนั้นหันไปหาบรรดาทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยว “พวกเราซ่อนตัวอยู่ในภูเขามาเป็นเวลาปีกว่า พวกเราฝึกฝนอย่างยากลำบากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดในทุกๆ วันก็เพื่อวันนี้ นี่คือสงครามแรกของพวกเจ้า หากพวกเจ้านำความสามารถที่แท้จริงที่ได้จากการฝึกซ้อมในแต่ละวันออกมา พวกเราจะพังประตูเมืองเข้าไปได้อย่างง่ายดาย พวกเราจะลดอัตราการเสียชีวิตของทหารแคว้นต้าจิ้นของพวกเราได้อีกมากมาย ให้ทหารกองทัพต้าจิ้นได้เห็นว่ากองทัพไป๋ทำสงครามเช่นไร บุกโจมตี!”