บทที่ 747 รายชื่อผู้เข้าแข่งขัน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เมื่อนัทธีได้ยินเสียงมีความสุขของผู้หญิง หัวใจที่พันกันยุ่งเหยิงก็คลายลง “ผมนึกว่า คุณจะไม่ชอบที่ผมจัดไว้ให้”

“เปล่าค่ะ ฉันชอบมาก” วารุณีส่ายหัวยิ้มแล้วพูด

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย “ชอบก็ดี มีเพื่อนอยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณจะได้ไม่เหงามาก ผมเองก็สบายใจขึ้น”

“อื้ม ขอบคุณนะคะสามี” วารุณีถือโทรศัพท์มาไว้ตรงหน้า มั๊ว

นัทธีเลิกคิ้ว “นี่คุณ……กำลังจูบผมเหรอ?”

“ใช่ไงคะ แค่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ฉันเลยจูบไม่ถึงคุณ ทำได้แค่แบบนี้แหละ” วารุณียักไหล่อย่างเสียใจ

นัทธีหรี่ตา “วิธีนี้ก็ไม่เลวนะ อีกทีสิ”

“ห้ะ?” วารุณีตะลึง “อีกที?”

นัทธีพยักหน้า “อืม ผมชอบฟังเสียงที่คุณจูบผมเมื่อกี้นี้ เพราะงั้นอีกทีสิ”

“ไม่ดีมั้งคะ น่าอายชะมัด” ใบหน้าเล็กๆ วารุณีพูดอย่างหน้าแดง

เมื่อกี้นี้ที่มั๊วเขา มันออกมาจากความตั้งใจของเธอเอง และมันก็ออกมาตามธรรมชาติในห้วงของความรัก

แต่ถ้ามีคนอื่นมาขอให้ทำอะไรแบนนี้กับคุณ ให้เธอพูด เธอรู้สึกกระดากใจ และรู้สึกอาย

“มีอะไรน่าอายล่ะ ผมเป็นสามีคุณ มันไม่ควรหรือไง?” นัทธีแกล้งพูดอย่างไม่พอใจ

วารุณีสะบัดมือ “เปล่าค่ะ ก็แค่……”

“เอาล่ะ จูบผมก่อน เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยพูด เร็วเข้า ผมต้องประชุมแล้ว” นัทธีเร่ง

ใบหน้าเล็กของวารุณีแดงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้านคำขอของชายหนุ่มไม่ได้ แล้วจุ๊บเขาอีกครั้ง “พอใจยัง?”

แบบนี้นัทธีจึงยิ้มอย่างพอใจ “พอใจแล้ว แต่ถ้าทำอีกสักสองสามครั้……”

“คุณฝันไปเถอะ” วารุณีกลอกตา แล้วตัดบทเขา

การที่เขาขออีกครั้ง ก็ทำให้เธออายไม่ไหวแล้ว

แล้วยังจะขออีกสองสามครั้ง ทำไมถึงฝันหวานอะไรอย่างนั้น?

นัทธีก็รู้ว่าการให้เธอทำกับเขาอีกหลายรอบ จะทำให้เธอไม่พอใจ เขาเลยไม่ไดำแบบนั้นจริง ยิ้มเบาๆ “เอาล่ะ ผมยังมีประชุมอีกครั้ง ดึกๆหน่อยจะโทรหานะ”

“อืม ทำธุระเสร็จก็รีบกลับบ้านนะคะ อย่าเหนื่อยเกิน” วารุณีพยักหน้าเล็กน้อย ตอบกลับอย่างอ่อนโยน

ร่องรอยความอ่อนโยนแวบเข้ามาในสายตาของนัทธี “ผมจะทำตาม”

พูดจบ เขาก็วางสาย

และวารุณี ก็ค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง

ตอนนี้ ลีน่าเดินจับราวบันไดลงมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ที่รัก มั๊ว!”

เธอทำปากจู๋ แล้วทำท่าจูบใส่ไปทางวารุณี

หลังจากวารุณีเข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ รอยแดงเลือดฝาดที่เพิ่งจะหายไป ก็กลับมาอีกครั้ง แถมยังแดงกว่าเก่า “นาน่า เธอ……เธอได้ยินหมดเลยเหรอ?”

ลีน่าปิดปากพร้อมกับยิ้มแล้วพูด “แน่นอน เธอกับประธานนัทธีคุยกันดังขนาดนั้น ฉันไม่อยากได้ยินก็ยากแล้ว”

พูดถึงเท่านี้ ร่างกายเธอชาจนสั่น “จริงๆ เลย ฉันว่าพวกเธอก็แต่งงานกันมานานแล้วนะ ไม่คิดเลยว่าจะเหนียวแน่นหนึบกันขนาดนี้ คุยโทรศัพท์ยังไม่ลืมจุ๊บอีกฝ่าย จริงๆเลย ฉันฟังแล้วขนลุก”

เธอถูแขนตัวเอง

วารุณีเอามือทาบไว้บนหน้า อยากใช้หลังมือทำให้หน้าตัวเองเย็นลง “ทำไม อิจฉาหรือไง?”

“อิจฉามากค่ะ” ลีน่าเดินเข้ามานั่ง แล้วพยักหน้าตอบ “ยังไงความสัมพันธ์ของเธอกับประธานนัทธี พวกเราก็ได้เห็นทั้งหมด พูดตามจริง ฉันไม่เคยเห็นคู่สามีภรรยาคู่ไหน ที่รักกันเหมือนคู่พวกเธอ แล้วก็ยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหน จะมั่นคงเหมือนประธานนัทธี ฉันอิจฉาจริงๆ ฉันก็หวังว่าฉันจะเจอคนแบบประธานนัทธี ผู้ชายที่รักเดียวใจเดียว”

วารุณีฟังที่เธอพูด เอามือวางลงบนไหล่เธอแล้วตบลงเบาๆ “สบายใจเถอะนาน่า ต้องเจอแน่นอน”

“ใครจะไปรู้ล่ะ” ลีน่าปล่อยมือ “ฉันแค่บอกว่่าหวังว่าจะเจอ แต่ไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจอ ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว ยังไงซะเรื่องพรหมลิขิตพวกนี้ใครอธิบายได้กัน พรหมมาแล้ว ฉันรับได้ไม่หวั่ง แต่ลิขิตไม่ถึง ฉันก็รออย่างใจเย็น บางทีสุดท้ายแล้วพรหมลิขิตของฉัน จะไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างประธานนัทธี ฉันก็ยอมรับ”

พูดอยู่ เธอก็ยิ้มเบาๆ ดวงตากะพริบเป็นประกาย

วารุณีมองที่เธอ “เธอมองกว้างมาก”

“แน่นอนสิต้องมองให้กว้าง ถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่พวกบ้าความรัก เปรียบเทียบระหว่างความรัก ที่จริงฉันให้ความสำคัญกับการงานมากกว่า ความรักก็เหมือนไม้ประดับของอาชีพการงาน แน่นอน ฉันไม่ได้หมายความว่าความรักไม่สำคัญ ดังนั้นจุดมุ่งหมายของฉันทั้งการงานและความรักฉันต้องการทั้งนั้น” ลีน่ากุมมือพูด

วารุณีตบลงที่หลังมือเธอ “แบบนี้เยี่ยมเลย ทั้งความรักทั้งการงานไม่ควรพลาดสักอย่าง”

“อื้ม” ลีน่าพยักหน้า

วารุณีคลายมือ “เอาล่ะนาน่า ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พวกเราไปดูผู้ร่วมแข่งขันกันเถอะ ตอนฉันอยู่บนเครื่อง ด้านผู้จัดการแข่งขันส่งข้อมูลผู้แข่งมาให้แล้ว”

“ได้ ไปเถอะ” ลีน่าวางแก้วแล้วลุกขึ้น

ทั้งสองต่อแถวกันขึ้นบันได ไปดูข้อมูลผู้แข่งที่ห้องหนังสือ

ครั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันเยอะมาก ทั้งหมดคือนักออกแบบรุ่นใหม่ชื่อดังที่มาจากแต่ละประเทศจากทวีปเอเชีย เพราะฉะนั้นทุกประเทศ มีผู้เข้าแข่งขันหลายคน บางประเทศมากถึงสิบกว่าถึงยี่สิบคน

สรุปแล้วผู้เข้าแข่งขันครั้งนี้ สูงถึงสองร้อยกว่าคน มากกว่าตอนที่พวกเธอเข้าร่วมระดับนานาชาติเยอะมาก

วารุณีและลีน่าสองคนตรวจสอบทีละหน้า ดูว่าผู้เข้าแข่งขันมาจากประเทศอะไรบ้าง สไตล์ไหนที่ชำนาญ

เพราะการแข่งครึ่งหลัง ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้จะต้องถูกแบ่งกลุ่ม และมอบหมายให้กรรมการ

กล่าวคือ พวกเขาไม่ได้เป็นแค่กรรมการ ยังเป็นที่ปรึกษา ต้องสอนนักออกแบบเหล่านั้น

ถึงตอนนั้น เหล่าผู้เข้าแข่งขันจะถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม และพวกเธอก็เป็นที่ปรึกษาของทุกกลุ่ม หลังจากนั้นทุกกลุ่มก็จะแข่งขันกัน

กล่าวได้ว่า นี่ไม่ใช่แค่การแข่งขันระหว่างกลุ่มผู้เข้าแข่งขัน และก็เป็นการแข่งระหว่างที่ปรึกษาเช่นกัน

ที่ปรึกษาจะถูกคัดออกตามกลุ่มที่ตกรอบ ท้ายสุดจะสามารถเป็นได้แค่กรรมการ ไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาต่อได้

และที่ปรึกษาที่เติบโตไปพร้อมกับกลุ่มเล็ก ท้ายสุดก็จะได้ร่วมรอบชิงชนะเลิศของที่ปรึกษา ผู้ชนะ ก็จะได้รับตำแหน่งนักออกแบบของเวิลด์เกมส์ครังนี้

ดังนั้นแน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่พวกเธอกำลังดูกลุ่มผู้เข้าแข่งขัน กรรมการคนอื่นก็กำลังดูอยู่เช่นกัน เพราะพวกเขาก็ต้องการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันฝีมือดีออกมาเหมือนกัน แล้วสุดท้ายก็จะหาโอกาสลากเข้ากลุ่มเล็กของตัวเอง

“ผู้เข้าแข่งขันคนนี้ไม่เลวนะ ได้รับรางวัลออกแบบหลายครั้งในประเทศของพวกเขา” ลีน่าชี้ไปที่เอกสารแล้วพูด

วารุณีเงยหน้าขึ้นมอง “เยี่ยมจริง”

“ใช่ไหม ตอนนั้นพวกเราลองไปทำความรู้จักก่อน หลังจากนั้นก็รอตอนแบ่งกลุ่ม ทำให้เขาเลือกพวกเรา” ลีน่าพูด

วารุณีก็คิดแบบเดียวกัน

ยังไงซะผู้เข้าแข่งขันดี ทำให้อัตราการถูกไม่คัดออกของที่ปรึกษาพวกเขามากขึ้น

ดังนั้นช่วงนี้ แน่นอนว่าต้องมีที่ปรึกษาจำนวนมากคิดหาวิธีดึงผู้เข้าแข่งขัน

ลีน่ามีความคิดแบบนี้ และไม่น่าแปลกใจ

แต่ทว่าสุดท้ายวารุณีกลับปฏิเสธ ส่ายหัวพูด “ช่างเถอะ ไปตีสนิทกับผู้เข้าแข่งขันไม่ใช่วิธีที่ดี ถ้าหากมีคนจัดการเราขึ้นมา บอกว่าเราติดสินบนกับผู้เล่น จะแย่เอา เธอก็รู้ จิตใจคนนั้นคาดเดาไม่ได้”

ลีน่าเชื่อฟังเธอ และรู้สึกว่าก็มีเหตุผลแล้วพยักหน้า “ที่เธอพูดก็ใช่ งั้นช่างเถอะ ตอนที่อาจารย์ฉันยังเป็ยวัยรุ่น ก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ก็ทำความรู้จักก่อนแบ่งกลุ่ม อยากดึงเข้ากลุ่มตัวเอง สุดท้ายแล้วผู้แข่งขันคนนั้นก็ลอบกัดอาจารย์ฉัน บอกว่าอาจารย์ฉันให้เงินเธอ และรับประกันด้วยว่าทำให้เธอได้ตำแหน่ง”

ได้ยินเท่านี้ ลีน่าก็กำมือแน่น สูดหายใจเข้าลึก “ท้ายสุดถ้าอาจารย์ฉันไม่งัดหลักฐานมา พิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้ อาจารย์ของฉันคงไม่มีผลงานในวันนี้”