บทที่ 748 จุ๊บแจงคือผู้เข้าแข่งขัน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“เพราะฉะนั้นนะ บางเรื่องก็ต้องระวังหน่อย เรื่องที่ไม่ควรทำก็ไม่ต้องทำ กรรมการคนอื่นเราควบคุมไม่ได้ แต่พวกเรา ดีที่สุดคือก่อนแบ่งกลุ่ม ไม่ต้องไปทำความรู้จักกับผู้สมัคร หลีกเลี่ยงเรื่องไม่เข้าเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดทีหลัง กระทบชื่อเสียงไม่พอ แถมยังดูไม่ดีอีก” วารุณีพับเอกสารผู้เข้าแข่งขันในมือแล้วพูด

ลีน่าตอบอืม “ใช่แล้ว เมื่อกี้นี้ฉันบุ่มบ่ามเกินไป คิดแต่อยากจะคว้าตำแหน่งนักออกแบบเวิลด์เกมส์ เลยไม่นึกถึงอย่างอื่น โชคดีที่เธอเตือนฉัน”

“เป็นเรื่องที่ควร พวกเราเพื่อนกันนะ แล้วก็เป็นคู่หูด้วย” วารุณียิ้ม

ลีน่าเองก็ยิ้มตาม “เอาล่ะวารุณี ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ดูต่อเถอะ”

“อืม” วารุณีพยักหน้า

ทั้งสองก้มหน้า และทำความรู้จักผู้เข้าแข่งขันคนอื่นต่อ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ไปทำความรู้จักกับผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ก่อนแบ่งกลุ่ม แต่ศึกษาพวกเขาไว้ก่อนก็ดี

แบบนี้ หลังแบ่งกลุ่มเสร็จ ก็จะได้ไม่ต้องมาทำความเข้าใจใหม่

“เอ๊ะ?” ขณะที่วารุณีกำลังดูอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นสายตาของเธอก็ถูกรูปแผ่นหนึ่งดึงดูดเข้า

“นาน่า เอาเอกสารในมือเธอมาให้ฉันหน่อยสิ” วารุณีขมวดคิ้วแน่น พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ลีน่าก้มหน้ามองเอกสารในมือ “เธอหมายถึงอันนี้เหรอ?”

“อืม” วารุณีหรี่ตา “เธออยากดูว่าเธอมองผิดหรือเปล่า”

เมื่อกี้ที่เธอดูเอกสาร เธอกวาดสายตามอง แล้วไปเห็นรูปภาพในเอกสารในมือของลีน่าที่ถืออยู่

คนในรูป เหมือนจุ๊บแจงมาก ทำให้เธอต้องให้ความสนใจ

ลีน่ายื่นเอกสารในมือออกไป “เอาไป”

“ขอบคุณ” วารุณรพูดขอบคุณ แล้วหยิบเอกสารมา ก้มลงมองแล้ว

ดูแล้ว มือที่ถือเอกสารอยู่ ก็กำแน่น จนเอกสารยับไปหมด ใบหน้าเล็กเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง “เธอจริงๆ ด้วย!”

เธอนึกว่าตัวเองดูผิด

คิดไม่ถึง ว่าจะเป็นจุ๊บแจงจริงๆ

คาดไม่ถึงเลยว่าจุ๊บแจงจะวิ่งแจ้นมาร่วมAsian Youth Design Competition!

“วารุณี เธอรู้จักเหรอ?” ลีน่ามองเอกสารในมือของวารุณี จึงถามอย่างสงสัย

วารุณีเม้มปากแดง “รู้จัก เธอก็เคยได้ยินเรื่องเธอ เธอคือคนที่ตอนนัทธีเกือบตาย แล้วยื่นมือให้นัทธี หลังจากนั้นก็เป็นรักแรกพบกับนัทธี หวังเก็บนัทธีไว้ให้ตัวเอง”

“คาดไม่ถึงหรือว่าจะเป็นเถอะ!” ลีน่าตาโตกว้างเพราะตกใจ

เธอไม่เคยเจอจุ๊บแจงคนนั้นมาก่อน แต่ฟังจากที่วารุณีพูดถึง

พูดจริงนะ นอกจากนวิยาคนนั้น ก็จุ๊บแจงคนนี้แหละ คือผู้หญิงน่ารังเกียจคนที่สองที่เธอเคยเจอ

ประธานนัทธีหล่อขนาดนั้น การที่จุ๊บแจงจะตกหลุมรักประธานนัทธีที่จริงก็ไม่ได้ทำให้คนแปลกใจหรือตกใจ ยังไงมันก็เป็นเรื่องปกติ

แต่มันไม่ได้หมายถึง จุ๊บแจงจะสามารถซ่อนประธานนัทธีไว้ ไม่ให้ลูกน้องของประธานนัทธีและวารุณีหาเจอ

ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้ววารุณีกับลูกน้องของประธานนัทธีจะหาประธานนัทธีเจอ จุ๊บแจงเองรู้ว่าประธานนัทธีแต่งงานแล้ว แต่จุ๊บแจงกลับไม่ปัดเป่าความคิดที่จะจับประธานนัทธี ถึงขนาดไปทำงานที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป

ทำงานก็ทำงานสิ สงบนิ่งหน่อยก็ไม่อะไรหรอก แต่จุ๊บแจงกลับไม่นิ่งเลย ไม่ตั้งใจทำงานเลย ไปทำงานไม่ใช่เพราะอยากทำงานจริงๆ แต่พอจะบุกเข้าหาประธานนัทธี ผมทำงานกี่ครั้งก็แอบอู้ไปหาประธานนัทธี แถมยังไปสารภาพกับประธานนัทธี

ตอนที่เธอได้ยินวารุณีพูดถึงเรื่องนี้นั้น ก็สะอิดสะเอียนจนอยากจะอ้วก

ดีที่สุดท้ายจุ๊บแจงถูกประธานนัทธีไล่ออก เธอก็ไม่เคยได้ยินวารุณีพูดถึงผู้หญิงคนนี้อีก

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า คนๆนี้จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แถมยังวิ่งมาร่วมงานการแข่งขันออกแบบอีก

“เธอนั่นแหละ” วารุณีพยักหน้า หลังจากนั้นก็ชี้ไปที่คอลัมน์ชื่อบนเอกสารแล้วพูด “นี่ นี่ก็ไม่ใช่ชื่อเธอหรือไง?”

ลีน่าก้มหน้าลงมอง “ฉันเพิ่งเห็น แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเป็นคนชื่อซ้ำ คิดไม่ถึง ว่าจะเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้น ฉันจำผู้หญิงคนนั้นได้ แล้วก็ไม่ได้เรียนออกแบบใช่ไหม?”

“ใช่ ฉันเคยเห็นนัทธีสืบค้นข้อมูลของเธอ เธอไม่เคยเรียนออกแบบชุดมาก่อน” วารุณีพยักหน้า

ลีน่าหรี่ตา “ถึงว่าฉันดูเอกสาร ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยได้รับรางวัลอะไรมาก่อนเลย แล้วก็ไม่ได้มีชื่อเสียงด้วย ตอนนี้ฉันก็กลุ้มใจ ว่าคุณแบบนี้ ผ่านการตรวจสอบของผู้จัดงานมา เข้าร่วมการแข่งขันได้อย่างนั้น ตอนนี้รู้แล้วว่าจุ๊บแจงคนนี้ ก็คือจุ๊บแจงผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้น แถมยังไม่เคยเรียนออกแบบอะไรมาก่อน เรียนผ่านการตรวจสอบของผู้จัดงานมาเข้าร่วมการแข่งขันได้ ด้านนี้ ต้องมีปัญหาแน่นอน”

วารุณีพยักหน้า “เธอพูดถูก ต้องเช็กหน่อย”

“ใช่ต้องเช็กหน่อย” ลีน่าพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากนั้นก็มองที่เธอ “วารุณี ประธานนัทธีเองก็เป็นหนึ่งในนักลงทุนในการแข่งครั้งนี้ใช่ไหม?”

วารุณีอืมตอบ “ใช่”

เดิมทีนัทธีไม่ใช่นักลงทุน

แต่หลังจากที่ได้เชิญเธอมาเป็นกรรมการ นัทธีก็เป็นฝ่ายเริ่มติดต่อกับผู้จัดงาน และลงทุนการแข่งขันครั้งนี้

พูดตรงๆ นัทธีอยากให้ผู้จัดจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับกรรมการดีๆ หน่อย อยากให้การเป็นเวลาสองสามเดือนที่นี่ของเธอ ได้อยู่อย่างสะดวกสบาย

ตอนที่เธอรู้นั้น เธอก็ซาบซึ้งและหัวเราะออกมา

“ในเมื่อประธานนัทธีเป็นผู้ลงทุน ก็สบายแล้วสิ เธอขอให้ประธานนัทธีช่วยตรวจสอบได้” ลีน่าเสนอ

วารุณีพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ ฉันจะติดต่อเขา”

พูดอยู่ เธอก็หยิบโทรศัพท์ จ้องมองที่รูปของจุ๊บแจงบนเอกสาร แล้วต่อสายไปหานัทธี

เธออยากรู้ ว่าตกลงแล้วจุ๊บแจงเข้ามาร่วมการแข่งขันทำไม แล้วใช้วิธีปลอมแปลงแบบไหนเข้ามาดู

แล้วยังมีฝั่งทางผู้จัด ทำไมถึงให้คนๆนี้ผ่านการตรวจสอบเข้ามาได้

ไม่นาน นัทธีก็รับโทรศัพท์ เสียงแหบต่ำและอ่อนโยนพูดขึ้น “เพิ่งจะวางสายไปก็โทรมาหาผมอีกแล้ว คิดถึงผมเหรอ?”

เมื่อวารุณีฟังเสียงหยอกล้อของผู้ชายคนนี้ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “ใช่ค่ะๆๆ ฉันคิดถึงคุณ แต่ที่โทรมาตอนนี้เพราะมีเรื่องสำคัญ”

“ห้ะ?” นัทธีเลิกคิ้ว “เรื่องสำคัญอะไร คุณว่างละ”

วารุณีสีหน้าจริงจังขึ้น “คือจุ๊บแจง”

“เธอ?” นัทธีขมวดคิ้วทันที ร่องรอยของความเกลียดชังก็ฉายเข้ามาในแววตาของเขา “เธอทำไมเหรอ?”

“เธอได้รับการปล่อยตัวจากสถานที่กักขัง ตอนนี้เธอวิ่งมาที่นี่ค่ะ” วารุณีพูด

นัทธีหน้าสีเปลี่ยน “วิ่งไปที่ๆคุณอยู่?เธอทำอะไรคุณใช่ไหม?”

เขาเข้าใจว่า จุ๊บแจงอยู่ตรงหน้าวารุณี และถูกบอดี้การ์ดข้างวารุณีจับไว้

วารุณีส่ายหัว “เปล่าค่ะ เธอไม่ได้ทำอะไรฉัน แต่ฉันหมายถึง เธอมาที่ประเทศที่ฉันอยู่ แล้วคุณรู้มั้ยคะ?เธอเป็นผู้เข้าแข่งขันการแข่งขันออกแบบครั้งนี้ด้วย”

“อะไรนะ?” นัทธีคิวคิ้วขมวดกันเป็นสามขีด “ผู้เข้าแข่งขัน?เธอ?”

น้ำเสียงของเขามีความดูหมิ่นยังไม่ปกปิด

และก็ไม่โทษนัทธีที่ดูถูก จุ๊บแจงคนนั้น ดูแล้วไม่ใช่คนที่จะสามารถออกแบบชุดได้

จุ๊บแจงเองก็ไม่เคยเรียนดเนนี้มา และไม่เคยวาดมาก่อน แต่นายคนแบบนี้ วิ่งไปร่วมการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้า มันก็ทำให้คนเขาตกใจจริงๆ

และที่สำคัญที่สุดก็คือ นี่ไม่ใช่การแข่งขันเล็กๆของพวกไม่เข้าขั้น แต่เป็นการแข่งขันระดับนานาชาติขนาดกลางก็ว่าได้

คนที่ไม่เคยเอาแบบมาก่อน แล้วก็ไม่เคยวาดรูปมาก่อน และยิ่งไม่เคยมีชื่อเสียงอะไรด้านนี้มาก่อนเลย แล้วมาเข้าร่วมการแข่งขันได้ยังไง แบบนี้ก็อดคิดมากไม่ได้

“ใช่ จุ๊บแจงเป็นผู้เข้าแข่งขัน” วารุณีพยักหน้า หลังจากนั้นก็พูดต่อ “ฉันเลยสงสัย ว่าเธอเข้ามาร่วมเป็นผู้แข่งขันได้ยังไง หลังจากนั้นนาน่าก็เลยให้ฉันโทรหาคุณ ให้คุณช่วยเช็กให้หน่อยค่ะว่าสาเหตุคืออะไร”

“คุณไม่ต้องบอก ผมก็จะเช็ก” ความเย็นชาแว๊บเข้ามาในสายตาของนัทธีแล้วพูด