ตอนที่ 779 ความดีความชอบยิ่งใหญ่

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 779 ความดีความชอบยิ่งใหญ่

เมื่อจ้าวเซิ่งได้ยินคำกล่าวนี้ นิ้วมือของเขากระตุกเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำกล่าวที่ว่าการทำสงครามไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ออกมาจากปากของเทพสังหารไป๋ชิงเหยียน เพราะตอนนั้นหญิงสาวสั่งให้สังหารทหารยอมจำนนนับแสนที่หุบเขาเวิ่งอย่างง่ายดาย

ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจพลางมองไปทางไป๋ชิงเหยียน

วันที่หนึ่ง เดือนสิบ รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด กองทัพต้าจิ้นทำศึกอย่างดุเดือดทั้งคืนจนได้รับชัยชนะในที่สุด พวกเขายึดด่านชิงซีซานกลับคืนมาได้อีกครั้ง ทหารต้าเหลียงยอมจำนนทั้งสิ้นหกหมื่นหกพันนาย ถูกสังหารไปทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นสองพันนาย

กองทัพต้าจิ้นย้ายทัพเข้าไปในด่านชิงซีซาน บรรดาแม่ทัพของต้าเหลียงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินใหญ่ ส่วนทหารยอมจำนนคนอื่นๆ ของต้าเหลียงถูกควบคุมอยู่ในค่ายทหาร

เมื่อสงครามที่ดุเดือดจบลง หลิวหง หลินคังเล่อ หวังสี่ผิง ไป๋จิ่นจื้อและบรรดาทหารของต้าจิ้นต่างนอนหลับพักผ่อนอย่างฝืนร่างกายไม่ไหวอีกต่อไป

ทหารค่ายผิงอันที่ไป๋ชิงเหยียนพามารับหน้าที่ทำความสะอาดสนามรบและค่ายทหารให้สะอาดเรียบร้อย

ไป๋ชิงเหยียนยังคงทำตามกฎของกองทัพไป๋ หญิงสาวเดินไปสำรวจอาการของทหารที่ได้รับบาดเจ็บยังห้องรักษาตัวของเหล่าทหารโดยไม่ได้ถอดเกราะและหยุดพักผ่อนแม้แต่น้อย

จ้าวหร่านที่ทำศึกมาทั้งคืนนับจำนวนทหารของภูเขาหนิวเจี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว เขากำลังนั่งปรึกษากับไช่จื่อหยวนเรื่องการรายงานสถานการณ์รบให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ก็เห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดเกราะสีเงินเปื้อนเลือดเดินมุ่งหน้ามาทางที่พักของทหารได้รับบาดเจ็บ

จ้าวหร่านที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาตัวรีบก้าวเข้าไปทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่ ครั้งนี้ทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยวเสียชีวิตไปทั้งหมดเก้าสิบสามนาย บาดเจ็บหนักหนึ่งร้อยเก้าสิบห้านาย พวกเขาล้วนเสียชีวิตเพราะเป็นด่านแรกที่ปีนขึ้นไปคุ้มกันเชือกให้สหายปีนขึ้นมาบนกำแพงได้ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้าพลางกำดาบที่เอวแน่น จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝังร่างของทหารยอดฝีมือที่เสียชีวิตไว้ที่ด่านชิงซีซาน การยึดด่านชิงซีซานได้เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา เขียนชื่อทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดลงบนป้ายรำลึกและสร้างป้ายขึ้นที่ด่านชิงซีซาน ให้คนรุ่นหลังจดจำพวกเขาได้!”

“ขอรับ!” จ้าวหร่านรับคำ

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” ตู้ซานเป่าเห็นไป๋ชิงเหยียนมาแต่ไกลจึงตะโกนเรียก เขาเตรียมพุ่งตัวเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนก็ถูกทหารซึ่งแบกร่างของทหารที่ได้รับบาดเจ็บเข้ามาอย่างรีบร้อนขวางทางเสียก่อน เขารีบถอยหลังหลีกทางให้อย่างรวดเร็ว จากนั้นวิ่งไปหาไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง

ตู้ซานเป่าที่โดนแดดเผาจนผิวไหม้เกรียมยืนอยู่หน้าไป๋ชิงเหยียน เอื้อมมือจัดหมวกเกราะของตัวเองให้เข้าที่ เขาฉีกยิ้มเห็นฟันขาวให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกำหมัดคารวะ “คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไม่ทราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงจำกระหม่อมได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ตู้ซานเป่า…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางตู้ซานเป่าแล้วคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “ได้ยินว่าตอนนี้เจ้าเป็นแม่ทัพของหน่วยย่อยแล้ว”

ตู้ซานเป่ายิ้มร่า “ล้วนเป็นเพราะแม่ทัพหวังสี่ผิงเมตตาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะมาถามองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่าควรจัดการกับทหารต้าเหลียงที่ติดเชื้อโรคระบาดเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ปล่อยให้พวกเขาตายไปตามยถากรรมหรือสังหารให้สิ้นเรื่องพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นถามขึ้น “ทหารต้าเหลียงติดเชื้อกี่นาย”

“ที่ค่ายรักษาตัวมีประมาณหกร้อยนายแล้วพ่ะย่ะค่ะ…” ตู้ซานเป่ากล่าว

“แยกอาการของทหารต้าเหลียงที่ติดเชื้อโรคระบาดเช่นเดียวกับที่ทำกับทหารต้าจิ้น ครั้งนี้ข้านำยารักษาโรคระบาดมาด้วย น่าจะเพียงพอ ให้ทหารยอมจำนนของต้าเหลียงที่ถูกควบคุมตัวไว้สวมผ้าปิดหน้าที่แช่ยารักษาโรคระบาดไว้ด้วยพวกเขาจะได้ไม่ติดเชื้อ ต้มยารักษาโรคระบาดฆ่าเชื้อบริเวณค่ายทหารของทหารยอมจำนนวันละสามครั้งด้วย”

ตู้ซานเป่าได้ยินเช่นนี้จึงมองไปทางจ้าวหร่านแวบหนึ่ง จากนั้นกำหมัดกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว นั่นคือทหารของต้าเหลียง ทหารฝ่ายศัตรูนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนมองตู้ซานเป่ายิ้มๆ “ก่อนหน้านี้คือทหารของต้าเหลียง ภายภาคหน้าอาจกลายเป็นทหารของต้าจิ้นก็ได้ ไปทำตามที่ข้าสั่งเถิด!”

ตู้ซานเป่านึกถึงคำกล่าวประโยคหนึ่งของหวังสี่ผิงขึ้นมา ‘คนเราอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกัน มีปณิธานที่ต่างกัน การมองสถานการณ์และวิธีแก้ปัญหาย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา’

ดังนั้นแม้ตู้ซานเป่าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนต้องช่วยเหลือทหารต้าเหลียง ทว่า เขาก็จัดการตามคำสั่งของหญิงสาวอยู่ดี

ไช่จื่อหยวนยืนมองสตรีที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์อยู่ทางด้านหลังของไป๋ชิงเหยียน เขากำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น ไป๋ชิงเหยียนต้องการทำให้ทหารต้าเหลียงกลายมาเป็นพวกของตัวเอง ทว่า ทหารต้าเหลียงเหล่านี้มีครอบครัวอยู่ในต้าเหลียง คนก็อยู่ที่ต้าเหลียง พวกเขาจะยอมรับใช้ไป๋ชิงเหยียนอย่างนั้นหรือ

ไช่จื่อหยวนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นก้าวเข้าไปโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เราคงทำให้ทหารต้าเหลียงเปลี่ยนใจไม่ได้ง่ายๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“เมื่อยึดเมืองหลวงของต้าเหลียงมาได้ เมื่อไม่มีต้าเหลียงอีกต่อไป ทหารต้าเหลียงก็จะไม่ใช่ทหารต้าเหลียงอีก” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไช่จื่อหยวนด้วยแววตาราบเรียบสงบนิ่ง

สมองของไช่จื่อหยวนเหมือนถูกสิ่งใดกระแทกจนขาวโพลนคิดสิ่งใดไม่ออกทันที

หมายความว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ต้องการเพียงแคว้นต้าจิ้น ทว่า…

นางต้องการทั้งใต้หล้า!

ไช่จื่อหยวนเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ไป๋ชิงเหยียนสวมชุดเกราะมาออกรบที่ต้าเหลียงด้วยตัวเองเพราะนางต้องการยึดครองแคว้นต้าเหลียงให้กลายเป็นแคว้นของนาง

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เพียงต้องการเข้าแทนที่ราชวงศ์ต้าจิ้นเท่านั้น หญิงสาวอยากกลายเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าอีกด้วย

ช่างเป็นปณิธานที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน!

ทั้งๆ ที่ตอนนี้แม้แต่แคว้นต้าจิ้นก็ยังเป็นของผู้อื่น ทว่า หญิงสาวกลับอยากครอบครองทั้งใต้หล้าแล้ว

นี่มันคือความกล้า จิตวิญญาณและปณิธานที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อันใดปานนี้!

ลมหายใจของไช่จื่อหยวนติดขัดเล็กน้อย เขาไม่เคยมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน

ตอนที่ไช่จื่อหยวนเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่จวนหลี่ เขาพอจะรับรู้ได้ว่าหลี่เม่าอยากครอบครองบัลลังก์ของต้าจิ้น เขาจึงยินดีและเต็มใจจะใช้ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมดของเขาช่วยเหลือหลี่เม่า

หลี่เม่ามักเข้าไปพัวพันกับบรรดาองค์ชายของราชวงศ์หลิน เขาอยากเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบในการช่วยเหลือให้จักรพรรดิองค์ใหม่ได้ขึ้นครองราชย์ ไช่จื่อหยวนจึงทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่องค์ชายเหล่านั้น

ตั้งแต่ที่เขาเข้าร่วมกับไป๋ชิงเหยียน ตอนแรกไช่จื่อหยวนเข้าใจว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการครอบครองแผ่นดินต้าจิ้น เขาจึงวางแผนเพื่อช่วยเหลือไป๋ชิงเหยียนในด้านนี้มาโดยตลอด

บัดนี้เมื่อรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการครอบครองใต้หล้า สายตาของไช่จื่อหยวนจึงจะหยุดอยู่แค่แคว้นต้าจิ้นไม่ได้

บัดนี้ไช่จื่อหยวนเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นในใจ ขอบตาของเขาร้อนผ่าว

ในฐานะที่ปรึกษา ที่ปรึกษาคนใดไม่อยากติดตามผู้นำที่มีทั้งสติปัญญาและความสามารถ ผู้ใดไม่อยากสร้างผลงานไว้ในโลกนี้เพื่อเป็นที่จดจำบ้าง!

การสนับสนุนให้ผู้นำที่ปรีชาชาญได้ครอบครองใต้หล้าคือความฝันของที่ปรึกษามากมายนับไม่ถ้วน

ไช่จื่อหยวนเป็นเพียงบัณฑิตยากจนคนหนึ่ง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันเดินมาถึงจุดที่สูงเหมือนที่ยืนอยู่ตอนนี้ ไม่เคยคิดว่าจะได้พบกับเจ้านายที่มีความสามารถและปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เหตุใดเขาจึงโชคดีถึงเพียงนี้กัน

ถึงแม้ไป๋ชิงเหยียนจะเป็นเพียงสตรี ถึงแม้หญิงสาวจะล้มเหลว ทว่า ชายอกสามศอกอย่างเขาเกิดมาบนโลกใบนี้ ได้มีโอกาสพบกับผู้นำที่มีปณิธานแรงกล้าเช่นนี้ ต่อให้ตายก็ไม่เป็นอันใด!

ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปในค่ายรักษาตัวของทหาร ด้านในเต็มไปด้วยเสียงร้องโอดครวญ ทหารบางนายสูญเสียขา แขนและดวงตาไป ตอนอยู่ในสงครามไม่รู้สึกเจ็บปวด มีเพียงความรู้สึกฮึกเหิม เมื่อสงครามยุติลงจึงรู้สึกเจ็บจนแทบทนไม่ไหว

เมื่อคืนด่านชิงซีซานเต็มไปด้วยซากศพและกองเลือด วันนี้ในค่ายทหารรักษาตัวเต็มไปด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของทหารที่ได้รับบาดเจ็บและความวุ่นวายโกลาหล

หมอทหารสิบกว่านายไม่เพียงพอสำหรับจำนวนทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ขนาดผู้ติดตามของหมอทหารที่พอจะทำแผลได้เข้าไปช่วยเหลือก็ยังคงไม่เพียงพอ

หมอหงวุ่นวายรักษาอาการของเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บท่ามกลางเสียงร้องของพวกเขา เขาสั่งให้หมอคนอื่นดูอาการของทหารที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ส่วนตัวเองรักษาทหารที่อาการสาหัส ทว่า แค่นี้ก็ยุ่งจนหัวหมุนแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งจ้าวหร่าน “ไปตามหมอทหารของต้าเหลียงมาที่นี่ให้หมด!”

“ขอรับ” จ้าวหร่านรับคำแล้วจากไปทันที