ตอนที่ 780 ความดีความชอบอันดับหนึ่ง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 780 ความดีความชอบอันดับหนึ่ง

“ผู้ใดก็ได้ช่วยจับเขาไว้หน่อย เร็วเข้า!” หมอหงจับทหารได้รับบาดเจ็บที่นอนเลือดท่วมตัวอยู่บนเตียงไม่ไหว ทหารผู้นั้นได้รับบาดเจ็บตรงอวัยวะเพศ เจ็บจนแทบทนไม่ไหว เขาดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียงพลางขอร้องให้หมอหงฆ่าเขาให้ตาย

ทว่า หมอหงตรวจบาดแผลแล้ว หากรักษาทันเวลาบางทีอาจยังพอรักษาได้ ทว่า หากยื้อต่อไปเช่นนี้เขาอาจเสียเลือดมากเกินไป…ต่อให้เทพเซียนก็คงช่วยเขาไม่ได้อีกแล้ว

ทว่า ตอนนี้ไม่มีกำลังคนเหลือให้หมอหงเรียกใช้งานอีกแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนถลาไปด้านหน้าแล้วช่วยจับตัวทหารบาดเจ็บผู้นั้นไว้โดยไม่มีเวลาสนใจความต่างระหว่างบุรุษและสตรี

“อย่าขยับ อดทนสักนิด ท่านหมอหงมีฝีมือเก่งกาจมาก เขาอาจรักษาเจ้าให้หายได้ ทว่า หากเจ้ามัวยื้อเวลาเช่นนี้ เกรงว่าคงช่วยเจ้าเก็บไว้ไม่ได้”

หมอหงเห็นไป๋ชิงเหยียนก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอันใด เขาล้างมือพลางกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ต้องจับตัวเขาไว้ให้มั่นนะขอรับ อย่าให้เขาขยับเด็ดขาด ข้าจะทำความสะอาดแผลขอรับ!”

ทหารผู้นั้นได้เจ็บจนตาพร่ามัว ทว่า เขายังพอมีสติแยกแยะออกว่าคนตรงหน้าคือไป๋ชิงเหยียน

“องค์…องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ข้ายังไม่ได้แต่งงาน ข้ายังไม่ได้มีทายาทสืบตระกูลให้พ่อแม่ของข้า ข้ายอมสูญเสียแขน ขาหรือแม้กระทั่งดวงตา ทว่า ข้าจะสูญเสียสิ่งนั้นไปไม่ได้ขอรับ”

“เช่นนั้นก็อดทนไว้!” ไป๋ชิงเหยียนจับตัวทหารผู้นั้นแน่น “เจ้ายึดด่านชิงซีซานที่ได้ชื่อว่าเป็นด่านที่แกร่งที่สุดในใต้หล้ามาได้ มีเรื่องใดบนโลกนี้ที่เจ้าทำไม่ได้อีก ท่านหมอหงช่วยข้าฟื้นจากความตายไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ข้าเชื่อใจฝีมือของเขาและเชื่อใจในความอดทนของเจ้า อดทนไว้!”

ทหารผู้นั้นใช้มือสองข้างจับขอบเตียงพลางขบกรามแน่น

ไช่จื่อหยวนเตรียมเข้าไปช่วยเหลือก็ถูกคนลากตัวไปช่วยทหารที่ได้รับบาดเจ็บคนอื่นเสียก่อน

ไป๋ชิงเหยียนและไช่จื่อหยวนเดินออกมาจากค่ายรักษาตัวในยามเว่ย[1]

บัดนี้ร่างของบัณฑิตอ่อนแอไช่จื่อหยวนเต็มไปด้วยเลือดเช่นเดียวกัน เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนนั่งล้างมือที่เปื้อนเลือดอยู่หน้าค่ายทหารจึงเดินตามไป จากนั้นย่อกายลงล้างมือเช่นเดียวกัน

เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว จื่อหยวนมีคำถามอยากถามพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะนำทัพบุกไปยังเมืองหลวงของต้าเหลียงด้วยตัวเองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เอ่ยตอบ หญิงสาวสะบัดมือพลางลุกขึ้นยืน ไช่จื่อหยวนลุกขึ้นตามเช่นเดียวกัน เขาส่งผ้าเช็ดหน้าสะอาดในอกให้ไป๋ชิงเหยียน

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วน่าจะวางแผนเตรียมทัพกับแม่ทัพหลิวหงและเกาอี้จวิ้นจู่ไว้แล้ว เหตุผลแรกเพื่อปกปิดความสามารถของทหารสามพันนายที่จ้าวหร่านนำมา อีกเหตุผลคือเราจะได้บุกไปถึงเมืองหลวงของต้าเหลียงได้เร็วที่สุด”

ไป๋ชิงเหยียนรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือจนแห้งแล้วส่งคืนให้ไช่จื่อหยวนยิ้มๆ

“ไช่เซียนเซิงเพิ่งคิดได้วันนี้หรือ”

ไช่จื่อหยวนกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น จากนั้นโค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียน

“ไช่จื่อหยวนเอาศีรษะเป็นประกันว่าจะช่วยแม่ทัพหลิวหงและเกาอี้จวิ้นจู่ควบคุมสถานการณ์ตามเมืองต่างๆ ที่เป็นทางผ่านของเมืองหลวงให้ได้ ไม่ให้คนเหล่านั้นมองจุดประสงค์ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วออก องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะได้มีเวลายึดเมืองหลวงของต้าเหลียงได้อย่างรวดเร็วและเดินทางกลับต้าจิ้นอย่างปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าไม่เคยกังขาในความสามารถของไช่เซียนเซิง เมื่อเราเดินทางไปถึงเมืองถัดไปของต้าเหลียง ข้าฝากท่านดูแลไป๋จิ่นจื้อด้วย” ไป๋ชิงเหยียนโค้งคำนับไช่จื่อหยวนเช่นเดียวกัน

หลินคังเล่อที่หลับพักผ่อนไปตื่นหนึ่งแล้วตามตัวไป๋ชิงเหยียนและไช่จื่อหยวนพบที่หน้าค่ายรักษาตัวของทหาร เขาวิ่งเข้าไปหาหญิงสาว จากนั้นโค้งกายทำความเคารพแล้วกล่าวขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมได้ยินว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วสั่งให้คนนำยารักษาโรคระบาดไปให้ทหารต้าเหลียงหรือพ่ะย่ะค่ะ มันสิ้นเปลืองเกินไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านั้นเป็นเพียงเชลยศึก พวกเราไม่สังหารพวกเขาก็ถือว่าเมตตาพวกเขามากแล้ว อาการป่วยของพวกเขาเกี่ยวอันใดกับทหารต้าจิ้นของพวกเราพ่ะย่ะค่ะ!”

หลินคังเล่อคิดแค่ว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนมีเมตตา ดังนั้นหญิงสาวจึงแบ่งยารักษาโรคให้ทหารต้าเหลียงใช้

“แทนที่พวกเขาจะตายไปเพราะโรคระบาด ข้าอยากให้พวกเขามาทำงานรับใช้ข้ามากกว่า ทหารหนึ่งคนเท่ากับหนึ่งชีวิต กว่าคนๆ หนึ่งจะโตมาเป็นทหารได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงเอ่ยถามต่อ “แม่ทัพหลิวตื่นแล้วหรือไม่”

“ตื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพหลิวกำลังเขียนฎีการายงานเรื่องที่ยึดด่านชิงซีซานกลับมาได้อยู่ในที่พัก บรรดาขุนนางในราชสำนักที่ดีแต่ปากเหล่านั้นจะได้เงียบเสียงเสียทีพ่ะย่ะค่ะ” หลินคังเล่อเก็บกดมานาน โดยเฉพาะตอนที่คนของรัชทายาทมาตำหนิพวกเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หลินคังเล่อรู้สึกไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว

ดีที่ครั้งนี้หลิวหงใจกล้ากว่าทุกครั้ง กล้านำทัพบุกไปโจมตีศัตรู ต่อมาได้ทัพเสริมจากองค์หญิงเจิ้นกั๋ว พวกเขาจึงยึดด่านชิงซีซานกวนกลับมาได้ภายในคืนเดียว ครั้งนี้สะใจยิ่งกว่าครั้งที่ทำสงครามอยู่เกือบสองเดือนจึงจะยึดด่านชิงซีซานมาได้เสียอีก

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้วหันไปบอกให้ไช่จื่อหยวนกลับไปพักผ่อน จากนั้นหญิงสาวจึงเชิญหลินคังเล่อไปยังที่พักของหลิวหง

หลิวหงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยตอนต่อสู้กับศัตรู เขาทำแผลก่อนนอนหลับพักผ่อน ตอนนี้กำลังนั่งคลุมเสื้อคลุมกันลมเขียนฎีกาถวายให้จักรพรรดิต้าจิ้น หวังสี่ผิงกำลังรายงานจำนวนทหารบาดเจ็บและล้มตายให้หลิวหงฟัง

เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วและหลินคังเล่อมา หลิวหงรีบจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นสั่งให้คนเชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วและหลินคังเล่อเข้ามา

หวังสี่ผิงรีบลุกขึ้นยืนพลางโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนยังคงสวมชุดเกราะเปื้อนเลือดอยู่ หลิวหงจึงถามขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ได้พักผ่อนเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อทำความเคารพหลิวหงเสร็จ หลินคังเล่อจึงกล่าวขึ้น “เมื่อครู่ข้าพบองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่หน้าค่ายรักษาตัวของทหาร เมื่อวานมีทหารได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก องค์หญิงเจิ้นกั๋วคงไปช่วยเหลือหมอทหารขอรับ”

“เชิญนั่งพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงกล่าว “รีบนำชามาให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วและแม่ทัพหลินเร็ว”

ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงบนเบาะรองนั่ง หญิงสาวพยักหน้าขอบคุณพลางรับน้ำชามาจากองครักษ์ข้างกายของหลิวหง จากนั้นหันไปทางหลิวหง “แม่ทัพหลิวกำลังเขียนฎีกาอย่างนั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ เมื่อเขียนเสร็จแล้วองค์หญิงเจิ้นกั๋วและแม่ทัพหลินช่วยดูด้วยนะพ่ะย่ะค่ะว่าข้าเขียนสิ่งใดตกหล่นหรือไม่เหมาะสมหรือไม่” หลิวหงกล่าวยิ้มๆ “ครั้งนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาได้ทันเวลา เป็นคนที่มีความชอบมากที่สุด ข้าจะทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ”

หลิวหงกำลังมีความสุขที่ต้าจิ้นชนะสงคราม เขาไม่มีเวลาสนใจลบล้างคำสบประมาทเรื่องเต่าหัวหดของตัวเอง

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลิวหงนิ่งพลางกล่าวขึ้น “ครั้งนี้แม่ทัพหลิววางแผนได้อย่างยอดเยี่ยม มีความดีความชอบเป็นอย่างมาก ตอนไป๋ชิงเหยียนมาถึง สงครามเกือบสิ้นสุดลงแล้ว ข้าไม่กล้ารับความดีความชอบนี้ไว้เอง แม่ทัพหลิวไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงข้าในฎีกาหรอก”

หลิวหงอึ้งไปชั่วครู่ เมื่อนึกถึงทหารยอดฝีมือที่ไป๋ชิงเหยียนนำมาด้วย หลิวหงจึงหันไปกล่าวกับหลินคังเล่อและหวังสี่ผิง “แม่ทัพหลิน แม่ทัพหวัง ข้ามีเรื่องต้องการสนทนากับองค์หญิงเจิ้นกั๋วตามลำพัง พวกท่านไปพักผ่อนก่อนเถิด”

หลินคังเล่อและหวังสี่ผิงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นเดินจากไป

เมื่อเดินออกมาจากที่พัก หวังสี่ผิงลูบคางของตัวเองพลางเอ่ยถาม “องค์หญิงเจิ้นกั๋วกลัวว่าตัวเองจะมีความดีความชอบมากเกินไปจนมีจุดจบเหมือนเจิ้นกั๋วอ๋องอย่างนั้นหรือ”

[1] ยามเว่ย เวลาระหว่าง 01.00-03.00 นาฬิกา