บทที่ 679 รางวัลที่ดีที่สุดสำหรับนักรบคือ...(3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 679 รางวัลที่ดีที่สุดสำหรับนักรบคือ…(3)

สงหลิงลี่กะพริบตาแล้วถามว่า “เผ่าเวทสงครามคืออะไรหรือเจ้าคะ?”

“มันแข็งแกร่งมาก”

หลี่ฉางโซ่วเตือนนางว่า “จงใช้โอสถเหล่านี้อย่างระมัดระวัง หากเจ้ากินมากเกินควร เส้นเลือดของเจ้าจะแตกสลาย”

“เจ้าค่ะ! ญาติผู้พี่!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มแล้วกลับไปที่หอโอสถพร้อมกับเนื้อ

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็นั่งเอนหลังลงบนเก้าอี้โยก และตั้งตะแกรงย่าง เขาหยิบไหสุราพฤกษาเซียนออกมาดื่มเอง

เวลานี้เขามีความสุขและสบายใจยิ่ง

จนกระทั่งพระจันทร์ข้างแรมลอยขึ้นบนท้องฟ้าและดวงดาวดารดาษในยามราตรี ความสุขและสบายใจของหลี่ฉางโซ่วก็ผ่านไป และเขาก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วช้าๆ

มีแผนใดที่จะทำให้ข้าปกป้องอาจารย์ลุงจ้าว และเกาะซานเซียนได้?

เขาได้คำนวณสถานการณ์ทุกประเภทอย่างชัดเจน และมีแผนรับมือกับตัวแปรทุกชนิดแล้ว…

สิ่งที่เขาทำได้ในเวลานี้คือ การเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากที่สุด เพื่อที่เขาจะได้ปลดปล่อยพลังส่วนตัวของเขาได้มากขึ้นเมื่อก้าวขึ้นสู่ความเป็นเทพ

การสร้างร่างทองแห่งบุญย่อมเป็นวิธีที่เร็วที่สุดอย่างแน่นอน! ร่างทองแห่งบุญในยามนี้ของเขายังขาดอยู่อีกสองขา

เขาต้องได้รับผลบุญจากแดนยมโลกและเผ่าปีศาจหลังจากวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี

ความจริงแล้ว เผ่าปีศาจนั้นง่ายทีเดียว พวกเขาจะมอบบุญให้เผ่าปีศาจเพื่อขจัดกรรมร้าย

แดนยมโลกย่อมจะเกี่ยวข้องกับการชดเชยการขาดสังสารวัฏหกวิถีและเต๋าสวรรค์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรื่องนี้ต้องใช้ความพยายามในการสืบสวนอย่างมาก…

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกคลุมเครือว่า ราชินีโฮ่วถู่ที่แหย่เขาสองครั้งนั้น ย่อมจะเป็นปมปัญหาสำคัญในแดนยมโลก

หรือว่ามีข้อเสียบางอย่างในการแปลงร่างเป็นสังสารวัฏหกวิถี?

หรือว่า เต๋าสวรรค์ไม่ยอมให้ราชินีโฮ่วถู่คงจิตสำนึกของตัวเอง?

หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบและรู้สึกไม่สบายใจ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ไม่อาจไปตรวจสอบในสังสารวัฏหกวิถีได้

หากเขาสามารถขอให้ท่านปู่เจดีย์ปกป้องคุ้มครองเขา และแผนภาพไท่จี๋ก็ให้เขายืมใช้พลังได้มากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า เขาจะสามารถรุกหน้าและล่าถอยภายในสังสารวัฏหกวิถีได้อย่างอิสระ…

บางที เขาอาจกล้าพอที่จะเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดข้าถึงไม่ไปกราบไหว้ท่านจอมปราชญ์

หลี่ฉางโซ่ววางจอกสุราในมือของเขาและคิดว่าเขาควรจะบอกเรื่องนี้กับท่านจอมอย่างไร

เขาไม่อาจพูดเพียงว่าเขาต้องการบุญ

แม้จอมปราชญ์จะรู้ว่า เขาต้องการสร้างร่างทองแห่งบุญและการทำบุญก็เป็นแรงผลักดันแรกของเขา แต่เขาก็พูดออกมาดัง ๆ ไม่ได้

เขาต้องมีไหวพริบและส่งสำเนียงชัดเจน

เขาจะขอยืมท่านปู่เจดีย์และแผนภาพไท่จี๋ เพียงเพราะเขากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี และราชินีโฮ่วถู่ได้อย่างไร

ข้าขอให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าได้หรือไม่?

ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้…

ณ ขณะนี้!

โหม่ง~

ทันใดนั้น เสียงระฆังในสำนักตู้เซียน ก็ดังขึ้น และมีแสงเซียนกะพริบวิบวับไปทั่วทุกที่ในสำนัก

เหล่าปรมาจารย์ผู้นำยอดเขาต่าง ๆ ล้วนรีบรุดไปที่สำนักตู้เซียน

ฉีหยวนที่เพิ่งเข้าปิดด่านไปได้ไม่ถึงครึ่งวัน ทันใดนั้น ก็รีบออกมาจากกระท่อมมุงจาก

เขากระโดดขึ้นไปบนเมฆสีขาวพร้อมด้วยแส้หางม้าและรีบไปเข้าร่วมการประชุมปรมาจารย์ผู้นำยอดเขา

จู่ๆ เกิดอันใดขึ้น?

ระฆังจะใช้ในยามเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปตรวจสอบ

ค่ายกลเวทของสำนักตู้เซียน ไม่อาจสกัดกั้นมันได้ เขาจึงมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นได้อย่างง่ายดาย

เจ้าสำนักตู้เซียน เหล่าผู้อาวุโสใหญ่สองสามคน บรรดาผู้อาวุโสหลายสิบคนในสำนัก และปรมาจารย์ผู้นำยอดเขาต่าง ๆ ได้มารวมตัวกัน

พวกเขาไม่ได้พูดถึงกิจการภายในของสำนักตู้เซียน ทว่า… อาณาจักรหงหลิน ซึ่งเป็นราชวงศ์ของเผ่ามนุษย์ที่ได้รับการคุ้มครองจากสำนักตู้เซียน

สำนักตู้เซียน ได้ปกป้องคุ้มครองอาณาจักรเล็ก ๆ สามอาณาจักรโดยรวม ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการให้ความคุ้มครองแก่สามอาณาจักรเล็กๆ

เมื่อเหล่าปีศาจและผู้คนดุร้ายได้ปรากฏขึ้นในอาณาจักรเล็กๆ สำนักตู้เซียน ก็จะส่งคนไปกำจัดพวกเขา

อาณาจักรเล็กๆ ทั้งสามได้เสนอเงินจำนวนมากติดต่อกัน

พวกเขาเป็นแหล่งรายได้หลักของสำนักตู้เซียน ซึ่งรูปแบบของสำนักเซียนเช่นนั้น เป็นที่นิยมอย่ายิ่งในดินแดนเทวะมัชฌิมา และสำนักตู้เซียนก็เรียนรู้จากมันและนำมาใช้เช่นกัน

อาณาจักรหงหลินเป็นราชวงศ์เซียนที่ขยายและพัฒนารวดเร็วที่สุดในบรรดาสามอาณาจักรเล็กๆ

สำนักตู้เซียนได้รับ “ความเคารพ” จากมัน มากที่สุด โดยทั่วแล้ว ผู้บริหารดูแลที่อยู่ในขอบเขตเซียนเสิ่น จะคอยออกลาดตระเวนอาณาจักรหงหลินอยู่ตลอดเวลา

นี่มันไม่ใช่สัญลักษณ์มงคล…

เมื่อวานนี้ ทั้งสองเผ่าที่ทรงพลังแห่งดินแดนเทวะบูรพาได้ทำงานร่วมกันเพื่อทะลวงผ่านชายแดนของอาณาจักรหงหลิน

กองทัพเคลื่อนทัพเข้ามา และนักรบเซียนของอีกฝ่ายได้สังหารแม่ทัพของอาณาจักรหงหลินไปแล้วหลายสิบคน

ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนได้เข้าร่วมในสงครามมนุษย์ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะทำบางอย่างเช่นการตัดหัว

ในท้ายที่สุดแล้ว การสังหารเผ่ามนุษย์จะเพิ่มกรรมร้ายให้พวกเขา พวกเขาไม่เต็มใจที่จะสังหารโดยตรง

อาณาจักรหงหลินตกอยู่ในอันตรายและได้ขอความช่วยเหลือจากสำนักตู้เซียน

เมื่อวานนี้สำนักตู้เซียนได้ส่งผู้บริหารที่อยู่ในขอบเขตเซียนเสิ่นไปสองสามคน

ทว่าทันทีที่ผู้บริหารออกไป พวกเขาก็ถูกจับ แต่ยังโชคดีที่พวกเขาไม่ได้ถูกสังหารทันที

นอกจากนี้ยังเป็นเพราะผู้บริหารขอบเขตเซียนเสิ่นเหล่านั้นด้วย เจ้าสำนักตู้เซียน จี้อู๋โหย่วจึงได้เรียกรวมบรรดาปรมาจารย์ของสำนัก

เขาต้องการเลือกเซียนสามร้อยคนและเซียนเทียนยี่สิบคนเพื่อรีบไปที่อาณาจักรหงหลินในคืนนี้

ในฐานะองค์หญิงแห่งอาณาจักรหงหลิน ย่อมไม่อาจขาดโหย่วฉินเสวียนหย่าไปได้ เนื่องจากคำชี้แนะของ หลี่ฉางโซ่วเมื่อก่อนหน้านี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าจึงได้ฝ่าทะลวงด่านไปถึงขอบเขตเซียนเสิ่นขั้นสุดท้ายแล้ว

นางอยู่ไม่ไกลจากขอบเขตเซียนเทียน นางเป็นเมล็ดพันธ์เซียนจินที่สำนักให้ความสำคัญ

สถานการณ์ในอาณาจักรหงหลินเป็นเรื่องเร่งด่วนเล็กน้อย ทางสำนักกลัวว่า โหย่วฉินเสวียนหย่าจะขึ้นไปและขอให้ผู้อาวุโสทั้งสองติดตามนางเป็นพิเศษ…

“อาณาจักรหงหลิน…”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่สักพัก สำนักนี้ใช้ “ปรมาจารย์” จำนวนมาก จึงไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดใด ๆ กับโหย่วฉิน

เขาได้ตัดสินใจส่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินเพื่อแอบติดตามไปอย่างลับๆ

ทว่าตาม ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วตัดสินใจ อักขระเต๋าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา แล้วก่อตัวขึ้นเป็นถ้อยคำที่เขาได้เห็นมาสองสามครั้ง

“ไป”

อืม เก้าสิบห้าในร้อยส่วนของเรื่องในอาณาจักรหงหลิน เกี่ยวข้องกับ “อาณาจักรซาง”

หลี่ฉางโซ่วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะนั่งบนเก้าอี้โยกอยู่พักหนึ่ง ในไม่ช้า เขาก็เม้มริมฝีปากและเลิกคิ้ว จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้ท้องฟ้า

หากไม่มีปู่เจดีย์… เขาก็จะมีความสุขน้อยลงมาก

………………………………………………………………..

0