บทที่ 680 ศิษย์พี่ ถนอมตัวด้วย (1)
กฎห้ามเกี่ยวกับราชวงศ์ของโลกมนุษย์จะต้องได้รับการจัดการให้สำเร็จลุล่วง!
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ไข่มุกกักวิญญาณในมือของเขาและรู้สึกขัดแย้ง
ในฐานะพระราชา เขายังอาจเต็มไปด้วยกรรมร้ายปกคลุมได้หรือไม่? กรรมร้ายรอบกายเขาแทบจะเป็นสีเทาดำ!
หากไม่ใช่เพราะวิญญาณบิดาของศิษย์น้องหญิงจอมพิษภัย หลี่ฉางโซ่วก็คงจะสังหารวิญญาณนั้นทันที
นอกจากนี้ เขาก็ยังได้รับบุญบ้างเช่นกัน และนับได้ว่ามันเป็นเหมือนเงินค่าวิ่งงานที่ใช้ไปในการที่เขามาที่นี่…
เหตุใดถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น?
พระราชาผู้นี้ทรงโหดร้ายรุนแรงมากหรือ?
สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาได้ตรวจสอบส่วนต่างๆ ของอาณาจักรหงหลิน และพบว่าโดยทั่วไปแล้ว อาณาจักรปกติดี และมนุษย์ธรรมดาก็สามารถใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างอยู่เย็นเป็นสุข
แม้จะมีการแบ่งแยกชนชั้น เช่น ขุนนางและทาสอยู่ด้วย แต่นี่ก็เป็นปรากฏการณ์ทั่วไปที่มีอยู่ทั่วไปในโลกมนุษย์ทุกวันนี้ และจะไม่ก่อให้เกิดกรรมร้ายอะไรมากมายเพียงนี้
หลี่ฉางโซ่วบีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้ และด้วยอาศัยทักษะการหยั่งรู้ที่ล้ำลึกของเขา เขาก็สรุปได้อย่างรวดเร็ว…
มันน่าจะเป็นเพราะเขาฝืนชะตาฟ้าลิขิต
ผู้เป็นจ้าวผู้ปกครองแห่งชนเผ่าอาณาจักรฟาง ได้ครองอำนาจและความมั่งคั่งของมวลมนุษย์เอาไว้ในมือ
เนื่องจากสามารถเลี้ยงดูเหล่าเซียนกลุ่มหนึ่งให้เป็น “ผู้พิทักษ์อาณาจักร” ได้ จึงไม่เป็นปัญหาที่พวกเขาจะได้รับโอสถบางอย่างเพื่อยืดอายุขัย และเพิ่มพลังชีวิตของพวกเขาไปทั่วทั้งเมือง
ทว่าพวกเขาเป็นจ้าวผู้ปกครองแห่งอาณาจักรมนุษย์มาแต่เดิม เมื่อถึงเวลา พวกเขาก็ย่อมต้องตาย
แต่พวกเขาจะฝืนโชคชะตาฟ้าลิขิตและนั่งครองบัลลังก์ราชาต่อไป และทุกครั้งที่พวกเขานั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นนานขึ้นอีกหนึ่งปี
เช่นนั้นแล้ว กรรมร้ายของพวกเขา ก็ย่อมจะยิ่งฝังลึกมากขึ้นไปอีกทุกๆ ปีตามเวลาที่เขานั่งครองบัลลังก์ต่อไป
นั่นเป็นเพราะเต๋าสวรรค์จำกัดการฝึกบำเพ็ญของราชาธรรมดาทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ฝึกบำเพ็ญจะต้องทนทุกข์กับการได้รับการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์เมื่อพวกเขาได้ขึ้นเป็นราชา!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับปรมาจารย์เต๋าสวรรค์เลย
บิดาของโหย่วฉินเป็น ‘ทรราช ผู้มิควรนั่งครองบัลลังก์’ มาเป็นเวลานานกว่าสามร้อยปีแล้ว
เขาสั่งสมกรรมร้ายเอาไว้มากมาย ซึ่งหลี่ฉางโซ่วคิดว่า บิดาของโหย่วฉินจะต้องเข้าสู่สังสารวัฏ เวียนว่ายอยู่ในนรกขุมที่สิบแปดเป็นเวลาหลายพันหลายหมื่นปี …
เหตุใดกัน?
หลี่ฉางโซ่วก่นด่าสาปแช่งเล็กน้อยอยู่ในใจ ทันใดนั้น ร่างของเขาก็เคลื่อนไหวแวบวาบอย่างรวดเร็ว ออกไปจากใต้โถงตำหนักใหญ่ แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังมุมหนึ่งของพระราชวัง
การต่อสู้ที่วุ่นวายเกิดขึ้นที่นั่น เหล่าทหารองครักษ์เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องสตรีหลายสิบคนที่สวมชุดผ้าไหมปักงดงาม
มีการรบพุ่งวุ่นวายเกิดขึ้นที่นั่น และเหล่าทหารองครักษ์ของพระราชวังก็กำลังเสี่ยงชีวิตคอยคุ้มกันสตรีหลายสิบคนที่สวมชุดกระโปรงผ้าไหมปักงดงามอย่างสุดชีวิต
พวกนางส่วนใหญ่เป็นนางสนมของพระราชาในช่วงยี่สิบหรือสามสิบปีที่ผ่านมา
ในบรรดาสตรีเหล่านั้น มีสตรีผู้หนึ่งที่มีเส้นผมขาว รูปลักษณ์สง่างาม นางดูคล้ายกับโหย่วฉินเสวียนหย่าอย่างยิ่ง
หลี่ฉางโซ่วหยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวออกมาอย่างสบายๆ และปล่อยให้มันเข้าไปในแขนเสื้อของสตรีผู้นั้นและสตรีสาวที่นางกำลังปกป้องอยู่อย่างสงบ…
นอกเหนือจากนั้นแล้ว ข้าควรทำอย่างไรดี
หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญอย่างละเอียดรอบคอบ
ปรมาจารย์จอมปราชญ์ย่อมไม่ได้ขอให้เขามาที่นี่เพียงเพื่อช่วยบิดามารดาของโหย่วฉินเสวียนหย่าอย่างแน่นอน
โหย่วฉินเสวียนหย่าเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาของสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน แม้นางจะดูงดงามมากทีเดียว แต่คุณสมบัติของนางก็ยังไม่ได้ถึงขั้นท้าทายสวรรค์
นั่นย่อมไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้จอมปราชญ์สนใจอย่างแน่นอน
หากเรื่องของอาณาจักรหงหลินในยามนี้ เกี่ยวข้องกับ “ราชวงศ์ซาง” แล้วเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันไปด้วย หรือไม่?
หากข้าพาบิดามารดาของโหย่วฉินเสวียนหย่าออกจากโลกมนุษย์ไปสู่สถานที่ฝึกบำเพ็ญ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า?
เพียงในขณะที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในใจ ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองเขามาจากทางด้านหลัง
บัดนั้น เส้นขนทั่วร่างของเขาก็ลุกตรงตั้งชั้นจนสุดในทันที และสัมผัสวิญญาณรับรู้ของเขาก็พุ่งพล่านขึ้นอย่างรวดเร็ว
ล้อเล่นน่า ล้อเล่น ปรมาจารย์เต๋าสวรรค์ ท่านปราดเปรื่องรอบรู้ยิ่ง โดยปกติแล้ว ศิษย์มักจะมีความคิดที่กล้าหาญมากกว่านี้!
เขาปัดความคิดก่อนหน้านี้ออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วความหวาดกลัวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
ใช่ ข้าจะเพียงเฝ้าดูการแสดงอย่างเชื่อฟังและต้องให้แน่ใจว่าญาติของโหย่วฉินเสวียนหย่าได้รับการปกป้อง แล้วข้าจะรอโอกาสให้ตัวข้าเองได้ปรากฏกาย
โหย่วฉินเสวียนหย่าจะใช้เวลาสักพักเพื่อมาถึงที่นี่ แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อติดตามเหล่าสตรีและเหล่าทหารองครักษ์ไป
ในขณะนั้น เงาดำที่กำลังลอยอยู่รอบๆ วัง ล้วนมีระดับฐานพลังหลากหลายแตกต่างกันไป ตั้งแต่จากขอบเขตคืนกลับอนัตตา ไปจนถึงขอบเขตเซียนเสิ่น
พลังลมปราณของพวกเขาขุ่นมัวและเต็มไปด้วยความดุร้าย อาจเรียกได้ว่า พวกเขาเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญปีศาจที่โหดเหี้ยมและไร้ค่า
ในเวลานี้ เงาดำจำนวนมากก็ถูกสตรีเหล่านี้ดึงดูดความสนใจเช่นกัน และพวกเขาก็เข้าล้อมรอบพวกนางทันทีและโจมตีพวกนางจากระยะไกลด้วยการร่ายคาถาเวท คำสาปและปล่อยเครื่องมือเวทต่างๆ ออกไป
พวกเขาเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญปีศาจที่โหดเหี้ยมและไร้ค่า
มีทหารองครักษ์จำนวนน้อยนักที่มีระดับฐานพลัง และพวกเขาก็พ่ายแพ้ต่อผู้ฝึกบำเพ็ญปีศาจที่โหดเหี้ยมเหล่านี้อย่างรวดเร็ว
ทว่าในขณะนี้ เหล่าทหารองครักษ์ต่างก็ไม่ได้หวาดกลัวจนถอยหนีเลย พวกเขารวมตัวกันและตอบโต้กลับอย่างสุดกำลัง
พวกเขาใช้ร่างกายและเลือดเนื้อของพวกเขาเพื่อปกป้องการถอยหนีของสตรีในวังเหล่านี้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย
“รีบคุ้มกันองค์ราชินีออกไป!”
“ไอ้พวกไม่มีฐานพลัง ไสหัวไปให้พ้น! ห้ามตายที่นี่!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สะบัดนิ้วเบาๆ แล้วยันต์บางส่วนก็ลอยออกมาจากพื้นอย่างเงียบๆ และเกาะติดอยู่กับด้านหลังของเหล่าทหารองครักษ์ที่แทบจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตคืนกลับอนัตตา
ทันใดนั้นดวงตาของทหารองครักษ์เหล่านั้นก็เปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาทันที พวกเขาเงยหน้าขึ้นแล้วร้องคำรามอย่างเดือดดาล
จากนั้นพวกเขาก็ยกมือขึ้นเพื่อฉีกชุดเกราะด้านหน้าที่หน้าอกออก และบัดนี้ ร่างของพวกเขาก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงเซียน!
มันราวกับว่ามีเสียงตะโกนอยู่ในหูของพวกเขา
“พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เร็วเข้า โจมตีเร็วเข้า!”
เหล่าทหารองครักษ์ที่ได้รับพรเพิ่มพลังแข็งแกร่งด้วยยันต์วิญญาณ ต่างก็ร้องคำรามออกมา และเผชิญหน้ากับผู้ฝึกบำเพ็ญปีศาจที่โหดเหี้ยม มุมมองที่ด้านหลังของพวกเขาก็ยังดูน่าสลดใจเล็กน้อยเช่นกัน…
ฤทธิ์เดชของยันต์จะอยู่ได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
………………………………………………………………..