ตอนที่ 1587 นางพญาซูหย่า (2) ตอนที่ 1588 นางพญาซูหย่า (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1587 นางพญาซูหย่า (2) / ตอนที่ 1588 นางพญาซูหย่า (3)
ตอนที่ 1587 นางพญาซูหย่า (2)

จวินอู๋เสียอ้าปาก อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายนางก็ไม่รู้จะพูดอะไร

ความจริง จวินอู๋เสียตั้งใจจะโต้กลับด้วยตัวเอง ไม่ได้คิดจะรบกวนซูหย่าเลย

ซูหย่ามองศิษย์ที่ ‘แสนซื่อ’ ของนาง แล้วทนทำหน้าโกรธต่อไปไม่ไหว พลางคิดกับตัวเองว่าเด็กคนนี้จะซื่อเกินไปหรือไม่

ตอนที่สวี่มู่ตะโกนอยู่นอกประตู ซูหย่าก็ตื่นแล้ว นางรู้ด้วยว่าศิษย์ตัวน้อยของนางรีบพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว นางอยากดูว่าจวินอู๋จะจัดการกับสถานการณ์วันนี้อย่างไร และผลก็คือ นางเห็นจากด้านในว่าจวินอู๋ยืนนิ่งอยู่กับที่ มือของสวี่มู่เกือบจะถึงตัวอยู่แล้ว เขาก็ยังไม่ตอบสนองเลย

ซูหย่าจึงโมโหขึ้นมา!

แต่ซูหย่าก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของศิษย์นางไม่ใช่พลังวิญญาณหรือภูติวิญญาณ และทักษะเสริมวิญญาณก็เป็นทักษะที่ใช้สนับสนุนในการต่อสู้ ที่นางโมโหก็เพราะสถานการณ์คับขันขนาดนี้ จวินอู๋ก็ยังไม่เรียกนาง

นั่นแสดงว่าเด็กคนนี้ไม่ไว้ใจนางที่เป็นอาจารย์ของเขาอย่างนั้นหรือ!

ซูหย่าทำใจไม่ได้ที่จะเอาความโกรธไปลงกับศิษย์ตัวน้อยของนาง นางจึงเอาความโกรธนั้นไปลงที่สวี่มู่

แม้ว่าจะโชคร้าย แต่สวี่มู่ก็สมควรโดนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งทะลวงเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วง ต่อให้อาจารย์ของสวี่มู่มาเอง ต่อหน้าซูหย่า เขาก็ได้แต่ถูกทุบตีจนย่ำแย่เท่านั้น

นั่นคือพลังวิญญาณขั้นสีเงินที่เทียบได้กับจ้าวตำหนักของสิบสองตำหนัก!

สำหรับศิษย์ ‘แสนซื่อ’ ของนาง แม้ว่าซูหย่าจะโกรธ แต่นางก็เอ็นดูมากด้วย ยากนักที่นางจะยอมรับศิษย์ ดังนั้นนางจึงปกป้องเขาอย่างดุเดือด นี่มีคนมาลงมือถึงหน้าประตู นางจะระงับความโกรธได้อย่างไร

ขณะที่ทุกคนยังคงตกตะลึงกับการปรากฏตัวของซูหย่า ร่างซูหย่าก็กลายเป็นริ้วแสงสีเงินไปปรากฏตัวตรงหน้าสวี่มู่ในชั่วพริบตา สวี่มู่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง นางก็ยกร่างสวี่มู่ที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่งขึ้นมาจากพื้น

“เจ้าจะหาเรื่องศิษย์ข้าหรือ” ซูหย่าเชิดหน้ามองสวี่มู่ที่มีคราบโลหิตอยู่ที่มุมปาก

สวี่มู่สั่นไปทั่วร่างอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเจอกับรังสีกดดันที่แข็งแกร่งของซูหย่า เขาอยากทำปากแข็งแต่ก็ไม่กล้า ตอนนี้ในใจเขามีแต่ความเสียใจ

ไหนใครว่าจวินอู๋เป็นขยะที่ถูกสำนักธาราเมฆทอดทิ้ง

แล้วสตรีที่แข็งแกร่งกว่าอาจารย์ของสาขาพลังวิญญาณคนนี้คืออะไร

“ไม่…ไม่ใช่…” สวี่มู่เสียงสั่น พยายามพูดออกมาทั้งที่ฟันกระทบกันกึกๆ แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซูหย่าก็ตบหน้าเขาแล้ว!

เหมือนจะตบเล่นๆ ไปอย่างนั้น แต่ทำเอาใบหน้าของสวี่มู่บวมแดงเป็นรอยห้านิ้วเลยทีเดียว มันดูน่ากลัวราวกับว่าผิวบนใบหน้าของเขาจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

“เจ้าพูดเบาเกินไป ข้าไม่ได้ยิน” ซูหย่าพูดอย่างเย็นชา

“ไม่ใช่…”

เพี๊ยะ!

สวี่มู่เพิ่งพูดได้สองคำ ซูหย่าก็ฟาดหลังมือเข้าที่ใบหน้าอีกข้าง ใบหน้าทั้งซ้ายและขวาของเขาจึงบวมขึ้นทันทีเหมือนหมั่นโถวที่เพิ่งเอาออกจากเข่งนึ่ง

“เจ้าเห็นข้าหูหนวกตาบอดหรือ ที่เจ้าพูดเจ้าทำอยู่เมื่อสักครู่ คิดว่าข้าไม่รู้หรือไง” ซูหย่าพูดอย่างหยาบกระด้าง

สวี่มู่อยากร้องไห้ เขาเสียใจอย่างถึงที่สุดที่ตกลงทำตามคำขอของหลินเฮ่าอวี่ เขาเลยต้องมาตกอยู่ในกำมือของซูหย่าในตอนนี้

เห็นได้ชัดเลยว่าซูหย่าไม่สนใจที่จะฟังคำอธิบายของเขา แค่จะใช้เป็นเหตุผลทุบตีเขาเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ซูหย่าก็จะมีข้ออ้างสั่งสอนเขาเป็นกระบุง

สิ่งที่ทำให้สวี่มู่สิ้นหวังมากขึ้นไปอีกก็คือ เขาพบว่าพลังวิญญาณของเขาถูกพลังที่เหนือกว่าของซูหย่ากดเอาไว้ ถึงเขาอยากจะดิ้นรนให้เป็นอิสระ แต่มันก็เป็นแค่ความฝันที่สิ้นหวังเท่านั้น

หลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่สวี่มู่รู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้

ตอนที่ 1588 นางพญาซูหย่า (3)

“อะไร ไม่กล้าส่งเสียงแล้วหรือ เมื่อสักครู่ยังผยองพองขนอยู่เลยนี่ รังแกคนอ่อนแอแต่กลัวคนแข็งแกร่งหรืออย่างไร นี่หรือขยะที่พวกโง่เง่าจากสาขาพลังวิญญาณสั่งสอนมา” มือขาวหยกของซูหย่าฟาดไปที่หน้าของสวี่มู่อย่างต่อเนื่องมากกว่าสิบครั้ง สวี่มู่ถูกตบจนกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว

ซูหย่าที่ตบจนพอแล้วก็เตะสวี่มู่ที่ไม่มีแรงต่อต้านกระเด็นออกไปกองอยู่ที่พื้น คราวนี้เขาไม่มีแม้แต่แรงจะร้องครางด้วยซ้ำ

ทุกคนต่างตกใจกลัว พวกเขาไม่เคยเจออาจารย์ที่ลงมือโหดขนาดนี้เลย

นางไม่ได้แค่ตบสวี่มู่จนจำหน้าไม่ได้เท่านั้น แต่นางยังด่าอาจารย์ทุกคนในสาขาพลังวิญญาณอีกด้วย

ต้องมีความกล้ามากขนาดไหนกัน

ในบรรดาทุกคนที่นั่น คนที่กลัวมากที่สุดก็คือหลินเฮ่าอวี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ตั้งแต่วินาทีที่ซูหย่าปรากฏตัว หลินเฮ่าอวี่ก็แข็งทื่ออยู่กับที่ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวขณะมองสวี่มู่ถูกซูหย่าตบอย่างโหดร้าย รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างอย่างไม่อาจหยุดได้

สตรีนางนี้มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ ทำไมนางปกป้องจวินอู๋ขนาดนี้

ตีหลินเฮ่าอวี่ให้ตาย เขาก็ไม่มีวันจะคิดว่าในสถานที่ธรรมดาๆ อย่างหอจันทร์แรมจะมีสตรีที่น่ากลัวขนาดนี้ซ่อนอยู่

สิ่งที่เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ สตรีนางนี้หนุนหลังจวินอู๋!

เมื่อตกอยู่ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของนางพญาซูหย่า พวกผู้เยาว์จอมสอดรู้ทุกคนก็ตัวสั่นราวกับนกกระทา ตอนนี้พวกเขารู้สึกโชคดีอย่างมากที่ตอนที่พวกเขาได้ยินสวี่มู่ด่าจวินอู๋อย่างฮึกเหิมเมื่อครู่ พวกเขาไม่ได้เข้าไปร่วมวงด้วย ไม่อย่างนั้นชะตากรรมของพวกเขาตอนนี้คงไม่ดีไปกว่าสวี่มู่

นี่คือสตรีที่กล้าด่าอาจารย์สาขาพลังวิญญาณเชียวนะ ตีพวกเขาก็คงไม่ต่างกับตีลูกเจี๊ยบ

ซูหย่ามองสวี่มู่ที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นด้วยความพอใจ นางปัดฝุ่นออกจากมือแล้วหันไปมองจวินอู๋เสีย

“เข้าใจหรือยัง”

“อะไรหรือ” จวินอู๋เสียงงเล็กน้อย

ซูหย่ายกสุราขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก แล้วเช็ดสุราที่เปื้อนมุมปากออก ชี้นิ้วไปทางสวี่มู่โดยไม่หันหน้ากลับไป

“ถ้าวันหน้าเจอพวกปากเสียแบบนี้ เอามันให้ตาย ฆ่ามันตายแล้วเดี๋ยวมารดารับผิดชอบให้เอง”

จวินอู๋เสียมองซูหย่าอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก อาจารย์ของนางคนนี้หยิ่งผยองจริงๆ แต่…นางชอบมาก

“เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว” จวินอู๋เสียพยักหน้าอย่างจริงจัง แม้ว่านางสามารถจัดการเรื่องพวกนี้เองได้ แต่การได้เห็นซูหย่าออกโรงปกป้องนาง ทำให้จวินอู๋เสียได้รับประสบการณ์ใหม่ ว่าอะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ที่แท้จริง

ในอดีตนางมีปฏิสัมพันธ์กับเยี่ยนปู้กุยน้อยเกินไป จึงไม่สามารถรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ได้ ส่วนฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งรัฐเหยียนนั้น เขาตายไปแล้ว จวินอู๋เสียจึงไม่เคยพบเขา

แต่ตอนนี้จวินอู๋เสียได้รู้จากซูหย่าแล้วว่า อาจารย์ปกป้องศิษย์ของตนกันอย่างนี้นี่เอง

หลังจากจวินอู๋เสียเข้ามาที่หอจันทร์แรม ไม่ใช่ว่านางจะไม่เห็นรูปแบบวิธีการของซูหย่าในการทำสิ่งต่างๆ แม้ว่าจะผิดทำนองคลองธรรม แต่ก็ไม่ทำตัวสะดุดตา ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายนอกใดๆ จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าทำไมซูหย่าถึงเลือกซ่อนความเจิดจรัสของตัวเอง แต่จวินอู๋เสียเห็นว่าซูหย่าได้ทิ้งท่าทางเฉื่อยชาและเฉยเมยตามปกติของตัวเองเพื่อนาง ยอมออกมาแสดงตัวต่อหน้าทุกคนเพื่อปกป้องนาง น้ำใจครั้งนี้จวินอู๋เสียจะไม่ลืมไปชั่วชีวิต

ซูหย่าพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็หันกลับไปกวาดสายตามองฝูงชนที่เงียบกริบเหมือนจั๊กจั่นยามหน้าหนาว

“พวกเจ้าฟังข้าให้ดี จวินอู๋คือศิษย์ของข้า ซูหย่า วันหน้าถ้ามีใครกล้าหาเรื่องเขาอีก มารดาจะกระทืบให้กระดูกหักทีละท่อนเลย!”

คำพูดของซูหย่าทำให้ทุกคนตัวสั่นระริก