บทที่ 752 การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ท้าทายคุณ?”นัทธีคิ้วขมวด

วารุณีตอบอืมกลับไปคำหนึ่ง“ใช่ ที่งานเลี้ยง เธอเอาแต่จ้องมองฉัน พอฉันหันมองไป เธอก็ส่งสายตาท้าทายมาให้ฉัน คงคิดว่าฉันจะเข้าไปเอาเรื่องเธอ จากนั้นก็ใช้โอกาสนี้ทำให้ฉันอับอายขายหน้า แต่น่าเสียดาย ที่ฉันไม่ได้สนใจเธอเลย”

เมื่อนัทธีฟังคำพูดของเธอจบ ก็พยักหน้าให้ “ดีแล้ว ไม่ต้องไปสนใจเธอ แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วย คนแบบนี้แม้ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ แต่บางทีก็มักจะลอบกัดเราในตอนที่เราไม่ทันได้ระวังตัว แล้วทำร้ายเราได้ ”

เหมือนพวกแมลงหวี่แมลงวัน ที่ทำให้เรารู้สึกขยะแขยง

วารุณีพยักหน้า“ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องห่วง แต่จะว่าไป จุ๊บแจงก็เปลี่ยนไปมากนะ ฉันจำได้ในตอนที่เจอกันครั้งแรก แม้เธอจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็เก็บซ่อนตัวตนได้เป็นอย่างดี มาตอนนี้ เธอไม่เก็บความรู้สึกอะไรแล้ว เหมือนนวิยาเลย”

ในตอนแรก นวิยาก็เสแสร้งเก่งมาก เป็นปีศาจแท้ๆ แต่กลับแกล้งทำเป็นกระต่ายตัวน้อยที่อ่อนแอ ทำให้ผู้คนต่างสงสารและอยากจะปกป้องดูแล

ท้ายที่สุด ภาพของกระต่ายตัวน้อยก็ถูกเปิดเผย เผยให้เห็นตัวตนที่อัปลักษณ์ออกมา

จุ๊บแจงในตอนนี้ก็คือนวิยาในตอนนั้น

นัทธีหรี่ตาลงและส่งเสียงหึในลำคอ“เธอคล้ายนวิยาจริงๆ แต่เธอไม่ได้หัวหมอเหมือนนวิยา และไม่มีเล่ห์กลอุบายเหมือนนวิยา ตอนนี้ที่เธอเผยธาตุแท้ออกมา เป็นเพราะเธอถูกทายาทเศรษฐีของเธอคนนั้นคอยหนุนหลังอยู่ ดังนั้นก็จึงเลิกเสแสร้ง ”

คนแบบจุ๊บแจง พูดตรงๆก็คือ พวกบูชาเงิน อยากจะแต่งเข้าตระกูลที่ร่ำรวย แต่ก็กลับแสดงตัวว่าไม่ชอบคนรวย ทำทีเป็นไว้ตัว เมินคนมีฐานะ และทำเหมือนหมิ่นคนรวย

คนมีฐานะที่ฉลาดบางคน ย่อมมองออกถึงการเสแสร้งนี้ของเธอ แต่แค่ไม่พูดเท่านั้น และยอมที่จะคบหากับเธอ

แต่คนรวยประเภทนี้ ไม่ทุ่มอะไรกับจุ๊บแจงมากนักหรอก อย่างมากก็พาจุ๊บแจงไปกินข้าว แล้วพาไปในที่หรูๆ แต่ไม่มาเสียเงินทองอะไรให้กับจุ๊บแจงเป็นแน่

อีกประเภท ก็คือคนรวยที่ไม่มีสมอง เป็นพวกยโสโอหัง คนประเภทนี้ มักตาบอด ไม่มีความคิดอ่านอะไร ดังนั้นก็จึงมองไม่ออกถึงธาตุแท้ของจุ๊บแจง อีกทั้งยังคิดว่าผู้หญิงแบบจุ๊บแจงที่ไม่เห็นแก่เงินนั้นหาได้ยาก มีคุณค่ายิ่ง ดังนั้นก็จึงใช้เงินมาคอยเอาใจจุ๊บแจง

สำหรับจุ๊บแจง ในตอนแรกอาจจะยังแกล้งทำเป็นปฏิเสธ แต่ภายหลังก็จะค่อยๆยอมรับ และในขณะที่เศรษฐีคนนั้นทุ่มเงินยิ่งมากเท่าไร การไว้ตัวของจุ๊บแจง ก็จะค่อยๆหายไป สุดท้ายแล้วก็จะเผยให้เห็นความจอมปลอมและความละโมบนั้น แต่เมื่อมันเผยออกมาแล้ว ตัวตนที่น่ารังเกียจของจุ๊บแจงก็จะปรากฏ อีกทั้งเธอเองก็จะไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นของเธอ

จุ๊บแจงในตอนนี้ คงน่าจะเป็นแบบนั้น ถูกเศรษฐีคนหนึ่งทุ่มเงินให้ จึงลืมที่จะเสแสร้ง และกลายเป็นหยิ่งยโส แอบอ้างบารมีข่มเหงผู้อื่น การกลั่นแกล้งก็จึงตามมา

และคนแบบจุ๊บแจงนี้ เชื่อว่าในอีกไม่ช้า ก็จะถูกทายาทเศรษฐีคนนั้นเขี่ยทิ้งในเร็ววัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น ริมฝีปากบางของนัทธีก็ยกหยักขึ้นอย่างเย็นชา“ขอแค่จุ๊บแจงไม่มาก่อกวนคุณในตอนเข้าแข่งขัน คุณก็ไม่ต้องไปสนใจเธอ เธอจะมีภัยเพราะการกระทำของเธอเอง”

“ฉันรู้แล้ว”วารุณีพยักหน้า

จากนั้นทั้งคู่ก็พูดคุยกันเรื่องอื่น แล้วจึงวางสายไปอย่างอาลัยอาวรณ์

วันถัดไป เป็นวันที่เข้าสู่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ

วารุณีกับลีน่าเดินทางไปยังสถานที่แข่งขัน ในขณะที่กำลังนั่งลงชื่อของตัวเองในที่นั่งของคณะกรรมการ

หลังจากที่นั่งลง ผู้เข้าแข่งขันต่างก็ทยอยกันเดินเข้ามาทีละคน แล้วหาที่นั่งของตัวเองนั่งลง

ในตอนนี้เอง พิธีกรทางฝ่ายผู้จัดการแข่งขันได้ขึ้นไปยืนบนแท่น และเริ่มประกาศหัวข้อของการแข่งขันในรอบแรก

หลังจบการแข่งขันนี้ กรรมการผู้ตัดสินจะจับฉลาก เลือกผู้เข้าแข่งขันเข้ากลุ่มของตัวเอง

ซึ่งก็หมายความว่า นี่ก็เป็นการแข่งขันแบบแบ่งกลุ่มด้วย

ด้านล่างของเวที จุ๊บแจงที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องเมื่อได้ยินหัวข้อของการแข่งขันจากพิธีกร ก็ตะลึงงัน

หัวข้อ นี่ยังมีหัวข้ออีกด้วย!

หัวข้อคืออะไร ก็คือให้นักออกแบบทุกคน ดูจากสิ่งของที่กำหนดให้ แล้วออกแบบเสื้อผ้าที่เข้าชุดกับสิ่งของนั้นๆออกมา

สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของจุ๊บแจงแข็งค้างอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจกระวนกระวายอย่างมาก

เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าการแข่งขันนี้จะมีหัวข้อย่อยอะไรแบบนี้ด้วย เธอคิดว่าให้นักออกแบบหลายร้อยคนมานั่งรวมกัน จากนั้นก็แสดงความสามารถของตัวเองออกมา เขียนแบบที่คิดว่าดีที่สุด ไม่คิดว่า จะให้ออกแบบเข้าคู่กับสิ่งที่กำหนดให้แบบนี้

แล้วงานแบบที่เธอจำมามากมายก่อนเข้าแข่งขันพวกนั้นจะมีประโยชน์อะไร!

จุ๊บแจงกำดินสอในมือแน่น จนข้อต่อซีดขาว ฝ่ามือสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับอยากจะหักดินสอในมือทิ้งซะให้ได้ ใบหน้าทั้งวิตกกังวลและตื่นตระหนก

ทำยังไงดี?

จะทำยังไงมันดี?

ท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนของจุ๊บแจง ถูกลีน่าสังเกตเห็น ดวงตาหรี่เล็กลง จากนั้นก็กระตุกแขนเสื้อของวารุณีเบาๆ เอนตัวเข้าหาแล้วกระซิบว่า“วารุณี เธอดูนั่นสิ!”

เธอชี้ไปที่จุ๊บแจง

วารุณีเงยหน้ามองไป เมื่อเห็นท่าทีของจุ๊บแจง คิ้วที่ได้รูปก็เลิกขึ้น จากนั้นปากแดงๆก็ยกหยัก“ เขาเริ่มลนแล้ว”

“ก็ใช่นะสิ ตอนที่ได้ยินว่าการแข่งขันนั้นต้องเข้าคู่กับของที่กำหนดให้ ซึ่งก็หมายความว่า สิ่งที่เขาจำมา และแบบที่เตรียมจะลอกนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไม่ลนสิแปลก” ลีน่าพูดอย่างดูถูก

วารุณีหมุนควงปากกาในมือ “ช่างเขาเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย เขาทำตัวเอง จะโทษใครได้”

“ไม่ได้ ฉันขอแกล้งเขาหน่อย”พูดจบ ลีน่าก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมา แววตามีความขี้เล่นปรากฏ

เมื่อวารุณีเห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็ได้แต่ส่ายหัวให้อย่างระอา แต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม ปล่อยเธอเลยตามเลย

หากเป็นนักออกแบบคนอื่น เธอก็คงจะห้าม

แต่เป็นจุ๊บแจงก็เลยปล่อยผ่านลีน่าอยากจะเล่นสนุก ก็ให้ลีน่าเล่นไป

วารุณีก้มหน้าลง และขีดเขียนบางอย่างลงบนกระดาษต่อ

ลีน่ามองไปยังจุ๊บแจง ยกไมโครโฟนขึ้นแล้วพูดว่า“ผู้เข้าแข่งขันคนนั้น หมายเลข120 ”

หมายเลข120 ?

ใครกัน ?

ผู้เข้าแข่งขันบางคนหันหลังกลับไปมอง ส่วนคนที่อยู่แถวหลัง ก็มองขึ้นมา

และแล้วสายตาของทุกคนก็จับจ้องมองไปยังที่โต๊ะหมายเลข120

จุ๊บแจงกำลังก้มหน้าแล้วกัดดินสออยู่ ขบคิดหาวิธีแก้ไขกับสถานการณ์ในตอนนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสายตาจำนวนมากที่จ้องมองมาหาตัวเอง จึงเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย

ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็จ้องมองมาที่ตัวเอง หัวใจก็เต็มโครมคราม สีหน้าตกตะลึงอย่างมาก “มี……มีอะไรเหรอ พวกเธอมองมาที่ฉันกันทำไม?”

หรือว่า งานแบบที่เธอลอกเลียนเอามาเข้าร่วมการแข่งขัน พวกเขาจะรู้เรื่องนี้กันแล้ว ?

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ใบหน้าของจุ๊บแจงก็ซีดเผือดขึ้นมาทันที ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม

โชคยังดีที่ผู้เข้าแข่งขันคนที่นั่งโต๊ะข้างๆเธอ เป็นคนเดียวกับในงานเลี้ยง คนที่เธอสนิทด้วยที่สุด มือป้องปากแล้วบอกว่า“จุ๊บแจง ครูที่ปรึกษาลีน่าเขาเรียกเธอน่ะ”

“ครูที่ปรึกษาลีน่า?”เมื่อจุ๊บแจงได้ยินว่ามีคนเรียกตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่เธอขโมยงานแบบของคนอื่นแล้วถูกจับได้ ทันใดนั้นก็รู้สึกโล่งใจ ความหวาดกลัวที่มีก็พลันหายไป จากนั้นก็สงบสติ มองไปยังทิศทางที่ผู้เข้าแข่งขันชี้ไป และบังเอิญเจอเข้ากับสายตาของลีน่าตรงที่นั่งของคณะกรรมการพอดี

ดวงตาของลีน่ามีแสงสลัวไหววูบ และหายวับไปในทันที เอ่ยปากพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ผู้เข้าแข่งขันหมายเลข120 ไม่ทราบว่าคุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

“ไม่สบาย ? เปล่า……เปล่านี่คะ!”จุ๊บแจงส่ายหัวและตอบกลับ ไม่เข้าใจว่าเธอถามตัวเองแบบนี้ทำไม

ลีน่าก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า“ ไม่เป็นอะไรจริงๆนะ ? เมื่อครู่ฉันเห็นสีหน้าของคุณดูซีดมาก ร่างกายก็สั่นเทิ้ม นึกว่าไม่สบายซะอีก”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรคะ แค่ตื่นเต้นกับการแข่งขันนิดหน่อย ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ”มุมปากจุ๊บแจงเหยียดออก แล้วส่งยิ้มให้

ลีน่าพยักหน้าให้ “ แบบนี้นี่เอง แล้วยังแข่งต่อไหวไหม ? หากไม่ไหว ถอนตัวได้นะ”