ถอนตัว !
เมื่อได้ยินคำคำนี้ จุ๊บแจงราวกับถูกปลุกเร้า ลุกยืนขึ้นมาทันที ส่ายหัวให้อย่างรวดเร็ว “ไม่ค่ะ ฉันไม่ถอน ไม่ถอนตัวเด็ดขาด!”
กว่าเธอจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ได้ และยังจำภาพของแบบต่างๆเอาไว้มากมาย ที่ต้องการก็คือลำดับที่ดีขึ้น ให้นัทธีได้รู้ ว่าไม่ใช่แค่วารุณีคนเดียวเท่านั้น เธอเองก็ทำได้ ดังนั้นเธอก็คู่ควรกับเขา พอถึงเวลานั้น เขาก็คงจะมองเธอในมุมมองใหม่
ดังนั้นเธอจะถอนตัวไม่ได้เด็ดขาด หากถอนตัวไป ก็เท่ากับสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดจะต้องสูญเปล่า
“ผู้เข้าแข่งขันคนนี้ คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ถอนตัว ?”ลีน่าหรี่ตามอง
จุ๊บแจงพยักหน้า “ฉันแน่ใจค่ะ”
ลีน่ายักไหล่ “ในเมื่อยืนยันแบบนี้ งั้นเชิญนั่งเพื่อเตรียมเข้าสู่การแข่งขันได้เลย หวังว่าคุณจะไม่มานึกเสียใจทีหลังนะคะ ”
พูดจบ เธอก็วางไมโครโฟนลง
จุ๊บแจงเองก็นั่งลงอย่างร้อนอกร้อนใจอีกครั้ง หัวใจเต้นโครมครามราวกับฟ้าร้อง และรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาเช่นกัน
อาจารย์ที่ปรึกษาเธอหมายความว่ายังไง อะไรคือไม่มานึกเสียใจทีหลัง ?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกว่าคำพูดของอาจารย์ที่ปรึกษานั้นมีนัยแฝง ราวกับกำลังพูดเตือนเธอ และเยาะเย้ยเธอยังไงอย่างนั้น
หรือเธอจะรู้สึกไปเอง ?
จุ๊บแจงเงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองไปยังที่นั่งของคณะกรรมการ และเห็นเพียงลีน่ากำลังก้มหน้าขีดๆเขียนๆอะไรอยู่ จึงส่ายหัวเล็กน้อย
สงสัยเธอจะคิดมากไปเอง อาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้น่าจะกังวลกลัวว่าเธอจะประหม่ากับการแข่งขัน แล้วทำผลงานออกมาได้ไม่ดี ดังนั้นก็จึงให้เธอถอนตัว
เมื่อคิดได้ดังนั้น จุ๊บแจงก็ก้มหน้าลง แล้วขบคิดหาวิธีการต่อว่าจะทำยังไงให้แบบที่วาดออกมานั้นเข้ากับหัวข้อที่กำหนดไว้
ในขณะที่เธอกำลังก้มหน้าลง ลีน่าก็ขยับเข้าหาวารุณี “ วารุณี เธอว่าจุ๊บแจงคนนี้โง่หรือเปล่า ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสเขาไม่ต้องเผชิญกับความพังพินาศ แต่เขากลับไม่คว้าโอกาสนั้นไว้”
วารุณีกลอกตาใส่เธอ“โอกาสที่เธอให้มันไม่ชัดเจน ใครจะไปฟังเข้าใจกัน ? ดังนั้นก็จึงเข้าใจได้ว่าเธอกำลังให้โอกาสเขาอยู่ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เธอได้หว่านเมล็ดแห่งความสงสัยไว้ในใจของเขา ให้การแข่งขันในรอบต่อไปของเขา ค่อยๆเผยไต๋ออกมา ”
ลีน่ายิ้มร่า “ฮ่าฮ่า วารุณีเธอเข้าใจฉันจริงๆ ”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว มาสังเกตดูนักออกแบบคนอื่นๆกันเถอะ ว่านอกจากจุ๊บแจงแล้ว คนอื่นๆมีปัญหาไหม” วารุณีพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เมื่อวันก่อน ในห้องหนังสือเธอกับลีน่าได้ตรวจดูเอกสารของผู้เข้าแข่งขัน ข้อมูลของบางคนดูเรียบง่ายเกินไป ไม่ได้โดดเด่นอะไร ดังนั้นพวกเธอก็จึงไม่รู้ฝีไม้ลายมือของผู้เข้าแข่งขันทุกคน และไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นเหมือนจุ๊บแจงหรือเปล่า ที่บังเอิญผ่านเข้ามาได้เพราะโชคช่วย
เมื่อได้ยินคำพูดของวารุณี ลีน่าก็จริงจังขึ้นมา หยุดเล่น และเริ่มเฝ้าสังเกตการณ์ผู้เข้าแข่งขันทุกคน
หลังจากที่ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง การแข่งขันแบ่งกลุ่มในรอบแรกก็เสร็จสิ้น
เจ้าหน้าที่รวบรวมเอาผลงานการออกแบบของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดมา และส่งมันให้กับคณะกรรมการที่นั่งอยู่กับโต๊ะ
ด้านล่างเวที สองมือของจุ๊บแจงกำกันแน่น นิ้วมือถูกันไปมา แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดและว้าวุ่นใจอย่างชัดเจน
ทางด้านข้าง ผู้เข้าแข่งขันคนที่สนิทกับเธอก็เอนตัวมาหา“จุ๊บแจงเธอคิดว่างานออกแบบของเธอเป็นยังไง?”
จุ๊บแจงหลุบตาลง และฝืนยิ้มออกมา“ฉัน…… ฉันรู้สึกว่าก็โอเคนะ”
พูดตามตรง ว่าเธอไม่มีความมั่นใจเลย ภายในใจว่างเปล่า
เธอไม่รู้ว่าอะไรคือการออกแบบให้เข้าชุดกับหัวข้อของคำว่า‘ค่ำคืน’ ดังนั้นไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงวาดในสิ่งที่ตัวเองจำได้แล้วเอามารวมเข้าด้วยกัน วาดชุดกระโปรงตัวหนึ่ง จากนั้นก็ทาสีดำ เป็นอันแล้วเสร็จ
ยังดีว่านี่คือการแข่งขันแบ่งกลุ่มในรอบแรก ไม่มีการคัดชื่อออก ดังนั้นเธอก็จึงทำได้เพียงสู้อย่างสุดชีวิตเท่านั้น
หากมีผลให้ถูกคัดออก ไม่แน่ว่าเธอก็อาจจะถูกคัดชื่อออกได้
แต่การแข่งขันในวันนี้ ทำให้เธอได้เข้าใจว่า การออกแบบนั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะวาดอะไรก็วาด แต่ต้องวาดตามโจทย์ที่กำหนดให้
ดังนั้นคืนนี้ หลังจากที่กลับไป เธอคงต้องทำความเข้าใจซะใหม่กับการแข่งขันที่ผ่านมา ว่าเคยใช้หัวข้ออะไรแล้วบ้าง บางทีอาจจะมีประโยชน์ในภายภาคหน้า
ด้านข้าง ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นได้ยินจุ๊บแจงพูดว่าโอเคดี ก็หัวเราะออกมา“ดูเธอมีความมั่นใจมาก ก็ใช่ งานแบบของเธอมีจิตวิญญาณ ย่อมต้องถูกจับกลุ่มกับอาจารย์ที่ปรึกษาที่เก่งๆ และยังได้ยินมาว่าผู้เข้าแข่งขันที่มีผลงานยอดเยี่ยมสิบคน จะสามารถเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาได้ด้วย เพราะหากมีอาจารย์ที่ปรึกษาคนหนึ่งเลือกเรา แต่เราไม่อยากจะเข้ากลุ่มกับอาจารย์ที่ปรึกษาคนนั้น เราก็เป็นฝ่ายเลือกได้ ไปอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาที่เราต้องการ แต่ฉัน……”
ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นถอนหายใจ“ฉันไม่มั่นใจตัวเองเลย ดังนั้นฉันคงไม่ติดหนึ่งในสิบแน่ ตอนนี้ฉันหวังแค่ว่าตัวเองจะโชคดี ได้จับกลุ่มกับครูที่ปรึกษาวารุณีและครูที่ปรึกษาลีน่า พวกเขาอยู่กลุ่มเดียวกัน รอการแข่งขันถัดไป ผู้เข้าแข่งขันออกแบบเครื่องประดับจะเข้าร่วมทีม ครูที่ปรึกษาลีน่าก็จะช่วยฉันจับคู่นักออกแบบเครื่องประดับที่เข้ากับฉันที่สุด”
เมื่อได้ยินว่าผู้เข้าแข่งขันคนนี้หมายมั่นวารุณีกับครูที่ปรึกษาลีน่า จุ๊บแจงก็กำมือแน่น สีหน้าไม่สบอารมณ์
แต่หลังจากนั้นแล้ว เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ มองไปยังผู้เข้าแข่งขันคนนั้น “ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอบอกว่า วารุณี……ไม่ คุณวารุณีกับครูที่ปรึกษาลีน่าอยู่กลุ่มเดียวกันเหรอ ?”
“ก็ใช่นะสิ”ผู้เข้าแข่งขันพยักหน้าให้“ เธอไม่รู้เหรอ ? วันนี้ที่ป้ายประกาศก็มีแจ้งให้ทราบแล้ว พวกเขาอยู่กลุ่มเดียวกัน และยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย”
เพื่อน!
สีหน้าของจุ๊บแจงเปลี่ยนไปทันที
ครูที่ปรึกษาลีน่ากับวารุณีเป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ
แล้วเมื่อกี้ที่เธอคิดว่าครูที่ปรึกษาลีน่าเป็นห่วงเธอ ให้เธอถอนตัว แบบนั้นก็ไม่สมเหตุสมผลนะสิ
ถามหน่อย เพื่อนของวารุณี จะมาเป็นห่วงเธอทำไม ?
อีกอย่างวารุณีจะไม่บอกเพื่อนตัวเองเหรอ ถึงสถานะของเธอ ?
เห็นชัดว่า วารุณีต้องบอกอยู่แล้ว ดังนั้นครูที่ปรึกษาลีน่าคนนี้ คงไม่ชอบขี้หน้าเธออย่างแน่นอน
ที่พูดให้เธอถอนตัว ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเธอ คำว่าเสียใจทีหลัง ก็ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเธอกลัวเธอจะกังวลใจกับการแข่งขัน
แต่เพราะเขาจะร่วมมือกันเล่นงานเธอ ดังนั้นหากเธอไม่ถอนตัว พวกเขาก็จะหาวิธีจัดการเธอให้ต้องถอนตัวไปเอง ทำให้อับอายขายหน้า ก็คือการเสียใจทีหลังไม่ใช่เหรอ ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ร่างของจุ๊บแจงก็สั่นสะท้าน มองไปยังวารุณีกับลีน่า สายตาแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที และเต็มไปด้วยความเกลียดชังอันน่าสะพรึงกลัว
ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นเห็นเธอในสภาพนี้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ตกใจอย่างมาก รีบเอามือปิดปากเอาไว้ทันที
พระเจ้า ท่าทีของจุ๊บแจง ทำไมมันถึงได้น่ากลัวแบบนี้ ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคนให้ได้
อีกทั้งเธอยังมีท่าทีที่เกลียดชังครูที่ปรึกษาวารุณีกับครูที่ปรึกษาลีน่าอย่างมาก หรือว่าระหว่างเธอกับครูที่ปรึกษาวารุณีและครูที่ปรึกษาลีน่านั้น จะมีเรื่องบาดหมางกันงั้นเหรอ?
ผู้เข้าแข่งขันขบริมฝีปากแน่น คิดไม่ออกว่าระหว่างสามคนนี้มีเรื่องอะไรให้หมางใจกันได้ แต่เธอก็ได้ตัดสินใจแล้ว ว่าจะต้องอยู่ให้ห่างจากจุ๊บแจง
ความอารมณ์ร้ายและไม่แน่นอนแบบนี้ อีกทั้งยังไม่รู้จักเก็บซ่อนความรู้สึกตัวเอง เห็นชัดว่าไม่ใช่คนดีที่ควรผูกมิตรด้วยสักเท่าไร
ตรงที่นั่งของคณะกรรมการ ลีน่าหางานแบบของจุ๊บแจงออกมา
เดิมทีเธอคิดว่า จุ๊บแจงผู้ซึ่งมีความผิดและตื่นตระหนกจะวาดอะไรออกมาไม่ได้ ไม่คิดว่า หลังจากที่หาผลงานของจุ๊บแจงเจอ จะพบว่าจุ๊บแจงยังวาดอะไรออกมาได้ด้วยเหมือนกัน
พูดตรงๆ ก็ถือว่ายังใช้ได้
แต่มันดูย้อนแย้งเกินไป
“วารุณีเธอดูนี่สิ”ลีน่าเอาผลงานของจุ๊บแจงให้วารุณีดู
วารุณีวางผลงานของนักออกแบบคนหนึ่งลง แล้วรับของที่ลีน่ายื่นมาให้ แววตามีความประหลาดใจผาดผ่าน “นี่ของจุ๊บแจงเหรอ?”
“ใช่ ดูๆไปแล้วก็ใช้ได้นะ”ลีน่าชี้ไปที่กระโปรงชุดดำแล้วพูดขึ้น
วารุณีพยักหน้า“ไม่เลวจริงๆแต่ความไม่เข้ากันมันเด่นชัดเกินไป”
“ใช่ๆๆ” เมื่อได้ยินคำวิจารณ์ของวารุณี ลีน่าก็พยักหน้าให้“ใช่แวบแรกที่มองก็รู้สึกสวยดี แต่พอมองซ้ำดูอีกทีก็เห็นว่ามันไม่เข้ากันเลย เพราะฉันไม่ใช่นักออกแบบเสื้อผ้า รู้เพียงว่าความไม่เข้ากันนั้นเด่นชัดเกินไป แต่จะให้พูดก็พูดไม่ถูก เธอลองพูดสิวารุณี ว่ามันยังไง”
“ง่ายมาก เอามารวมเข้าด้วยกัน”วารุณียิ้มเยาะแล้ววางผลงานของจุ๊บแจงลง จากนั้นก็ชี้ไปตรงที่แขนเสื้อ“ งานแบบตรงแขนเสื้อผ้าชีฟองนี้ เป็นของจอห์น ฉันเคยเห็นมันจากในนิตยสาร และงานแบบตรงคอเสื้อนี้ คือของฉันเอง ส่วนแบบตรงที่คาดเอวนี้ เป็นของติ๊นา”