บทที่ 808 ทางเลือกของอริยะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 808 ทางเลือกของอริยะ

ขณะที่หานเจวี๋ยนึกสงสัยในผลแพ้ชนะอยู่ เหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลก็เริ่มพูดคุยกัน

“ผานกู่ก็ยังคงเป็นผานกู่ กลิ่นอายเช่นนี้ทำให้คนยากจะลืมลงจริงๆ”

“ถึงแม้ข้าจะเกลียดเขา แต่ต้องกล่าวเลยว่า มหามรรคฤทธาแข็งแกร่งมากจริงๆ ในอดีตครานั้นมหามรรคขุนพลสวรรค์เกือบจะเทียบชั้นได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่สิ้นชีพลงด้วยขวานเบิกฟ้า”

“หากไม่มีขวานเบิกฟ้าและบัวขจีฟ้าบุพกาล ผานกู่จะสังหารสามพันเทพมารได้อย่างไร”

“ชาตินี้ผานกู่ถือกำเนิดมาตัวเปล่า บางทีพวกเราอาจจะประเมินเขาสูงไปจริงๆ”

“อริยะเทพอวี๋เจี้ยนโจมตีแล้ว เอ๊ะ! ปราณกระบี่แกร่งกล้านัก”

เมื่อได้ยินบทสนทนาของเหล่าเทพมาร หานเจวี๋ยแอบร้อนใจ

เขามิใช่เทพมารฟ้าบุพกาลตัวจริง สัมผัสถึงการต่อสู้นั้นไม่ได้ รับรู้ได้เพียงทิศทางเท่านั้น ไม่ทราบเลยว่าสองคนนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

‘เหตุใดถึงไม่ถ่ายทอดสดโดยตรงเลย’

หานเจวี๋ยบ่นในใจ รู้สึกว่าเทพมารปฐมภพไม่ได้เรื่องเลย

แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวออกไปได้ เลี่ยงไม่ให้ความลับแตกว่าตนมิใช่เทพมารฟ้าบุพกาล

บางทีเทพมารฟ้าบุพกาลอาจจะมองเห็นกันหมด และติดต่อกันด้วยวิธีการพิเศษ มีเพียงเขาที่มองไม่เห็น

ฟังจากบทสนทนาของเหล่าเทพมารฟ้าบุพกา ฉากต่อสู้คงดุเดือดยิ่ง ดูเหมือนอริยะเทพอวี๋เจี้ยนจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ผานกู่ก็แข็งแกร่งเช่นกัน

“ผานกู่ผู้นี้แม้แต่อริยะอวี๋เจี้ยนก็สังหารในเสี้ยววินาทีไม่ได้ ก็ไม่เท่าไรเลยนี่”

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

อันที่จริงเขาก็จะคิดจะจัดการกับผานกู่เช่นกัน แต่ทราบว่าผานกู่ร่างนี้ยังมิใช่การคืนชีพอย่างแท้จริง ต่อให้ทำลายผานกู่ไป ผานกู่ก็ยังอยู่

มิสู้รอให้ผานกู่สังหารเทพมารฟ้าบุพกาลไปหลายๆ ตนก่อนดีกว่า จะได้ลดศัตรูให้เขาหรือบุตรชายของเขาลง แล้วเขาค่อยลงมืออีกที ทำลายล้างผานกู่เพื่อทวงความยุติธรรมให้เหล่าเทพมารฟ้าบุพกาล

เขาไม่ได้เป็นศัตรูกับผานกู่ แต่ช่วยไม่ได้ เขาต้องปกป้องตัวเอง!

ครึ่งชั่วยามต่อมา

จู่ๆ ภายในตำหนักพลันเงียบสงัดลง

หานเจวี๋ยเข้าใจว่าการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว

ทำไมเต่าหดหัวพวกนี้ไม่พูดอะไรกันเลยเล่า

ร่างแยกของหานเจวี๋ยไม่สามารถเรียกดูกล่องจดหมายได้ ดังนั้นจึงได้แต่ร้อนใจ

เทพมารปฐมภพเอ่ยขึ้นช้าๆ “อริยะเทพอวี๋เจี้ยนแพ้แล้ว น่าเสียดาย เขามีความหวังเสี้ยวหนึ่งว่าจะเอาชนะได้ ไหนเลยจะคาดว่าผานกู่ยังมียอดสมบัติอีกมากนัก”

เหล่าเทพมารพากันเปิดปากเอ่ย

“นั่นเป็นยอดสมบัติใดกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะสะท้อนกลับมรรคกระบี่ของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนได้”

“แข็งแกร่งจริงๆ ผานกู่ถูกมรรคกระบี่ของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนแทงทะลุแล้ว ยังสามารถสวนกลับ สังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนได้อีก”

“อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเก่งกาจนัก ถึงแม้คนผู้นี้จะบ้าบิ่น แต่คุณสมบัติของเขาแข็งแกร่งจริงๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือสิ่งที่เขาพึ่งพามิใช่มหามรรคของตน แต่เป็นมรรคกระบี่”

“มรรคกระบี่ไม่เลวเลย ไม่ทราบเช่นกันว่าหลี่เอ่อร์คนนั้นจะแข็งแกร่งมากเพียงใด”

พอหานเจวี๋ยได้ยินดังนั้นก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลย

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนไม่แข็งแกร่งจริงๆ

ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาตายหรือไม่

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเรื่องนี้กลับไปยังร่างต้น

….

ภายในอารามเต๋า หานเจวี๋ยทราบข่าวว่าอริยะเทพอวี๋เจี้ยนพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น ยังฝึกบำเพ็ญต่อไป

เมื่อครบกำหนดปิดด่านห้าหมื่นปี เขาถึงได้ลืมตาขึ้น ส่วนร่างแยกยังคงอยู่ในอาณาเขตปฐมภพ ร่วมเตรียมแผนรับมือกับการมาถึงของผานกู่

หานเจวี๋ยตรวจดูจดหมาย ค้นหาจดหมายที่เกี่ยวข้องกับอริยะเทพอวี๋เจี้ยน

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผานกู่ศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากพลังลึกลับ วิญญาณล่องลอย]

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผานกู่ศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส สังขารถูกทำลาย]

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านโชคดีได้รับความช่วยเหลือจากผู้ทรงพลังลึกลับ วิญญาณหนีรอดได้]

หืม

มีมือที่สามเข้ามายุ่งหรือ

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ตอนที่อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสู้กับผานกู่ ถูกผู้ใดโจมตี ถึงทำให้วิญญาณล่องลอย’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวหานเจวี๋ย ข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

[เทวีตราวินัย: ระดับยอดมหามรรคระยะปลาย ดวงจิตมหามรรค]

เป็นนาง!

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง เขาไม่มีทางลืมว่าเทวีตราวินัยเคยโจมตีมรรคาสวรรค์หนึ่งครั้ง

เขาถามต่อ ‘ระหว่างที่ต่อสู้กับผานกู่ ผู้ใดให้ความช่วยเหลืออริยะเทพอวี๋เจี้ยน’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยเก้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[เหล่าจื่อ: ระดับยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น จิตดั้งเดิมผานกู่ ศิษย์สืบทอดของบรรพชนเต๋า ผู้สร้างมรรคกระบี่ บรรพชนร้อยตระกูล มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ปฐมบรรพชนแห่งนิกายเหริน ผู้บุกเบิกมหามรรค]

หืม

จิตดั้งเดิมของผานกู่ช่วยอริยะเทพอวี๋เจี้ยนสู้กับผานกู่อย่างนั้นหรือ

น่าสนใจอยู่บ้าง!

เมื่อเป็นแบบนี้ มีความเป็นไปได้ที่สำนักเต๋าและผานกู่จะไม่ถูกกัน

พอลองคิดดูอย่างละเอียดก็ถูกแล้ว หากมิใช่เพราะผานกู่ดับสูญ บรรพชนเต๋าไหนเลยจะมีโอกาสได้อยู่เหนือสรรพสิ่ง

เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาสู้กันไปเถอะ!

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา

พอคิดว่าจะได้สู้กับผานกู่ เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

เขาเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ ต่อสู้กับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนห้าพันคน

หลังจากสู้ซ้ำไปซ้ำมาหลายร้อยรอบ ความตื่นเต้นของหานเจวี๋ยถึงได้สงบลง

เขาไม่สามารถเอาชนะอริยะเทพอวี๋เจี้ยนห้าพันคนได้

ส่วนอริยะเทพอวี๋เจี้ยนก็ไม่อาจเอาชนะผานกู่ได้

อืม

ว่ากันตามหลักคือเขาสู้ผานกู่ไม่ได้ ห้ามประมาทเด็ดขาด

หานเจวี๋ยเตรียมจะฝึกบำเพ็ญต่อ

รอจนเขาบรรลุถึงระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะสมบูรณ์ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นผานกู่จะนับเป็นตัวอันใดได้!

สักวันหนึ่ง เขาจะสู้กับผานกู่หมื่นคนในแบบจำลองการทดสอบ!

ในเวลานี้เอง

“สหายเต๋าหาน โปรดมาที่ตำหนักเอกภพด้วย”

เสียงของจอมอริยะเสวียนตูแว่วขึ้นในหูของหานเจวี๋ย ช่างรู้เวลาจริงๆ

หานเจวี๋ยลุกขึ้น มาปรากฏตัวในตำหนักเอกภพ

จอมอริยะเสวียนตูเรียกรวมตัวอริยะรายอื่นๆ ทันที

เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เหล่าอริยชนมากันพร้อมหน้า

เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว เทพสูงสุดอู๋ฝ่า ฉิวซีไหล ฟางเหลียง จิ้นเสิน ผานซิน สวีตู้เต้า ซูฉี หลี่ไท่กู่ บรรพชนพุทธเบิกนภา จั้งกูซิง หลงเฮ่า จี้เซียนเสิน บรรพชนพุทธเทวัญ หยางเช่อ ไท่ซู่เทียน เทียนจ้าน หานอวี้!

เมื่อรวมจอมอริยะเสวียนตูเข้าไป มรรคาสวรรค์มีอริยะมรรคาสวรรค์ทั้งหมดยี่เอ็ดราย เพียงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่าแข็งแกร่งมากกว่าในอดีตมากเพียงใด

หานอวี้เพิ่งพิสูจน์อริยะเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเห็นหานเจวี๋ยและจอมอริยะเสวียนตูนั่งเสมอกัน เขาลอบตื่นเต้นในใจ อย่างไรก็ตามหานเจวี๋ยไม่ได้มองเขา เขาก็ไม่สะดวกจะแสดงท่าทีเช่นกัน

จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยขึ้นว่า “ผานกู่ฟื้นคืนชีพแล้ว!”

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา ภายในตำหนักตื่นตระหนกยิ่ง!

ผานกู่เป็นผู้ใดกันเล่า

ผู้บุกเบิกมรรคาสวรรค์เชียวนะ!

บอกว่าเขาเป็นปฐมบรรพชนของพวกเขาทั้งหมดก็ไม่เกินไปเลย!

“ผานกู่กำลังไล่ล่าสังหารเทพมารฟ้าบุพกาลตนหนึ่งอยู่ ไม่ช้าก็เร็วต้องมายังมรรคาสวรรค์แน่” จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยต่อ

เหล่าอริยะหน้าถอดสี พวกเขาพลันนึกขึ้นได้ว่าหานเจวี๋ยคือเทพมารฟ้าบุพกาล เรื่องนี้แพร่ไปทั่วฟ้าบุพกาลแล้ว

ผานกู่ต้องการสังหารเทพมารฟ้าบุพกาล ก็แปลว่าจะฆ่าหานเจวี๋ยด้วยมิใช่หรือ

แต่ว่า…

นั่นคือผานกู่เชียวนะ!

ถ้าจะช่วยหานเจวี๋ย ก็หมายความว่าต้องฆ่าผานกู่!

นี่เป็นการทรยศต่อบรรพบุรุษ!

สีหน้าของหานอวี้ก็ไม่น่ามองเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าตนเพิ่งสำเร็จเป็นอริยะก็ต้องพบเจอเรื่องเช่นนี้แล้ว

เขามองไปที่หานเจวี๋ย เห็นสีหน้าหานเจวี๋ยเป็นปกติดี ไม่มีความกดดันเลยสักนิด

นั่นคือเทพยักษาผานกู่เชียวนะ!

ในมรรคาสวรรค์ ผานกู่คือเทพผู้สร้างโลก!

ยิ่งสรรพสิ่งให้ความศรัทธาเท่าไรตัวตนยุคโบราณก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น หานเจวี๋ยไหนเลยจะสู้ผานกู่ได้

ผานซินแค่นเสียงเอ่ย “ถึงแม้ข้าเป็นชนรุ่นหลังของผานกู่ แต่ข้าสนับสนุนสหายเต๋าหาน ยามนี้พวกเราคืออริยะมรรคาสวรรค์ หากเกิดเรื่องกับสหายเต๋าหาน มรรคาสวรรค์ต้องถูกฟ้าบุพกาลกลืนกินแน่ พวกเขาคงไม่คิดว่าวันหน้าผานกู่จะช่วยคุ้มครองมรรคาสวรรค์กระมัง”

“เขาเข้าฝันพวกเจ้าแล้วหรือ”

เหล่าอริยชนประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าคนแรกที่ออกปากว่าจะสนับสนุนหานเจวี๋ยจะเป็นผานซิน คนผู้นี้คือชนรุ่นหลังของผานกู่!

ฉิวซีไหลเอ่ยยิ้มๆ “ถูกต้อง ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว หากผานกู่กล้ามา เขาจะได้ทราบว่ายุคสมัยของเขาผ่านพ้นไปแล้ว!”

สีหน้าของเหล่าอริยะแปลกพิกลกว่าเดิม

ฉิวซีไหลที่รักตัวกลัวตายชอบวางแผนลับหลังมาโดยตลอดครานี้ก็เลือกสนับสนุนหานเจวี๋ยเช่นกัน ไม่ได้เลือกข้างผานกู่อย่างนั้นหรือ

………………………………………………………………