บทที่ 789 ไม่ใช่เรื่องจริง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 789 ไม่ใช่เรื่องจริง

บทที่ 789 ไม่ใช่เรื่องจริง

ตอนที่หมายจะเอ่ยปาก สายตาเหลือบไปเห็นเด็กหญิงขยิบตาให้ ยังดีที่เป็นผู้หญิง ถ้าเป็นคนอื่นเขาไม่รับหรอกนะ แต่เด็กหญิงที่เหมือนตุ๊กตากระเบื้องตรงหน้าทำให้คนเห็นรู้สึกจิตใจสงบ

อันซวี่หมิงเริ่มสนใจขึ้นมา

สาวน้อยกล้าหาญมาก แถมยังกล้าแสดงออก

คิดเช่นนั้น อันซวี่หมิงก็หยุดพูด

แล้วจ้องกลับไปที่เธอรวมถึงเจ้าเสื้อลายดอกไม้อย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกอันเฉียบแหลมจากการเป็นทหารมาหลายปี ทำให้เขาสัมผัสได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เจ้าพวกนี้โกหก

“ทำไม แกกลัวหรือไง? ให้ฉันเดานะ เบื้องบนที่พูดถึงมันก็แค่เรื่องโกหกเท่านั้นแหละ!” เสี่ยวเถียนเอ่ยช้า ๆ

แต่ถึงอย่างนั้นความกดดันก็ไม่ได้ลดลงเลย แววตาเสี่ยวเถียนจับจ้องไปที่ชายในเสื้อลายดอกไม้

อันซวี่หมิงเองก็มองตามสายตาของเด็กหญิง ก่อนจะเห็นความอับอายและหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าชายคนนั้น

โกหกสินะ โกหกจริง ๆ ด้วย!

“ฉันเดาถูกใช่ไหมล่ะ? คนหนุนหลัง หึ แกสร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น” เสี่ยวเถียนเอ่ยเย้ยต่อ

คำพูดคำจาของเสี่ยวเถียนรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

“แต่เพราะพูดโกหกมานานเลยคิดไปเองว่ามันคือเรื่องจริง ไม่ใช่แค่คนรอบข้างเท่านั้นที่คิด ขนาดตัวแกยังคิดเลยนะ?”

บางครั้งจิตวิทยาก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ

เจ้าเสื้อดอกไม้พูดอยู่หลายครั้งจนรู้สึกขึ้นมาจริง ๆ ว่ามีคนหนุนหลังพวกเขาจริง ๆ มากจนถึงขนาดที่มาถึงสถานีตำรวจ ก็ยังพูดได้หน้าตาเฉย

“แกพูดบ้าอะไร ฉันไม่ได้โกหก มีคนหนุนหลังฉันอยู่จริง ๆ!”

“เอาเถอะ จะถือว่ามีให้ก็แล้วกัน สมแล้วที่ขี้ขลาด ไม่งั้นคงไม่มีทางได้เห็นท่าทางแบบนี้แน่ ๆ!” เสี่ยวเถียนพูดจาแดกดัน

ไม่มีผู้ชายคนไหนทนโดนผู้หญิงดูถูกได้อย่างแน่นอน เจ้าเสื้อลายดอกไม้หรือฮวางจื่อหลงก็ไม่มีข้อยกเว้น

“ไอ้เด็กนี่ ถ้าแกไม่แสร้งทำเป็นอ่อนแอให้ฉันตายใจ ฉันจะแพ้ได้ยังไง?” ฮวางจื่อหลงโกรธจัด

เสี่ยวเถียนแอบมีความสุข แต่วันนี้สู้ไม่สนุกเลย คงจะดีถ้าเจ้าเสื้อดอกไม้สู้กับเธอได้อีกสักหน่อย

อันซวี่หมิงเข้าใจสิ่งที่เด็กหญิงสื่อ จึงหันไปว่าฮวางจื่อหลงทันที แล้วหันกลับมาพูดับเสี่ยวเถียน

“สาวน้อย ดูเหมือนเธอยังอยากสู้นะ ฝึกกับลูกน้องฉันไหม?” อันซวี่หมิงเอ่ย

หลังมาประจำการที่นี่ก็พบว่าทักษะพื้นฐานของตำรวจที่นี่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ การเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าเป็นงานอันตราย ต้องฝึกทักษะการต่อสู้เอาเผื่อมีเหตุการณ์นองเลือดหรือต้องเสียสละในอนาคต

เด็กพวกนี้ดูเหมือนจะมีทักษะที่ยอดเยี่ยม เลยคิดจะใช้พวกเขาเป็นหินลับคมลูกน้อง ถ้าเด็กกลุ่มนี้เก่งจริง ก็ปล่อยให้เจ้าคนพวกนั้นรับเคราะห์ไป ให้รู้ไปเลยว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า จะได้ไม่เอาแต่คิดว่าตัวเองเก่ง

ต่อให้เด็ก ๆ แพ้ก็ไม่เป็นไรเพราะถือว่าพวกเขาเป็นเด็ก

เสี่ยวเถียนตื่นเต้นมาก และเธอตอบตกลงทันที

ภายในสถานีตำรวจเกิดความโกลาหลขึ้น หัวหน้าหมายความว่ายังไง คิดจะให้เรารังแกสาวน้อยเหรอ พวกเราต้องทำเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ

ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไปคงโดนหัวเราะเยาะแน่

แต่เสี่ยวเถียนและอันซวี่หมิงยืนกรานว่าจะเล่นด้วยชั่วครู่ อุดมการณ์มักจะมาก่อนความเป็นจริงเสมอ คาดไม่ถึงเลยว่า เด็กหญิงที่พวกเราตั้งใจจะเกลี้ยกล่อมต่อสู้เก่งถึงขนาดนี้

แค่เริ่มต้นพวกตำรวจก็ล้มลงไปทีละคนแล้ว พวกเราโดนเสี่ยวเถียนเตะจนคว่ำ พอมาอีกรอบจึงพุ่งเข้าไปพร้อมกันแต่ก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ สุดท้ายปิดล้อมเธอไว้จนได้รับชัยชนะกลับมา

เราสามคนรุมเอาชนะเด็กหญิงได้ ไปพูดกับใครเขาคงโดนหัวเราะเยาะตาย ขนาดชนะยังไม่มีความสุขเลย

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเขาเริ่มฝึกฝนอย่างหนักตามคำของอันซวี่หมิง ส่วนเวลาทำงานก็ทุ่มเทสืบสวนคดีร่วมกับหัวหน้า เพราะอีกฝ่ายเคยเป็นทหารมาก่อน ความแข็งแกร่งทางร่างกายไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว

สำหรับคนที่มีแนวโน้มสุขภาพไม่ดีก็จะต้องโดนควบคุมไว้

สุดท้ายเจ้าอันธพาลก็โดนอันซวี่หมิงตรวจสอบจนหมดจด รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วย

แม้ในระหว่างการสอบสวน เจ้าหน้าที่ในสถานีบางส่วนยังสงสัยว่าฮวางจื่อหลงมีคนหนุนหลังหรือเปล่า แล้วหัวหน้าเราทำเรื่องแบบนี้จะโดนจัดการหรือไม่ แต่ความจริงมันก็คือความจริง กระทั่งฮวางจื่อหลงถูกตัดสินจำคุก ก็ไม่มีใครออกมาช่วยพวกเขาจริง ๆ

อันซวี่หมิงแทบหัวเราะออกมาตอนอ่านเอกสารคดี บนโลกใบนี้มีแต่เรื่องแปลก ๆ เยอะแยะไปหมด แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กว่าเสี่ยวเถียนจะรู้ก็เข้าฤดูหนาวแล้ว

ชาวบ้านแถวนั้นก็เช่นกัน

ตอนข่าวประกาศออกไปพวกเขาตกใจกันมาก โดยเฉพาะคนที่เคยโดนพวกฮวางจื่อหลงข่มขู่มาก่อน พวกเขาตกใจจนไม่สามารถตอบสนองได้ เพราะคิดมาตลอดเลยว่ามีคนหนุนหลังเจ้าพวกนี้จริง ๆ เลยไม่กล้าทำให้ขุ่นเคืองใจ

แต่ใครจะรู้เล่าว่าสุดท้ายจะกลายเป็นแบบบนี้

หลายปีที่ผ่านเขาเป็นกังวลกับเรื่องโกหกที่สร้างขึ้นโดยตัวฮวางจื่อหลงเอง ครอบครัวฮวางไม่มีญาติพี่น้องเลย สักคนก็ยังไม่มี พรรคพวกคนอื่น ๆ ก็ไม่มีเช่นกัน

ตอนอันซวี่หมิงรู้เรื่องก็แทบไม่อยากเชื่อ

คนส่วนใหญ่มักอ้างว่าตัวเองเป็นคนฉลาด แต่ไม่รู้เลยว่าคนฉลาดมักจะง่ายต่อการถูกหลอก

เช่นเดียวกับกรณีของฮวางจื่อหลง มีหลายคนคิดเขามีญาติมากอำนาจ บางคนถึงกับจินตนาการว่ามีผู้นำยศใหญ่หนุนหลังด้วยซ้ำ แต่เรื่องในครั้งนี้ทำให้พวกเราได้กระจ่างแจ้ง

มันต้องเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้นจึงจะเชื่อ!

ส่วนญาติที่ฮวางจื่อหลงอ้างมาตลอดไม่มีใครเคยเห็นเลย

หลังจากนั้นผู้คนจึงตื่นตัวกันมากขึ้น และไม่เชื่อง่าย ๆ เมื่อมีคนคุยโวว่าตนเป็นญาติคนใหญ่คนโต ต่อให้มีคนพูด เราก็จะโต้กลับทันที!

บรรยากาศสถานที่แห่งนี้ดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน ดีกว่าที่อื่น ๆ ในเมืองเสียอีก!