บทที่ 790 โดนกำจัดแล้ว

บทที่ 790 โดนกำจัดแล้ว

เด็ก ๆ บ้านซูพาพวกฮวางจื่อหลงไปส่งที่สถานีตำรวจ จากนั้นก็ไปส่งคุณปู่คุณย่าต่อ คนบ้านซูที่เหลือเป็นห่วงมากเมื่อได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้แต่พูดซ้ำ ๆ ด้วยว่าจะพาคนทั้งสองไปโรงพยาบาลถึงจะวางใจได้

สองสามีภรรยาถานไม่อยากใช้เงินสิ้นเปลือง เลยรีบอธิบายว่าพวกตนไม่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะโดนทำร้ายก็ได้เสี่ยวเถียนและเสี่ยวลิ่วปกป้องเอาไว้

“ฉันว่าจากนี้ไปพวกคุณอยู่ที่บ้านเราเถอะ พวกเราเป็นห่วงจริง ๆ ที่พวกเขาต้องไปอาศัยอยู่ชานเมืองน่ะ!” คุณปู่ซูเอ่ยหลังจากตริตรอง

ตอนแรกยังคิดอยู่เลยว่าในเมืองหลวงแบบนี้ทุกอย่างล้วนกระทำอย่างชัดเจน แต่ใครจะรู้เล่าว่ามีจะเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้นด้วย

คุณย่าซูพยักหน้าสนับสนุน

“ตอนนั้นที่ซื้อบ้านเราน่าจะเลือกใกล้ ๆ กันนะ จะได้ค่อยดูแลกันและกันได้”

บริเวณที่บ้านซูอยู่เป็นใจกลางเมือง สองสามีภรรยาถานเคยคิดจะซื้อแถวนี้เช่นกัน แต่ราคาสูงไปเลยไม่ได้พิจารณาเอาไว้ จากเงินที่มีอยู่ทำได้เพียงเลือกพื้นที่ชานเมือง

ตอนนั้นก็ถามอย่างดีว่าทำไมต้องเลือกใจกลางเมือง และเสี่ยวเถียนที่เป็นผู้กลับมาเกิดใหม่ ก็รู้ว่าพื่นที่ชานเมืองในตอนนี้ อนาคตมันจะกลายเป็นใจกลางเมืองหลวงจึงเห็นด้วยกับสามีภรรยาถาน

กลับกันคุณปู่คุณย่าซูคิดว่ามันไกลเกินไป เลยเสนอให้ขายเครื่องประดับที่เคยให้ไว้แล้วจะยกเงินให้ เพื่อให้ได้เอามาซื้อบ้านใจกลางเมือง

แต่ฝ่ายนั้นกลับปฏิเสธหัวชนฝา พวกเขาแค่อยากมีชีวิตมั่นคงเฉย ๆ ไม่สำคัญหรอกว่าจะอยู่ใจกลางเมืองหรือไม่ก็ตาม แต่ตอนซื้อดันไม่ได้ถามรายละเอียดให้ดี สุดท้ายก็พบว่าตรงนั้นเป็นชุมชนที่มีพวกอันธพาลอยู่ด้วยนับสิบคน

แค่คิดว่าพวกเขาจะต้องประสบพบเจอความยากลำบากทั้งยังเกือบโดนซ้อม เสี่ยวเถียนก็รู้สึกผิดในใจ เพราะอย่างนั้นแล้วตอนได้ยินคุณปู่ซูพูด เด็กสาวจึงทำตามความปรารถนาของแก และเชิญคนทั้งสองมาอยู่ที่บ้าน

“ปู่ถาน ย่าหลี่ ตอนนี้พวกเราไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่เลยค่ะ ย้ายมาอยู่กับปู่ย่าหนูไหม?”

แต่…ทั้งสองอยากจะเป็นคนแข็งแกร่ง ไม่อยากพึ่งพาคนบ้านซูไปตลอด ถึงจะแก่แล้วแต่ก็ยังหาเงินเลี้ยงชีพได้

“คนร้ายโดนจับแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้วล่ะ ถ้าอนาคตมีอะไรเกิดขึ้นอีก ปู่จะมาขอความช่วยเหลือนะ” ถานจื่อสือยิ้ม

ต่อให้มีคนเลวเขาก็ไม่กล้าไปยั่วยุอีกฝ่ายหรอก

ตอนนี้เด็ก ๆ กลายเป็นมีชื่อเสียงเลื่องลือ ถ้าใครอยากมีสภาพเหมือนคนกลุ่มก่อนหน้านี้ ก็ต้องชั่งน้ำหนักแล้วว่าจะเอาชนะเด็ก ๆ พวกนี้ได้หรือเปล่า

นอกจากนี้หัวหน้าสถานีอันซวี่หมิงยังบอกอีกว่าถ้าวันหน้ามีเรื่องอะไรให้มาที่สถานีพวกเขาได้

คุณปู่คุณย่าซูยังรู้สึกไม่สบายใจ

“ไม่งั้นหาทหารสักสองคนมาช่วยทำงานให้ไหม เงินเดือนอาจจะเยอะไปหน่อยแต่พวกเขาปกป้องพวกท่านได้แน่นอนค่ะ!” เสี่ยวเถียนเห็นว่าโน้มน้าวไม่ไหวก็เลยคิดหาวิธีประนีประนอมแทน

คนอื่น ๆ เองก็เห็นด้วย

“มีเหตุผล พรุ่งนี้ปู่จะไปหาดูนะ!”

หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว เด็ก ๆ กลับมหาวิทยาลัยไม่ทันจึงค้างอยู่อีกคืน ถ้าเป็นตามปกติฉืออี้หย่วนคงจะไม่ได้กลับเช่นนี้

เขาเกลียดที่ตัวเองมาบ้านซูช้าไปหน่อย แต่โชคดีที่เจ้าพวกนั้นมันไร้ประโยชน์ ถ้าเกิดเก่งขึ้นมา เสี่ยวเถียนต้องทรมานแน่ แบบนั้นเขาคงเสียงใจตายแน่ ๆ! เพราะงั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จากนี้ไปจะไม่ปล่อยให้น้องคลาดสายตาอีกแล้ว

ทางฝั่งคุณปู่คุณย่าซูห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน และบ้านที่หลาน ๆ ซื้อส่วนใหญ่ก็อยู่แถบ ๆ นั้นด้วย ไม่รู้จะเจอเรื่องน่ากลัวอะไรหรือเปล่า

เดิมทีเธอคิดไปถึงขนาดที่จะหาทางให้พวกเขามาอยู่บ้านด้วยกัน

ทว่าคุณปู่ตั้งใจไว้แล้วว่าพอเด็ก ๆ โตก็ควรใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ในฐานะคนแก่แบบเราไม่ควรตามไปดูแลตลอด มันจะทำให้มีแต่ผลเสียเท่านั้น แต่อย่างไรคุณย่าซูก็ยังนึกห่วงอยู่ดี คุณปู่จึงบอกไปว่า ลูกหลานบ้านเราเป็นฝ่ายไปสู้กับเขานะ จะโดนคนอื่นทำร้ายก่อนได้ยังไง?

พอได้ยินแบบนั้นก็สบายใจขึ้นมาได้บ้าง

……

เช้าวันรุ่งขึ้นเสี่ยวเถียนพร้อมกลับมหาวิทยาลัยแล้ว ฉืออี้หย่วนมาหาเด็กหญิงที่บ้านตั้งแต่เช้า ตอนแรกเสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชี ตั้งใจจะไปส่งน้องสาวที่มหาวิทยาลัย แต่ดันโดนตัดหน้าเสียก่อน ทั้งยังบอกอีกว่าเรียนที่เดียวกันจึงแวะมารับเสี่ยวเถียนไปด้วย

พวกเราไม่เข้าใจกระทั่งเห็นทั้งสองเดินจากไป ฉืออี้หย่วนยังไม่กลับไปมหาวิทยาลัยอีกเหรอ แต่พอนึกถึงอิสระของเพื่อนคนนั้น เราก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะยังไม่ถึงตาของเราที่จะทำหน้าที่ดูแล

เวลาตอนนี้ยังเช้าอยู่แต่พวกเขาก็มาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว เหลืออีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะเข้าเรียน ฉืออี้หย่วนจึงพาน้องไปดื่มน้ำเต้าหู้อุ่น ๆ และซาลาเปาอีกลูกก่อนเข้าเรียน

เด็กสาวมาถึงห้องเรียนพร้อมกับได้ยินข่าวอันน่าประหลาดใจ

ทางมหาวิทยาลัยได้จัดกลุ่มนักศึกษาเดินขบวนจำนวน 100 คนแล้ว ในกลุ่มมีเด็กจาคณะภาษาจีน 20 คน ส่วนใหญ่เป็นชายหญิงหน้าตาดี รูปร่างสมส่วน ผลการฝึกค่อนข้างน่าประทับใจ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือไม่มีเสี่ยวเถียนรวมอยู่ในนั้น

เธอเคยคิดถึงโอกาสความน่าจะเป็นมาก่อนแล้ว เทียบกับเพื่อนที่กำลังตกใจและโมโหแล้ว ท่าทางของเธอจึงนิ่งสงบที่สุด

“เสี่ยวเถียน เธอไม่โกรธเหรอ? ฉันได้ยินมหาวิทยาลัยบอกว่าการคัดเลือกมันอิงตามผลงานการฝึกของเรา แล้วเธอคือคนที่เก่งที่สุดเลยนะ ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ?” จ้าวหงเหมยไม่พอใจ

ถ้าให้เลือกสักคนจากคณะเรา คนที่ได้คะแนนดีที่สุดคือซูเสี่ยวเถียน แต่ความจริงกลายเป็นว่าเด็กคนนี้ไม่ได้รับคัดเลือก แต่กลับเป็นอิ่นหรูอวิ๋นแทน

ทำไมกัน?

หน้าตาหรือรูปร่างที่ดีกว่า?

โอ๊ะ…

รูปร่างดีกว่าอยู่แล้ว

เพราะเสี่ยวเถียนยังเป็นเด็ก ร่างกายจึงยังโตไม่เต็มที่ แล้วยังไงล่ะ? จะปฏิเสธเธอเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้หรือเปล่า?

“ใช่ ฉันก็คิดว่ามันไม่ถูกต้องนะ เสี่ยวเถียน ฉันต้องไปคุยกับทางมหาลัยแล้ว!” ฉู่เยว่รู้สึกไม่ต่างกัน

พวกเขาตาถั่วเหรอ?

ไม่เลือกคนเก่ง ๆ แต่เลือกคนแย่ ๆ มาเนี่ยนะ?

เสี่ยวเถียนยิ้ม

ถึงจะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว แต่ก็ยังเศร้าอยู่ดีตอนได้ยินข่าว