บทที่ 855 พี่เขยพบปะน้องภรรยา
ฉู่ชูเหยียนบังคับตัวเองให้กล่าวชื่นชมออกไปเป็นพิธี เนื่องจากนางต้องการความช่วยเหลือจากเขา
ฉินเจิ้งพ่นลมหายใจ “คิดว่าข้าเชื่อคำเยินยอปลอม ๆ ของเจ้าหรือไม่? ฮึ่ม! ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่เคยโกหกมาก่อน! หลังจากแต่งงานกับไอ้ขยะนั่นนิสัยของเจ้ากลับแย่ลงทุกวัน!”
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกไม่มีความสุข “อาซูไม่ใช่ขยะ!”
“มันเป็นเพียงคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าจากข้างถนน จะเป็นอะไรได้อีกนอกจากขยะ?” ฉินเจิ้งเห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุข “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าบิดาไร้ประโยชน์ของเจ้าคิดอะไรอยู่ถึงได้คว้าลูกเขยพรรค์นี้มาร่วมตระกูล ช่างน่าละอายสิ้นดี!”
ฉู่ชูเหยียนรู้ว่าตาของนางยังคงไม่พอใจบิดา แม้ว่าจะเป็นคนในครอบครัวแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสามารถออกความเห็นได้
ฉินเจิ้งยังคงตำหนิยืดยาว “ด้วยความงามและความสามารถในการบ่มเพาะของเจ้า ชายหนุ่มที่โดดเด่นทุกคนคงปรารถนาในตัวเจ้า ทว่าบิดาหน้าโง่และแม่ของเจ้ากลับยอมให้เจ้าแต่งงานกับขยะชิ้นนั้น แถมตอนนี้เจ้ายังต้องเป็นม่าย!”
ฉู่ชูเหยียนบังคับเสียงของนางให้สงบ “อาซูไม่ใช่ขยะ ในความคิดของข้าไม่มีใครในโลกนี้เทียบเขาได้!”
“ไอ้นั่นมันทำอะไรกับสมองของเจ้า?” ฉินเจิ้งขมวดคิ้ว “เจ้าและแม่ของเจ้านี่เหมือนกันไม่มีผิด!”
ฉู่ชูเหยียนกัดริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปด้วยดี แต่เพื่อประโยชน์ของซูอัน นางจึงยอมเก็บอารมณ์และพยายามให้เหตุผลกับเขา “ชายคนไหนในโลกนี้ที่ทำให้ฝ่าบาทพะวงถึงได้? ความจริงที่ว่าอาซูครอบครองวิชาวัฏจักรหงส์อมตะเพียงอย่างเดียวก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขามีความพิเศษ”
ฉินเจิ้งหัวเราะอย่างหงุดหงิดยิ่งขึ้น “ได้ยินเจ้าพูดถึงเรื่องนี้แล้วมันยิ่งทำให้ข้ารู้สึกโมโห! ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดีสำหรับฝ่ายของราชันลมปราณ แต่ตอนนี้ไอ้โง่บางคนได้ปรากฏตัวพร้อมกับวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ! ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตัวสงบเสงี่ยมเอาไว้ก่อน”
ฉู่ชูเหยียนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านตา ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลฉินยืนยันที่จะเข้าร่วมความบาดหมางนี้ แม้ว่าท่านป้าจะเป็นมารดาของราชันลมปราณ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอสำหรับทั้งตระกูลฉินที่จะผูกติดอยู่กับเรือลำเดียวกัน! หากพลาดพลั้งอะไรขึ้นมาทั้งตระกูลอาจดับสูญ!”
ฉินเจิ้งเริ่มจริงจัง “เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะเช่นกัน ดังนั้นเจ้าควรเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง ข้าเชื่อว่าการอยู่นิ่งเทียบเท่ากับการถดถอย แม้ว่าตระกูลฉินจะเป็นตระกูลทหารที่ยิ่งใหญ่ในตอนนี้ แต่ในอีกสองถึงสามทศวรรษข้างหน้าเราจะกล้าพูดแบบเดียวกันนี้ได้ไหม? มีตระกูลต่าง ๆ มากมายที่คอยจับจ้องตำแหน่งของเรา รอคอยที่จะเข้ามาแทนที่เรา ยึดครองความภาคภูมิใจและทรัพยากรของเรา ข้าจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้าง?”
“…มันเป็นความผิดของแม่เจ้า!” ฉินเจิ้งอารมณ์เสียมากขึ้นเรื่อย ๆ “เมื่ออดีต ทวดของเจ้าอุตส่าห์สมรสกับบิดาของราชันลมปราณ แผนของเราคือถัดมาให้แม่ของเจ้าเข้าวังเป็นพระสนมของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ด้วยวิธีนี้เราจะมีแต่ได้กับได้ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะหรือแพ้ เราก็ได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น แต่แม่ของเจ้ากลับถูกผีหมูเข้าสิงและยืนกรานที่จะหนีไปกับไอ้ขยะฉู่จงเทียน ปล่อยให้เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้ากับฝ่ายของราชันลมปราณเท่านั้น!”
ฉู่ชูเหยียนถึงกับพูดไม่ออก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องนี้ พ่อของนางช่างน่าเกรงขามจริง ๆ ที่สามารถขโมยว่าที่สตรีของจักรพรรดิไปได้!
ข้าเคยสงสัยว่าทำไมจักรพรรดิทรงเกลียดชังตระกูลฉู่อยู่เสมอ ที่แท้ก็ด้วยเหตุผลนี้นี่เอง…
ฉินเจิ้งเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นมุมริมฝีปากของหลานสาวตัวเองยกขึ้นอย่าพึงพอใจ “เจ้ายิ้มอะไร? ฮึ่ม! เจ้านี่เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุกจริง ๆ! แม่ของเจ้าเคยทำอย่างนี้ มาตอนนี้ก็เป็นเจ้าอีกคน!”
ฉู่ชูเหยียนรู้ว่าเขาพูดเพราะความโกรธ ไม่ได้อาฆาตมาดร้ายต่อมารดาของนางแต่อย่างใด นางช่วยพยุงเขากลับไปนั่งที่เก้าอี้ “ท่านตา โปรดดื่มชาเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น”
ฉินเจิ้งหยิบถ้วยน้ำชาจากมือนางและดื่มเพื่อดับคอแห้ง “เจ้าเคยเย็นชากับทุกคน แต่ตอนนี้เจ้าได้เรียนรู้วิธีประจบเอาใจเพื่อประโยชน์ของซูอันแล้ว ตอนนี้ข้าเริ่มสนใจที่จะเห็นว่าไอ้เด็กนั่นเป็นคนอย่างไร?”
ฉู่ชูเหยียนมีความยินดี “ท่านตา ท่านตกลงจะช่วยเขาแล้วเหรอ?”
ฉินเจิ้งส่ายหัว “เรากำลังพูดถึงจักรพรรดินะ! ถ้าพระองค์ปรารถนาจะให้คนตาย ใครจะช่วยคนคนนั้นได้? ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าไม่ใช่แค่จักรพรรดิที่ต้องการให้เขาตาย…”
การแสดงออกของฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางกำลังถามต่อ แต่ฉินเจิ้งสะบัดมือออกโจมตีจุดชีพจรของนาง ทำให้นางไม่สามารถขยับร่างกายได้ “พาคุณหนูไป นางไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องแม้แต่ครึ่งก้าว”
“ท่านตา!” ฉู่ชูเหยียนร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก อย่างไรก็ตามฉินเจิ้งยังคงไม่สะทกสะท้านไม่ว่านางจะอ้อนวอนเขาอย่างไร
หลังจากที่นางถูกพาตัวออกไป ฉินเจิ้งก็มองไปในทิศทางของพระราชวังและถอนหายใจ “ในตอนนั้น ข้าใจอ่อนต่อแม่ของเจ้าเกินไปและจบลงด้วยการทำลายชีวิตที่เหลือของนาง ข้าจะไม่ทำผิดซ้ำอีก”
…
ขณะที่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ซูอันกำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้อง ทันใดนั้นประตูห้องพลันเปิดออก
เขาลืมตาขึ้นและตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
ซูอันคาดว่าจะต้องเผชิญหน้ากับนักฆ่า แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหราปรากฏขึ้น ชายหนุ่มคนนี้หล่อเหลาทว่ามีรูปร่างเพรียวบาง เขาดูอ่อนแออยู่บ้างแต่รูปลักษณ์ที่คล้ายกับ…เซี่ยซิว… ผู้ซึ่งหล่อเหลากึ่งงดงามคล้ายผู้หญิงคนนั้นทำให้ซูอันรู้สึกสับสนตั้งแต่แรกเห็น
ชายหนุ่มคนนี้คงจะเป็นชายในฝันของเด็กสาวทุกคนในสถาบันการศึกษาใด ๆ ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซูอัน แม้แต่ดวงดาวที่ร้อนแรงที่สุดก็ต้องดูหมองเมื่อถูกเปรียบเทียบ
หลังจากการมาถึงโลกนี้ ผู้ชายที่รูปงามที่สุดที่เขาเคยเห็นคือเซี่ยซิว แน่นอนว่านี่ไม่รวมชายที่เขาเห็นในกระจกทุกวัน
แต่โลกนี้กลับมีใครบางคนที่สวยกว่าและงดงามราวกับเป็นผู้หญิงมากกว่าเซี่ยซิว!
จากนั้นซูอันเหลือบมองที่หน้าอกของอีกฝ่าย…ไม่มีอะไรนูนออกมา
จากนั้นเขาก็มองไปที่ลำคอของอีกฝ่าย ลูกกระเดือกโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ปากของซูอันกระตุก น่าเสียดายที่ไม่ใช่สาวงามปลอมตัวเป็นชาย…
ชายหนุ่มมองซูอันอย่างสงสัย เมื่อสังเกตเห็นดวงตาที่หยาบคายและล่วงล้ำของซูอันก็โกรธขึ้นมาทันที “มองบ้าอะไร? พี่สาวของข้าเห็นดีอะไรในตัวเจ้ากันแน่?!”
ตอนนี้ซูอันสังเกตเห็นได้แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้มีความคล้ายคลึงกับฉู่ชูเหยียนและฉู่ฮวนเจาเล็กน้อย
เขาถอนหายใจ พันธุกรรมของอ๋องฉู่และฉินหว่านหรูช่างโดดเด่นจริง ๆ!
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ซูอันอึ้งจนพูดไม่ออก เจ้านี่มันเด็กเหลือขออะไร?
เขาอาจจะอดทนมากกว่านี้เล็กน้อยถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่นี่เป็นผู้ชาย! น้องสาวภรรยาที่ควรจะน่าเอ็นดูกลายเป็นน้องชาย ความแตกต่างระหว่างความคาดหวังและความเป็นจริงนี้ทำให้น้ำเสียงที่หยาบคายของชายคนนี้ดูแย่ลงเท่านั้น
“แน่นอนว่าพี่สาวของเจ้ารักข้าเพราะว่าข้าหล่อเหลาและโดดเด่น นางหลงเสน่ห์ข้าอย่างโงหัวไม่ขึ้น แตกต่างจากเจ้าที่ปากไม่มีหูรูดพูดจาหยาบคายกับคนไม่รู้จักในการพบกันครั้งแรก นางไม่มีทางรักเจ้าลงแน่นอน!”
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของซูอัน “นั่นไง! ข่าวลือทั้งหมดเป็นความจริง! เจ้ามันเป็นแค่คนบ้าที่มีดีแต่ที่ปาก!”
—
ท่านยั่วยุฉู่โหยวเจาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 477!
—
ซูอันรู้สึกหงุดหงิดทันที “ไอ้เจ้าบ้าเอ้ย!! เจ้าควรให้เกียรติพี่เขยของเจ้าให้มากกว่านี้สิโว้ย! ปากที่ไร้มารยาทของเจ้าทั้งหมดนี้คืออะไร? ทุกสิ่งที่เจ้าเรียนมาในเมืองหลวงตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ซึมเข้าไปในหัวของเจ้าเลยหรืออย่างไร? สามเชื่อฟังสี่คุณธรรมเจ้ารู้จักคำนี้ไหม???”
“บ้าอะไรของเจ้า!” ฉู่โหยวเจาตวาดเถียง “พี่ใหญ่ของข้าหย่ากับเจ้าแล้ว ข้าไม่ยอมรับเจ้าเป็นพี่เขยหรอก!”
—
ท่านยั่วยุฉู่โหยวเจาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 571!
—
ซูอันเอนกายลงบนเก้าอี้ของเขาอย่างสบาย ๆ “พี่สาวของเจ้ายอมรับข้าแล้ว พ่อกับแม่ของเจ้าก็ยอมรับข้าเหมือนกัน ใครจะสนความคิดเห็นของเด็กบ้าอย่างเจ้า? เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าข้าจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากเจ้า?”
เขารู้สึกหงุดหงิดมากพอแล้วกับการที่ไม่ได้พบหน้าฉู่ชูเหยียนหรือเพ่ยเหมียนหมานนับตั้งแต่เข้าเมืองมา ดังนั้นตอนนี้ เมื่อมาเจอไอ้เด็กเวรนี่แสดงท่าทีที่แย่มากตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก เขาจึงคาดหวังเพียงให้อีกฝ่ายจะได้รับความหงุดหงิดเช่นเดียวกันเป็นการตอบแทน