บทที่ 856 ความจริงของทายาทตระกูลฉู่
“เจ้า!” ฉู่โหยวเจากระแทกเสียง
—
ท่านยั่วยุฉู่โหยวเจาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
ในที่สุดฉู่โหยวเจาทนไม่ไหวแล้ว และกำหมัดต่อยไปที่ใบหน้าของซูอัน
ดวงตาของซูอันหรี่ลง ระดับสี่! ระดับการบ่มเพาะในวัยเท่านี้ถือว่าไม่ธรรมดา!
อย่างไรก็ตาม ซูอันคุ้นเคยกับคู่ต่อสู้ในระดับที่ต่างไปจากปกติมาก ถ้าไม่ได้อยู่ในระดับปรมาจารย์หรือสูงกว่านั้น การโจมตีของผู้บ่มเพาะระดับสี่ไม่จัดว่าเป็นอะไรได้เลย!
เขาเบี่ยงหลบไปด้านข้างอย่างง่าย ๆ และคว้ากำปั้นของอีกฝ่าย ดึงเข้ามาและผลักออกทันทีทำให้จุดศูนย์ถ่วงของฉู่โหยวเจาเสียสมดุล
และจากนั้นบิดแขนของอีกฝ่ายไปข้างหลังก่อนจะกดร่างกายของน้องภรรยาตนเองไปแนบกับโต๊ะที่อยู่ใกล้เคียง
“นี่เจ้ามีน้ำยาแค่นี้เองอย่างนั้นเหรอ? ปาฏิหาริย์จริง ๆ ที่เจ้าสามารถเอาชีวิตรอดในโลกที่แสนบ้าบอนี้มาได้นานขนาดนี้!” ซูอันกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ข้าเผลอประมาทเจ้าต่างหากล่ะโว้ย! ถ้าเจ้ากล้าพอก็ปล่อยข้าแล้วมาสู้กันอีกรอบ!” ฉู่โหยวเจารู้สึกทั้งอายและโกรธเคือง ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงแข็งแกร่งนัก? ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงกว่าข้ามากเลยเหรอ?
เป็นไปไม่ได้! อาจารย์ที่สถาบันหลวงและผู้อาวุโสต่างชมเชยความสามารถที่โดดเด่นของข้า! มีเพียงพี่สาวคนโตของข้าเท่านั้นที่สามารถเปรียบเทียบกับข้าได้ในตอนที่นางอายุเท่าข้า!
ด้วยความสามารถและทรัพยากรการบ่มเพาะที่มีอย่างไม่อั้นและการสั่งสอนจากอาจารย์ที่ดีที่สุด ไม่มีทางที่อันธพาลข้างถนนจะแข็งแกร่งไปกว่าข้า!
ไม่สิ บางทีข้าอาจจะขาดประสบการณ์การต่อสู้ พี่เขยขยะผู้นี้เติบโตมาจากข้างถนน ดังนั้นจึงมีประสบการณ์ในการต่อสู้จริงมากกว่าข้า ถ้ามีโอกาสอีกครั้งข้าจะแก้มือได้แน่นอน!
ซูอันหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาและม้วนกระดาษนั้นด้วยมือข้างเดียว “เอาล่ะ พี่เขยของเจ้าจะสอนบทเรียนชีวิตแรกให้เจ้าในวันนี้ ถ้าแพ้ก็คือแพ้! ไม่มีการแก้ตัวใด ๆ ทั้งนั้นสำหรับผู้ที่แพ้ไปแล้ว เจ้าคิดว่าศัตรูของเจ้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งที่สองอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อพูดจบ ซูอันใช้กระดาษที่ตัวเองเพิ่งม้วนจนแน่นแข็งไม่ต่างจากไม้เรียวและตีไปที่ก้นของน้องภรรยาผู้นี้
เด็กคนนี้นิสัยเสีย อวดดีและเอาแต่ใจ คงเป็นเพราะเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่หรูหรา จำเป็นต้องสั่งสอนด้วยการเฆี่ยนตีอย่างเร่งด่วน!
“เจ้า…เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตีก้นข้า?!” ฉู่โหยวเจาตกตะลึงในทันที ความอับอายและความโกรธทำให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
—
—
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? อยากให้ข้าตีหน้าเจ้าแทนก้นเหรอ?” ซูอันฟาดม้วนกระดาษไปที่ก้นของอีกฝ่ายอีกครั้ง
ภูมิหลังของเด็กคนนี้ยังคงมีตระกูลฉู่และตระกูลฉิน ถ้าตีหน้าอีกฝ่ายไปมันอาจจะทิ้งรอยไว้ซึ่งจะทำให้ทุกคนรู้สึกคับข้องใจกันไปหมด
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีปัญหาถ้าเขาตีก้นเด็กเหลือขอ แม้ว่าเด็กคนนี้จะอยากฟ้องผู้ใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะดึงกางเกงลงโชว์ก้นเป็นหลักฐาน
“ข้า…ข้าจะฆ่าเจ้า!” ฉู่โหยวเจาดิ้นรนอย่างดุเดือดแต่น่าเสียดายที่ซูอันแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่สามารถหลุดไปจากมือของซูอันได้เลย
“ตอนนี้พี่เขยจะสอนบทเรียนชีวิตที่สองให้เจ้า นักปราชญ์ที่ปราดเปรื่องย่อมรู้ว่าสถานการณ์ใดที่ตนเองต้องยอมจำนน” ทันทีที่คำพูดออกจากปาก ซูอันก็ตีก้นน้องภรรยาตัวเองอีกครั้ง
“โอ๊ย!!” ฉู่โหยวเจากรีดร้อง “ไอ้บ้า กล้าดีอย่างไรมาทำแบบนี้กับข้า! พ่อของข้า พี่สาวของข้า และตาของข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าในเรื่องนี้!”โนเวลพีดีเอฟ
—
ซูอันพ่นลมหายใจ “เมื่อครู่นี้เจ้าแสดงท่าทางเก่งกาจนักไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ คิดจะหนีไปฟ้องพ่อ? ถึงเวลาของบทเรียนที่สามจากพี่เขยของเจ้าแล้ว! ออกนอกบ้านก็ต้องพึ่งตัวเอง อย่าใช้สถานะของเจ้าในทางที่ผิดเช่นการรังแกผู้อื่น!”
ฉู่โหยวเจากำลังจะเป็นบ้าอยู่รอมร่อ
ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลย! และยิ่งไปกว่านั้นมันคือไอ้ผู้ชายบ้าที่ไหนไม่รู้ตีก้นเขาเอาเรื่อย ๆ อย่างเมามันราวกับเป็นที่ระบายอารมณ์ส่วนตัว ฉู่โหยวเจาตะโกนก่นด่าอย่างโกรธจัด
น่าเสียดายที่เสียงด่าทอแต่ละครั้งถูกตอบโต้ด้วยการตีก้นอีกครั้งและอีกครั้ง
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ฮ่า ๆๆๆ! เจ้าอยากให้ข้าตีก้นแรงกว่านี้ก็ด่าต่อสิ! เอาเลย! ด่าต่อไป!”
“เจ้า!!!!” ฉู่โหยวเจาแทบจะเสียสติ ตอนนี้เขาไม่กล้าต่อว่าซูอันอีกต่อไปแล้ว อันที่จริงเขาเริ่มกลัวมากขึ้นหลังจากถูกตีอย่างดุเดือด
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ แม้ว่ามันจะเจ็บปวดในตอนแรก แต่ความรู้สึกแปลก ๆ ได้เริ่มก่อตัวขึ้นในตัวเขาทุกครั้งที่ม้วนกระดาษฟาดลงมา ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจของเขาเร็วขึ้น
ซูอันพูดไม่ออกเมื่อเห็นน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาของเด็กเหลือขอ “เอาน่า เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะร้องไห้แบบนี้จริง ๆ เหรอ? อ่า เอาเถอะ ข้าจะปล่อยเจ้าไปถ้าเจ้าเรียกข้าว่า ‘พี่เขย’!”
ฉู่โหยวเจาหันศีรษะไปด้านข้าง เม้มริมฝีปากแน่นด้วยความดื้อรั้น
ซูอันไม่ได้เป็นอันธพาลถึงขนาดจะบังคับให้ผู้ชายเรียกเขาว่า ‘พี่เขย’ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่เต็มใจ เขาจึงถามเรื่องที่สงสัยแทน “แล้วเจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”
มีทหารคอยเฝ้าระวังอยู่เต็มไปหมดและเขาเป็นนักโทษร้ายแรง เด็กคนนี้สามารถฝ่าการป้องกันที่แน่นหนามาได้อย่างไร?
ฉู่โหยวเจาอยากจะเมินเขาในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่าซูอันกำลังจะตีเขาอีกครั้ง และเขาไม่เต็มใจที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่เขย’ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบว่า “ท่านตาบอกให้ข้ามาที่นี่ เขาให้ตราคำสั่งแก่ข้า ส่วนพี่ใหญ่อยากฝากข้ามาบอกบางอย่างกับเจ้า ส่วนพวกทหารนั้นเมื่อเห็นตราคำสั่งของตาข้า และรู้ว่าเจ้ากับข้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นทหารจึงปล่อยให้ข้าเข้ามา”
“พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ที่ไหน? ทำไมนางไม่มาที่นี่กับเจ้าด้วย? แล้วนางต้องการจะบอกอะไรข้า?” ซูอันถามอย่างใจร้อน
ฉู่โหยวเจาพ่นลมหายใจ “เห็น ๆ กันอยู่ว่าพี่ใหญ่ของข้าไม่อยากพบเจ้า ดังนั้นนางจึงบอกให้ข้ามาบอกให้เจ้าหยุดคิดเพ้อเจ้อได้แล้ว นางไม่มีวันมาเจอเจ้าอีก…โอ๊ย!!! ตีข้าอีกทำไม!?”
—
ท่านยั่วยุฉู่โหยวเจาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
“อย่าโกหกข้า! พี่สาวของเจ้าไม่มีทางพูดแบบนี้กับข้า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสร้างเรื่องไร้สาระ! ถ้าไม่อยากโดนตีอย่าตุกติกกับข้า!” แน่นอนว่าซูอันไม่เชื่อคำพูดของเขา “พี่ของเจ้าคงถูกตระกูลฉินจับตัวไว้ล่ะสิ?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?!” ฉู่โหยวเจาโพล่งออกมา
ซูอันพ่นลมหายใจ เรื่องเหล่านี้มีให้เห็นได้ทั่วไปในละครโทรทัศน์
ฉู่โหยวเจาเล่าว่า “จริง ๆ แล้วพี่ใหญ่ต้องการให้ท่านตาช่วยเจ้า แต่ท่านตาปฏิเสธ จักรพรรดิต้องการชีวิตของเจ้า ท่านตาของข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร? เจ้าก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ดังนั้นถ้าเจ้าห่วงใยพี่ใหญ่จริง ๆ ก็จงทำใจให้กว้าง เขียนจดหมายแยกทางกันดีกว่าทนทุกข์นานไปทั้งคู่ พี่ใหญ่ของข้างดงามและสูงส่งขนาดนั้น หากเจ้ายังคงดื้อรั้น ชีวิตของนางจะถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของ…โอ๊ย!!! ตีข้าอีกทำไม?!”
ซูอันเย้ยหยัน “เจ้าพยายามยุยงให้พี่เขยแยกทางกับพี่สาวของเจ้า การกระทำบ้าบอแบบนี้ไม่สมควรถูกตีเหรอ?”
“ไร้สาระ! เจ้าตีข้าเพราะเจ้าอยากตี!” ฉู่โหยวเจาสะอื้น
“เจ้าไม่ใช่สาวงามและข้าก็ไม่ใช่คนโรคจิตด้วย ทำไมข้าถึงจะอยากตีก้นเจ้าโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร?” ซูอันตวาด “ดูเจ้าสิ เป็นผู้ชายแล้วยังร้องไห้ง่ายแบบนี้ หยุดทำตัวเป็นผู้หญิงได้แล้ว!”
“ก็ข้า…” ฉู่โหยวเจา เต็มไปด้วยความโกรธและความอับอาย เขาเกือบจะพุ่งเข้าใส่ซูอันอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งถูกปล่อยตัว แต่ทันทีที่เห็นสีหน้าจริงจังของซูอันเขาก็รู้สึกหวาดกลัวและรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าแค่เลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับพี่ใหญ่เท่านั้น! เจ้าไม่ควรเห็นแก่ตัวและทำลายทั้งชีวิตของนาง!”
ซูอันมองเขาอย่างเย็นชา “ขืนเจ้ายังพูดจาไร้สาระแบบนี้ต่อไป ข้าจะตีก้นเจ้าอีกร้อยที! อย่าทำให้ข้าชอบตีก้นของเจ้าจริง ๆ จะดีกว่า!”
“เจ้า!” ฉู่โหยวเจาไม่สามารถลบความอัปยศอดสูออกจากใจและเขาก็พุ่งเข้าใส่ซูอันอีกครั้ง “ข้าจะสู้กับเจ้าจนตาย!”
ทันใดนั้น วัตถุหนึ่งบินพุ่งผ่านอากาศเข้ามาในห้องอย่างฉับพลัน ซึ่งฉู่โหยวเจาที่กำลังวิ่งเข้าหาซูอันกลับอยู่ในเส้นทางพุ่งผ่านของวัตถุนั้นพอดี
ซูอันรีบผลักหน้าอกเขาออกไป “ระวัง!”
ฉู่โหยวเจาล้มลงก้นจ้ำเบ้า ลูกธนูสีดำติดอยู่กับผนังด้านหลัง มันยังคงสั่นอยู่
ซูอันจ้องมือของตัวเองอย่างโง่งม จากนั้นมองไปที่ฉู่โหยวเจา “นี่เจ้าเป็น…”
ความนุ่มนวลที่เขาสัมผัสได้นั้นสมจริงเกินไป ผู้ชายคนไหนกันจะมีหน้าอกแบบนี้?
ซูอันตกตะลึง ที่แท้ทายาทของตระกูลฉู่มีแต่เพศหญิง! เขาควรยกย่องฉู่จงเทียนหรือตำหนิที่ให้กำเนิดบุตรสาวสามคนติดต่อกันดี?
เมื่ออยู่ในโลกนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เขาเข้าใจลำดับการสืบอำนาจในราชวงศ์โจวเป็นอย่างดี เป็นเรื่องปกติที่ตระกูลจะสูญเสียตำแหน่งหากไม่มีทายาทชาย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉู่จงเทียนเลือกที่จะให้ลูกสาวคนสุดท้องของเขาใช้ชีวิตในฐานะผู้ชาย!