บทที่ 689 ช่วยเหลือ (4)

จี้อู๋โหย่วขมวดคิ้ว ผู้อาวุโสแห่งสำนักตู้เซียนก็กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้แจ้งให้ท่านอาจารย์มาช่วยเหลือข้า แล้วข้าควรทำอย่างไรดี…

ในขณะนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของเขา และจี้อู๋โหย่วก็ฟื้นคืนสู่ความสงบทันที

จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ในโลกบรรพกาลนี้ มีอาณาจักรต่างๆ มากมาย แล้วเหตุใดสหายเต๋าจึงพอใจเพียงอาณาจักรหงหลินแห่งนี้อย่างเดียวเท่านั้น”

นักพรตเต๋าร่างท้วมเล็กน้อยที่เพิ่งมาถึงขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่า จี้อู๋โหย่วจะเปลี่ยนประเด็นพูดคุยและน้ำเสียงไปได้รวดเร็วเพียงนี้

“ศิษย์หลานอู๋โหย่ว” เต๋าเวยจื่อยิ้มและกล่าวว่า “ข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านอาจารย์ของเจ้า แล้วไยไม่…”

“ผู้อาวุโส ท่านกำลังพยายามข่มข้าด้วยอาวุโสของท่านใช่หรือไม่?”

จี้อู๋โหย่วชิงตัดบทสนทนาจากเขา “ท่านกำลังรังแกสำนักตู้เซียนเพราะบรรพชนของสำนักเซียนเราไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ? หรือท่านคิดว่าในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินนี้ ไม่มีปรมาจารย์?”

เต๋าเวยจื่อกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้ข้าได้พูดคุยกับเจ้าในเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างทั้งสองสำนักและก่อให้เกิดเรื่องไม่สบายใจอื่นๆ ศิษย์หลานอู๋โหย่ว เจ้าพาคนของเจ้ากลับไปเถิด”

จี้อู๋โหย่วก้มศีรษะลงและกระแอมไอสองครั้ง ดวงตาของเขาฉายแววขุ่นเคืองเล็กน้อยในขณะที่เหล่าผู้เป็นเซียนแห่งสำนักตู้เซียนทั้งโกรธและทำอะไรไม่ถูก

ทว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของจี้อู๋โหย่วนั้นก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มันก็สมเหตุผล

เขามีท่าทีดูเศร้าและถอนหายใจเมื่อกล่าวว่า “มีปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของข้าปรากฏหรือไม่!

ผู้อาวุโสจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ดูสิว่า สำนักเซียนเต๋าเวยรังแกพวกเรามากมายอย่างไร!”

ทันใดนั้นแสงสว่างเจิดจ้าสองดวงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวงดาว …

มันเป็นดาวตกสีฟ้าน้ำและอีกดวงก็เป็นสีแดงเพลิง พวกมันค่อยๆ บินวนและวิ่งไล่ตามกันและกัน และในชั่วพริบตานั้น พวกมันก็กลายเป็นแผนภาพไท่จี๋ไฟวารี

ภายใต้แผนภาพไท่จี๋นั้น จู่ๆ ก็มีร่างเงาของนักพรตเต๋าชราปรากฏตัวขึ้นมาและเปลี่ยนจากความว่างเปล่ามาสู่ร่างจริง

เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวและถือแส้หางม้าเอาไว้ในมือ ใบหน้าบางๆ ของเขายิ้มเล็กน้อยและมีอักขระเต๋าง่ายๆ สบายๆ

ผู้เป็นเซียนแห่งสำนักตู้เซียนร้องตะโกนว่า “เทพวารี! เทพวารีแห่งศาลสวรรค์!”

เป็นหลี่ฉางโซ่วจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วยิ้มสงบและก้มศีรษะลงมองดูเหล่าเซียนแห่งสำนักตู้เซียนที่ด้านล่างพลางพยักหน้าทักทาย

จากนั้นเขาก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อมองไปที่ร่างหลักของเขาที่ยืนอยู่บนพื้นและแหงนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้วย “สีหน้าอัศจรรย์ใจ” และในชั่วขณะหนึ่งนั้น เขาก็ยังรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดทีเดียว

ทว่า…

เขาก็ทำอะไรมากเกินไปไม่ได้จริงๆ มันมีแนวโน้มที่เขาจะพัฒนาไปสู่ความเจ็บป่วยทางจิตได้ง่ายๆ

หลี่ฉางโซ่วกล่าวช้าๆ ว่า “ไม่รู้ว่าข้าจะขอพูดคุยกับสหายเต๋าในนามของสำนักตู้เซียนได้หรือไม่?”

ทันใดนั้นสีหน้าท่าทางของเต๋าเวยจื่อก็กลายเป็นเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เขาก้มศีรษะลงและทำการคารวะเต๋าให้

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เป็นท่านนั่นเอง ศิษย์พี่เทพวารี ข้าขออภัยด้วย”

เมื่อศิษย์ในนามของจอมปราชญ์ได้พบกับศิษย์อย่างเป็นทางการของจอมปราชญ์ เขาก็ย่อมต้องลดสถานะตัวเองลงเป็นธรรมดา

เต๋าเวยจื่อยิ้มและกล่าวว่า “วันนี้มีเรื่องเล็กน้อยบางอย่าง ข้าไม่คาดคิดว่าจะสร้างปัญหาให้ท่านเทพวารี”

“ข้าไม่มีทางเลือก”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างมีไมตรีจิตและกล่าวว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้สั่งให้ข้าดูแลกิจการของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน มีทั้งหมดเพียงหกสำนักเซียน ข้าย่อมต้องยิ่งปกป้องพวกเขาให้แน่นหนามากขึ้น”

หลี่ฉางโซ่วหยุดไปชั่วขณะและมองตรงไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ

ที่นั่น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีทอง มีร่างหนึ่งที่นั่งอยู่บนเมฆและบินมาหาอย่างรวดเร็ว

แม้จะยังอยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลมปราณและพลังสะกดข่มของอีกฝ่ายที่ถูกส่งผ่านมายังสถานที่นี้อย่างไร้สิ่งกีดขวางต่อต้านใดๆ

ในขณะนั้น ผู้เป็นเซียนทั้งหมดบนเมฆ ต่างก็สับสนงงงันเล็กน้อย พวกเขาไม่รู้ว่าคืนนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น…

หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงดังว่า “สหายเต๋า หรือว่า เจ้ากลัวที่จะทำผิดพลาด?

ไฉนเจ้าถึงต้องเรียกหารองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานในยามที่ข้าปรากฏตัว?”

แน่นอนว่า เต๋าเวยจื่อย่อมเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งในคำพูดของหลี่ฉางโซ่ว เขาส่ายศีรษะอย่างสงบและกล่าวว่า “ศิษย์พี่เทพวารี มีตำแหน่งสูงในศาลสวรรค์และเป็นผู้ทรงพลังอำนาจชั้นสูงในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

ข้าเชื่อว่าระดับฐานพลังของข้าต่ำและยังมีความรู้ตื้นเขินนัก ข้าจึงเกรงว่าจะทำให้ศิษย์พี่เทพวารีมีโทสะ ดังนั้นในเวลานี้ ข้าจึงเชิญท่านอาจารย์หรานเติ้งมาพูดคุยด้วยขอรับ”

หรานเติ้ง!

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะในใจ เขาคาดเดาเอาไว้ไม่ผิดเลย แท้จริงแล้ว เรื่องนี้มีสหายเฒ่าผู้นี้กำลังเล่นเล่ห์เหลี่ยมสกปรกอยู่เบื้องหลังจริงๆ!

ในเวลานี้มีเขาเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พัวพันกับสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน

ในขณะนั้นเหล่าผู้เป็นเซียนทั้งหมดจากสำนักตู้เซียนล้วนมองไปที่เทพวารีแห่งศาลสวรรค์

พวกเขาส่วนใหญ่ต่างคาดหวังและตั้งหน้าตั้งตารอลุ้นดูว่า คืนนี้ชายหนุ่มผู้กำลังโด่งดัง และมีผู้นิยมชมชอบเป็นจำนวนมากคนนี้จะมาปรากฏตัวหรือไม่

เพราะอย่างไรเสียก็มีปรมาจารย์เพียงไม่กี่คนในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

และมีเพียงคนเดียวที่เทพวารีจะขอความช่วยเหลือได้ นั่นก็คือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่…

ทว่าในไม่ช้า เหล่าผู้เป็นเซียนของสำนักตู้เซียนก็รู้สึกผิดหวัง

เมื่อหรานเติ้งบินเข้ามาและอยู่ห่างออกไปเพียงไม่ถึงร้อยลี้ ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีกระแสวังวนแผนภาพไท่จี๋ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพวารีของหลี่ฉางโซ่ว

ทันใดนั้นเจดีย์ขนาดเล็กและไม้บรรทัดทองสัมฤทธิ์ก็หล่นลงมาจากเจดีย์นั้น แล้วเทพวารีก็จับพวกมันเอาไว้อย่างแน่นหนา

จากนั้น เทพวารีก็ถือไม้บรรทัดของเขาและมองไปยังนักพรตเต๋าหรานเติ้งซึ่งบินมาจากระยะไกลอย่างสงบและจู่ๆ ก็บินช้าลงในช่วงหลัง

นั่นคือ การช่วยเหลือของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน!

บนพื้น หัวใจของหลี่ฉางโซ่วรู้สึกอบอุ่นขึ้นในคราแรก

ทว่าในท้ายที่สุด เมื่อปรมาจารย์จอมปราชญ์หรือปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้มอบสมบัติให้แก่เขา พวกมันก็ตกลงมาบนศีรษะของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ หาใช่ร่างหลักของเขาเองไม่

มันเป็นข้อตกลงยินยอมที่เข้าใจกันเองเป็นอย่างดีสำหรับแผนเกี่ยวกับส้นเท้าของเขาในคืนนี้

ทว่าก็ยังมีสิ่งหนึ่ง…

หลี่ฉางโซ่วมองไปยังแผ่นหยกที่แตกหักเป็นเสี่ยงๆ ในแขนเสื้อของเขา เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือร้ายสำหรับผู้ยิ่งใหญ่ที่มอบแผ่นหยกให้เขามาที่นี่โดยตรง

ในเวลาเดียวกันนั้น เหนือทะเลทักษิณ

แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีได้แวบผ่านไปอย่างรวดเร็วและพุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะบูรพา!

………………………………………………………………..

———————–