บทที่ 858 อวดเบ่งอย่างโง่เขลา
ซูอันสังเกตเห็นธนูคันนี้และรู้ได้ว่านักฆ่าคนนี้จะเป็นภัยคุกคามใหญ่หากปล่อยทิ้งไว้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงใช้จ้าววายุมาปิดระยะห่างทันที
นักธนูฟาดฟันคันธนูไปมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหลบหลีกไปรอบ ๆ ห้องเผยให้เห็นทักษะการต่อสู้ที่โดดเด่นไม่มีช่องโหว่ในการป้องกันของเขาแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าทั้งหมดที่เขาต้องทำคือยื้อเวลาไว้ให้นานพอที่เพื่อนของเขาจะโจมตีได้ ซึ่งหลังจากนั้นเขาจะได้มีโอกาสล่าถอยไปยังระยะที่ปลอดภัยกว่า และใช้ความได้เปรียบจากการยิงธนูจัดการกับซูอัน
น่าเสียดายที่จู่ ๆ กลับมีนกแปลก ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้า และความเจ็บปวดอันน่ากลัวค่อย ๆ หยั่งรากลึกเข้าไปในจิตวิญญาณและสลายการป้องกันที่แข็งแกร่งของเขา
ในเสี้ยววินาทีนั้น กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งทะลุผ่านอากาศ
นักฆ่าผู้ใช้ธนูนั้นชื่นชมสหายนักฆ่าที่ใช้กระบี่อีกคนมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นมือกระบี่ที่สามารถแทงกระบี่ได้อย่างเร็วที่สุดและยากจะรับมือ หากเป็นผู้บ่มเพาะระดับเดียวกันเขามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดสามารถรับมือกับการแทงกระบี่ของสหายเขาได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเสี้ยววินาทีนี้ที่เขากำลังเผชิญกับกระบี่ที่กำลังแทงเข้าใส่ตัวเขา เขาเพิ่งตระหนักรู้ได้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่อเทียบกันแล้วกระบี่ของสหายเขานั้นไม่นับเป็นอะไรได้เลยเมื่อเทียบความเร็วของกระบี่นี้ที่กำลังจะปลิดชีวิตของเขา เขามองไม่เห็นการโจมตีด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงภาพเบลอ จากนั้นเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกบริเวณลำคอ
ในฐานะนักฆ่ามากประสบการณ์เขารู้ว่าตัวเองถูกแทงที่คอ ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะตาย เขาทำได้เพียงสาปแช่งผู้ที่มอบหมายภารกิจนี้ให้เท่านั้น
บัดซบ!
ไหนเจ้าบอกว่าเป้าหมายเป็นผู้บ่มเพาะระดับห้า! เจ้าบอกกับพวกข้าว่าอีกฝ่ายมีทักษะที่แปลกประหลาดอยู่บ้างแต่อย่างไรซะแค่ใช้นักฆ่าระดับหกสี่คนก็น่าจะเพียงพอแล้ว!
พวกเขาคือนักฆ่าที่จัดได้ว่ามากประสบการณ์ที่สุด และพวกเขาทุกคนต่างแข็งแกร่งมากจนสามารถต่อกรกับผู้ที่มีการบ่มเพาะระดับสูงกว่าตัวพวกเขาได้ หลายคนเคยฆ่าผู้บ่มเพาะระดับเจ็ดมาก่อนด้วยซ้ำ
แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น เป้าหมายของพวกเขาคนนี้กลับเป็นผู้ที่ไล่เข่นฆ่าพวกเขาราวกับไล่เชือดไก่!
ไอ้เด็กคนนี้อยู่ที่ระดับแปดแล้วเหรอ? ไม่สิ แม้แต่ระดับที่แปดก็ไม่สามารถรับมือพวกเราได้ง่าย ๆ! เขาน่าจะอยู่ในระดับที่เก้าหรือระดับปรมาจารย์!
ซูอันขมวดคิ้วขณะมองไปทางมุมห้องอีกด้าน
นักฆ่าได้เปิดเผยตัวเองในที่สุดและจับฉู่โหยวเจาเอาไว้พร้อมใช้มีดสั้นจ่อที่คอของนาง เสียงของเขาแหบแห้ง “อย่าขยับ! ไม่งั้นเพื่อนของเจ้าตาย!”
ก่อนหน้านี้ดวงตาของฉู่โหยวเจาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ นางไม่เคยคาดคิดว่าขยะฉาวโฉ่อย่างพี่เขยของนางจะเก่งกาจขนาดนี้!
นักฆ่าพวกนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับหกกันทั้งนั้น แต่พวกมันกลับถูกพี่เขยของนางจัดการอย่างง่ายดาย
วันนี้ตอนออกจากห้องข้าก้าวขาผิดข้างหรือเปล่า?
ข้าฝันไปหรือทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตา?
บัดซบ! ทำไมข้าถึงฝันว่าพี่เขยขยะแข็งแกร่งขนาดนี้…
ความคิดของนางฟุ้งซ่านและจากนั้นนางถูกนักฆ่าจับได้ในเสี้ยววินาทีต่อมา
ใบหน้าของนางซีดเผือดเมื่อรู้สึกถึงความเย็นของใบมีดที่แนบตรงลำคอ
ซูอันมองทั้งสองคน เขาหัวเราะและพูดว่า “เพื่อนงั้นเหรอ? เจ้าไม่เห็นไอ้เด็กนี่วิ่งเข้าใส่ข้าพร้อมกับมีดในมือก่อนหน้านี้หรืออย่างไร? ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าเขาก็ตามสบาย! ใครจะไปสนว่าศัตรูจะอยู่หรือตาย? นักฆ่านี่โง่แบบเจ้าทุกคนหรือเปล่า?”
แม้จะมีความมั่นใจในน้ำเสียง แต่ในใจซูอันค่อนข้างกระสับกระส่าย พวกมันเข้ามาได้อย่างไร?!
ฉู่โหยวเจาเข้ามาในนี้ได้เนื่องจากนางมีตราคำสั่งจากท่านตาของนาง แต่นักฆ่าเหล่านี้เข้ามาได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นเป็นเวลานานแล้วที่นักฆ่าบุกเข้ามาแต่ไม่มีแม้แต่เงาของทหารสักคน
ซูอันเริ่มเพ่งประสาทสัมผัสการฟังมากยิ่งขึ้น เพียงครู่เดียวเขาเริ่มได้ยินเสียงโกลาหลที่เกิดขึ้นข้างนอกเช่นกัน มีเสียงของการต่อสู้และการสังหาร เห็นได้ชัดว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังโจมตีพวกทหารทำให้นักฆ่าพวกนี้บุกเข้ามาหาเขาได้
แน่นอนว่าไม่มีใครคาดคิดได้แน่ว่าไม่เพียงแต่เหล่านักฆ่าจะล้มเหลวในภารกิจสังหาร แต่ยังต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของเหยื่ออีกด้วย
ซูอันเคยสับสนอยู่เสมอเมื่อตอนที่เขาอ่านนิยายเมื่อชีวิตก่อนหน้า ทำไมพวกคนร้ายจึงดูโง่อยู่เสมอ?
ทำไมไอ้พวกผู้บงการมักจะส่งนักฆ่าที่มีระดับสูงกว่าตัวเอกนิดหน่อยมาลอบสังหารตัวเอกซึ่งท้ายที่สุดกลับถูกตัวเอกฆ่าตายทั้งหมด มันจะไม่ฉลาดกว่าเหรอ ถ้าส่งนักฆ่าที่เก่งแบบสุด ๆ ไปฆ่าพระเอกสักยี่สิบคนให้มันจบเรื่องไป?
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านประสบการณ์ในโลกนี้ เขาก็เริ่มเข้าใจว่าทำไม
ผู้บ่มเพาะระดับที่ห้าและหกนั้นถือว่าแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ในขณะที่ระดับที่เจ็ดหรือสูงกว่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่มีสถานะระดับสูง พวกเขาไม่มีทางยินดีลดตัวลงมาจัดการกับคนที่อ่อนแอกว่ามาก ๆ
ก่อนหน้านี้ที่แม่ชียุงและนักรบเงินสดปรากฏตัวนั้น ทั้งคู่ไม่ได้ถูกส่งมาเพื่อจัดการกับเขา แต่ทั้งคู่มาเพื่อจัดการกับขบวนคุ้มกันซึ่งแข็งแกร่ง
ส่วนเรื่องของจำนวน ตอนนี้กองกำลังนักฆ่าส่วนใหญ่กำลังตรึงเหล่าทหารที่อยู่ด้านนอกไว้ และยิ่งไปกว่านั้น จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้เปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงให้กับใครเห็นเลย ดังนั้นพวกนักฆ่าจึงคิดไปว่าแค่พวกเขาระดับหกสี่คนก็มากเพียงพอแล้วที่จะจบภารกิจนี้ ไม่มีทางที่พวกนักฆ่าจะรู้ว่าเขาได้ดูดซับการบ่มเพาะของแม่ชียุงจนแข็งแกร่งขึ้นมาก
นักฆ่ารู้สึกมึนงงเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูอันพูด แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พวกมันบุกเข้ามาในห้อง ดูเหมือนว่าชายหน้าสวยคนนี้ต้องการจะฆ่าซูอันเช่นกันจริง ๆ
ไอ้โง่หน้าไหนส่งผู้บ่มเพาะระดับสี่มาจัดการเหยื่อระดับห้า โง่อภิมหาโง่!
ฉู่โหยวเจาสั่นเทาด้วยความโกรธ นางโกรธตัวเองที่เป็นห่วงผู้ชายคนนี้! ถ้านางรู้ว่าเขาจะไร้เยื่อใยขนาดนี้ นางคงจะช่วยนักฆ่าจัดการกับพี่เขยตัวเองไปแล้ว!
—
ท่านยั่วยุฉู่โหยวเจาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233…233…233…
—
นางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าเป็นหลานชายของแม่ทัพหน้าฉินเจิ้งและลูกชายของอ๋องตระกูลฉู่! ข้าไม่รู้ว่าเจ้านายของเจ้าเป็นใคร แต่เขาไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้แน่นอนถ้าข้าเป็นอะไรไป ปล่อยข้าแล้วข้าจะลืมเรื่องทั้งหมด!”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะสบถด่า “ไอ้โง่เอ๊ย!”
ฉู่โหยวเจาถลึงตากลับ ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะไม่ช่วยข้า แต่ทำไมข้าจะพยายามช่วยเหลือตัวเองไม่ได้?
ฮึ่ม! ข้าจะไปบอกเรื่องนี้กับท่านตาและพี่ใหญ่อย่างแน่นอน พวกเขาจะได้เห็นด้านที่แท้จริงอันแสนน่าเกลียดของผู้ชายคนนี้!