ตอนที่ 1615 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (2) ตอนที่ 1616 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1615 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (2) / ตอนที่ 1616 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (3)
ตอนที่ 1615 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (2)

กลางดึก คนกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาในสำนักธาราเมฆอย่างเงียบๆ คนที่ลาดตระเวนพื้นที่ต่างๆ ของสำนักธาราเมฆไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีคนกลุ่มใหญ่แทรกซึมเข้ามาในบริเวณสำนัก

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ร่างสีดำพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วในเงามืดราวกับอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด

ผู้เยาว์ทั้งหลายในสำนักล้วนหลับสนิทกันหมดแล้ว เนื่องจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงยาวนานหลายชั่วยามได้สูบเอาเรี่ยวแรงของพวกเขาไปจนเกลี้ยง พอตกกลางคืนทุกคนก็พากันนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงพร้อมกรนเสียงดัง ไม่มีใครสังเกตเห็นอะไรด้านนอกเลย

ภายในสาขาจ้าววิญญาณ ซูหย่าที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาก็พลันลืมตาขึ้นมา ในความมืดมิดนั้น สายตาเนือยๆ เกียจคร้านตามปกติได้หายไปจากดวงตาที่สดใสของนาง ตอนนี้ดวงตาคู่นั้นคมกริบราวกับดาบที่ชักออกจากฝัก

ที่เรือนพักของอาจารย์ใหญ่ ชายชราตัวเล็กที่กำลังกระตุ้นให้เทียนเจ๋อพัดไฟอยู่นั้นก็ยืดตัวตรงทันที ดวงตาที่มีชีวิตชีวาของเขามองตรงออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดอยู่ จ้องไปยังทิวทัศน์ที่ถูกครอบคลุมด้วยความมืดยามค่ำคืน

เทียนเจ๋อที่พัดจนมือจะหลุดอยู่แล้วก็สังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอาจารย์ เขาเหนื่อยมากจนเกือบจะหลับและตาก็ปรือเต็มทีแล้ว

“อาจารย์…พักได้แล้วหรือ” หัวเขามึนไปหมด ความอบอุ่นจากเตาที่โอบล้อมร่างกายเขาทำให้เขารู้สึกง่วง กลิ่นหอมของสมุนไพรทำให้เขาอยากนอนขดตัวอยู่บนพื้นอุ่นๆ แล้วกรนเสียงดัง

“เจ้าโง่ ไม่สังเกตหรือว่ามี ‘แขก’ มา” ชายชราเคาะหัวเทียนเจ๋อก่อนจะเก็บกระดาษในมือไว้ตรงหน้าอกอย่างระมัดระวัง

คำพูดของชายชราทำให้เทียนเจ๋อตกใจจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ดวงตาของเขาเบิกกว้างพร้อมกับเด้งตัวลุกขึ้นในทันที พอความง่วงหายไป เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่ไม่คุ้นเคย ดวงตาที่เคยปรือก็สว่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“หายากจริงๆ” ชายชราตัวเล็กดันเข่าตัวเองลุกขึ้น มือข้างหนึ่งทุบนวดหลัง “ไม่ได้เจอ ‘แขก’ ที่ไม่ได้รับเชิญมาตั้งนานแล้ว”

“ว่าแต่ คนกลุ่มนี้เลือกเวลาผิดจริงๆ โอสถวิเศษของข้าใกล้จะเสร็จแล้ว เลยต้องล่าช้าออกไปอีก” ชายชรามองเตาหลอมโอสถวิเศษที่เขาใช้เวลาปรุงโอสถวิเศษทั้งวันอย่างอาลัยอาวรณ์ ตามขั้นตอนแล้ว โอสถวิเศษในเตาจะเสร็จในอีกหนึ่งชั่วยาม น่าเสียดาย คนพวกนี้นี่ชอบมากวนตอนเขากำลังตั้งอกตั้งใจทำงานเสียจริงเชียว

น่าเสียดายจริงๆ

เทียนเจ๋อไม่ได้พูดอะไร แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมดุดัน

สำนักธาราเมฆตั้งกฎไว้นานแล้วว่าห้ามผู้ใดเข้ามาในสำนักโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้แต่จ้าวตำหนักของสิบสองตำหนักและจ้าวตำหนักของเก้าวังก็เช่นเดียวกัน

แต่ตอนนี้มีใครบางคนแอบเข้ามาในสำนักธาราเมฆอย่างเงียบๆ นี่เป็นการฝ่าฝืนกฎของสำนักธาราเมฆและเป็นการท้าทายอำนาจและศักดิ์ศรีของสำนักธาราเมฆโดยตรง!

“ช่างเถอะ เสี่ยวเทียน ทุกคนที่มาก็คือแขก พวกเราเป็นเจ้าบ้าน ก็ควรทำหน้าที่เจ้าของบ้านให้ดี ไปกันเถอะ” ชายชราตัวเล็กเอามือสองข้างไพล่หลัง แล้วเดินนำไปอย่างไม่รีบร้อน ส่วนเทียนเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พุ่งตัวออกไปจากบ้านหลังเล็กราวกับสายฟ้า ร่างของเขาหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

ชายชรามองเงาร่างของเทียนเจ๋อที่เหลือทิ้งไว้แล้วส่ายหน้าช้าๆ

“คนหนุ่มนี่นะ ใจร้อนจริงๆ เลย”

พูดจบ เขาก็ยกเท้าขึ้นเพื่อจะก้าวเท้า แต่พอเท้าของเขาแตะพื้น ร่างของเขาก็วูบไหวไปมาราวกับเงาลวงตาที่ทับซ้อนกัน พร้อมกับการสั่นไหวเบาๆ นั้น วินาทีต่อมา ร่างของชายชราก็หายไปจากจุดนั้นทันที แม้แต่ลมกระโชกเพียงครั้งเดียวก็ยังไม่มี หายไปอย่างไม่เหลือร่องรอยใดๆ เลย

ตอนที่ 1616 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (3)

ระหว่างหอพักที่พวกลูกศิษย์อาศัยอยู่ มีเงาสีดำหลายร่างพุ่งผ่านไปอย่างเงียบเชียบราวสายลม ไม่มีเสียงใดๆ ดังให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย

ผู้คุ้มกันของสำนักธาราเมฆที่ยืนเฝ้าอยู่นอกหอพักมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่ได้สังเกตว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา

ผู้คุ้มกันสองคนแค่รู้สึกเย็นวาบที่คอเท่านั้น พอเอื้อมมือจะจับคอ ก็รู้สึกถึงความเหนียวๆ อุ่นๆ บนฝ่ามือ พวกเขายังไม่ทันจะส่งเสียงก็ล้มลงอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความมืด

กลิ่นโลหิตคาวคลุ้งลอยไปตามสายลม เงามรณะค่อยๆ ครอบคลุมไปทั่วสำนักธาราเมฆ

พวกที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเดินผ่านไปอย่างไร้เสียง ทิ้งความตายและความหวาดกลัวไว้เบื้องหลัง

จวินอู๋เสียนั่งอยู่ในห้อง สายลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย สายลมเย็นเจือกลิ่นโลหิตจางๆ กลิ่นนั้นเบาบางมาก แต่มันเป็นเหมือนสายฟ้าฟาดเข้าที่ใจของจวินอู๋เสีย

ความตายมาเยือนอย่างไร้ซุ่มเสียง กลุ่มผู้บุกรุกที่เยี่ยกูค้นพบนั้นไม่ได้มาอย่างมิตรแน่นอน ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนในสำนักธาราเมฆโดนสังหารไปแล้ว

แม้ว่ายังไม่ได้พบกัน แต่จวินอู๋เสียก็รู้แล้วว่าคนพวกนั้นเป็นศัตรู ไม่ใช่มิตร!

“คุณหนูใหญ่ จะให้พวกเราลงมือหรือไม่ขอรับ” เสียงของเยี่ยซาแฝงความจริงจังหนักแน่น ปกติเขาจะคอยรับคำสั่งของจวินอู๋เสียอยู่เงียบๆ แต่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดไว้ แถมยังไม่รู้ที่มาที่ไปของคนพวกนั้นด้วย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จวินอู๋เสียจะเสียเปรียบได้ง่ายๆ

จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย นางยืดตัวนั่งตรงและโยนโอสถวิเศษสองขวดให้เยี่ยซากับเยี่ยกู

“กินเสีย”

เยี่ยซาและเยี่ยกูไม่ถามอะไรเลย กลืนโอสถวิเศษลงไปตามคำสั่งของจวินอู๋เสียทันที

จากนั้นจวินอู๋เสียก็หยิบเอาเม็ดยาขนาดเท่าไข่นกกระทาออกมาจากถุงเอกภพ ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บดขยี้มันจนกลายเป็นผงอย่างรวดเร็ว ควันจางๆ กระจายออกมาจากเม็ดยานั้นและลอยไปตามลมที่พัดเข้ามาจากภายนอก ลอดผ่านช่องว่างของประตูห้องจวินอู๋เสียออกไปสู่อาคารหอพัก

“คุณหนูใหญ่” เยี่ยกูงงเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียกำลังทำอะไร

จวินอู๋เสียดึงชายเสื้อของตัวเองอย่างเฉยเมย แล้วก้าวขาออกเดินไปที่ประตู พอมือของนางแตะที่จับประตู นางก็พูดช้าๆ ว่า “พวกเจ้าไม่ต้องลงมือ”

พูดจบ จวินอู๋เสียก็เปิดประตูและเดินออกไป

ในเวลาเดียวกับที่จวินอู๋เสียเดินออกจากห้องของนาง ภายในทางเดินว่างเปล่ามีร่างสูงหลายร่างปรากฏตัวขึ้น ทุกคนเดินออกมาจากห้องของตัวเอง พวกเขายืนสบตากันอยู่หน้าประตูก่อนจะมองไปที่จวินอู๋เสีย ความตื่นเต้นที่พวกเขาเก็บกดมานานแสดงออกมาทางใบหน้า ในดวงตาสดใสเหล่านั้นก็ดูเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่

เงาดำหลายร่างที่มีกลิ่นโลหิตติดเสื้อผ้าอยู่จางๆ เดินเข้าไปในหอพักที่เงียบสงัด ด้านหลังประตูที่ปิดสนิทคือเหล่าผู้เยาว์ที่กำลังหลับสนิทไร้การป้องกันตัวใดๆ ทั้งสิ้น

เงาดำพวกนั้นเคลื่อนที่ไปในหอพักอย่างไร้เสียงราวกับภูติผี ผ่านทางเดินที่มืดมิด มีเพียงแสงสลัวๆ จากหน้าต่างตรงสุดทางเดินเท่านั้น

เงาดำพวกนั้นตรงเข้าหาเป้าหมายของพวกเขา ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิทบานหนึ่ง

ขณะที่พวกเขากำลังจะพังประตูเข้าไปนั้นเอง เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา!