ตอนที่ 1617 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (4) / ตอนที่ 1618 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (5)
ตอนที่ 1617 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (4)
“ไม่มีใครสอนพวกเจ้าหรือว่าควรเคาะประตูก่อนเข้าไป”
เสียงเย็นชานั้นดังเข้าหูของพวกชุดดำ ใบหน้าของพวกเขาแสดงความประหลาดใจออกมา คนชุดดำพวกนั้นหันกลับมาทันที และเห็นร่างเล็กๆ ยืนอยู่ที่ข้างหน้าต่างซึ่งมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา แสงจันทร์สลัวนั้นส่องให้เห็นว่านั่นคือเด็กหนุ่มหน้าอ่อนคนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจไม่ใช่ใบหน้าที่ดูธรรมดานั้น แต่เป็นดวงตาที่เย็นชาจนหนาวถึงกระดูกของเขาต่างหาก
การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของเด็กหนุ่มสร้างความตกใจให้กับพวกบุรุษชุดดำ พวกเขาสัมผัสถึงเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้เลยสักนิด
สถานที่ที่พวกเขาอยู่คือที่พักของเหล่าศิษย์ใหม่สำนักธาราเมฆ พวกเขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มที่ดูผอมแห้งแรงน้อยแบบนี้จะสามารถจับสัมผัสถึงตัวตนพวกเขาได้
แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่คิดที่จะไปอะไรกับอีกฝ่ายให้ยุ่งยากมากความ หนึ่งในคนชุดดำพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ทันทีที่เสียงเย็นชานั้นพูดจบ
แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าใกล้เด็กหนุ่มคนนั้น ก็มีคนหลายคนเข้ามายืนขวางหน้าเด็กหนุ่มเอาไว้ พลังวิญญาณขั้นสีม่วงระเบิดออกมาจากคนเหล่านั้น และพุ่งเข้าใส่บุรุษชุดดำที่กระโจนออกมา
คนชุดดำไม่ทันระวังตัว เขาถูกโจมตีจากพลังวิญญาณขั้นสีม่วงพร้อมกันทีเดียวหลายคน และกระเด็นกลับไปทันที!
พอเขาทรงตัวได้และมองให้ดีๆ เขากับพรรคพวกด้านหลังก็พากันตกตะลึง!
ภายใต้แสงอันเจิดจ้าของพลังวิญญาณขั้นสีม่วง มีคนห้าคนยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา คนพวกนั้นเป็นผู้เยาว์ที่รูปร่างหน้าตาโดดเด่นห้าคน และสิ่งที่ทำให้พวกคนชุดดำประหลาดใจยิ่งขึ้นก็คือ ร่างของผู้เยาว์พวกนั้นเปล่งแสงสีม่วงเข้มข้นรุนแรงออกมา!
ความเข้มข้นของพลังวิญญาณนั้นคือพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่พลังวิญญาณขั้นสีม่วงปลอมที่มาจากการฝืนใช้ทักษะกระตุ้นระดับพลัง
แต่ผู้เยาว์พวกนั้นยังดูเด็กกันอยู่เลย พลังที่พวกเขาแสดงออกมาทำให้พวกคนชุดดำประหลาดใจเล็กน้อย
ผู้เยาว์พวกนี้ไม่ใช่แค่ขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วง แต่พลังของทุกคนล้วนอยู่ที่พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสาม!
แม้แต่ในสามโลกชั้นกลาง คนที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงก่อนอายุยี่สิบปีนั้นหาได้ยากมาก และถ้าทำได้ คนผู้นั้นก็นับว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุดของที่สุด ยิ่งบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสามได้ก่อนอายุยี่สิบยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
เป็นที่รู้กันดีว่าหลังจากบรรลุขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้ว การเลื่อนระดับขึ้นไปในแต่ละขั้นเรียกได้ว่าเป็นความทุกข์ทรมานอย่างมาก
มันคือปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ที่นี่มันได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขาแล้ว พลังวิญญาณที่ออกมาจากร่างของผู้เยาว์พวกนั้นแข็งแกร่งมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นของปลอม
“เสียมารยาทกันจริงๆ บุกรุกเข้ามาแล้วยังทำตัวหยาบคายอีก เป็น ‘แขก’ ที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย” ฟ่านจัวพูดอย่างสบายอกสบายใจพร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนบนใบหน้า
“ขอถามหน่อยสิ พวกเจ้าน่ะ กลางดึกกลางดื่น วิ่งมาที่ห้องของน้องเสียของเรา คิดจะทำอะไรกัน” เฉียวฉู่หักข้อนิ้วเสียงดังกรอบ เขาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างยั่วยุ
นอกจากฟ่านจัวและเฉียวฉู่ ยังมีฮวาเหยา เฟยเยียน และหรงรั่วยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่จวินอู๋เสียซึ่งอยู่ข้างหลังก็เดินออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ ดวงตาเย็นชาของนางจ้องมองไปที่พวกคนชุดดำที่ยืนตกตะลึงด้วยสายตาแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
“พวกเจ้ามาหาข้าหรือ”
พวกคนชุดดำพากันตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคนที่กู่อิ่งให้พวกเขามาตรวจสอบจะเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเอ่ยปากพูดในตอนแรก!
ตอนที่ 1618 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (5)
ตามที่กู่อิ่งพูดไว้ ที่พวกเขาต้องตรวจสอบก็แค่ศิษย์ใหม่คนหนึ่งของสำนักธาราเมฆ แต่ในตอนนี้เองที่พวกเขาตระหนักว่าสิ่งต่างๆ มันเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มาก ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าเด็กตัวเล็กนี่มาโผล่ข้างหลังพวกเขาแบบเงียบๆ ได้อย่างไร แค่พลังของผู้เยาว์อีกห้าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋ก็เกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้แล้ว
เห็นได้ชัดว่าผู้เยาว์พวกนี้อยู่ฝ่ายเดียวกับจวินอู๋
นั่นทำให้การตรวจสอบของพวกเขาต้องพลิกผันไปในทันที
“เอ พวกเจ้ามาที่ห้องของน้องเสียคิดจะทำเรื่องไม่ดีใช่หรือไม่ ข้าว่ามันจะไม่เหมาะสมนะ” เฟยเยียนยิ้มให้พวกคนชุดดำ ตอนที่จวินอู๋เสียออกมาจากห้อง พวกเขาก็รู้สึกได้ทันทีจึงพากันออกมาด้วยเพื่อต้อนรับ “แขกพิเศษ” กลุ่มนี้
“แล้วพวกเจ้าเปิดเผยน้องเสียแบบนี้มันเหมาะหรือไม่เล่า” หรงรั่วถอนหายใจเบาๆ
ชื่อที่ใช้ในสำนักธาราเมฆของจวินอู๋เสียไม่มีคำว่า ‘เสีย’ สักหน่อย
“พูดอย่างกับเจ้าไม่ได้ทำ” เฉียวฉู่เลิกคิ้ว
ฮวาเหยาพูดอย่างเย็นชาว่า “ช่างเถอะ คนตายพูดไม่ได้หรอก”
พวกผู้เยาว์คุยเล่นกันแบบสบายๆ แต่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความหยิ่งผยองมาก ท่าทีและน้ำเสียงเหมือนไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาเลย ทำให้สีหน้าของพวกคนชุดดำไม่น่าดูอย่างถึงที่สุด
ถึงเด็กพวกนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่จะเมินกันเกินไปหรือไม่
พูดจาอวดดีเช่นนี้ คิดว่าพลังของตัวเองแข็งแกร่งมากจนไม่มีใครเทียบได้อย่างนั้นสิ
“เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม พวกเจ้าจะต้องชดใช้ให้กับความโง่เขลาของตัวเอง” คนชุดดำคนหนึ่งเยาะเย้ย ร่างของเขาเปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้าแสบตา พลังวิญญาณของเขาเหนือกว่าพวกเฉียวฉู่
พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสี่!
หลังจากบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วง การจะพัฒนาไปในแต่ละขั้นนั้นเป็นช่องว่างที่ข้ามผ่านได้ยากเย็น แรงกดดันที่พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสี่มีต่อพลังวิญญาณขั้นสีม่วงสามจึงเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจินตนาการได้
“โอ๊ย ตายๆๆ! น่ากลัวชะมัด! พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสี่! ข้า…กลัว! จะ! ตาย! แล้ว!” เฉียวฉู่ตบหน้าอกแกล้งทำเป็นหวาดกลัว สีหน้าหวาดกลัวเกินจริงของเขาทำให้คนที่เห็นอดหัวเราะไม่ได้ เขายกมือขึ้นวางบนไหล่ของจวินอู๋เสียพร้อมสีหน้า “ข้ากลัวสุดๆ เลย”
“น้องเสีย มีคนอยากใช้พลังขั้นสี่ทำร้ายพวกเรา เจ้าว่าเราจะทำอย่างไรดี”
จวินอู๋เสียเหลือบมองความโอเวอร์แอคติ้งของเฉียวฉู่อย่างเฉยเมย จากนั้นก็ใช้สายตาเย็นชามองไปที่พวกคนชุดดำ
“เจ้าว่า…ใครนะที่ต้องชดใช้” ทันทีที่สิ้นเสียงเย็นชานั้น ร่างของจวินอู๋เสียก็เปล่งแสงพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่รุนแรงออกมาเช่นกัน! พลังวิญญาณของนางเมื่อเทียบกับของคนชุดดำคนนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าแข็งแกร่งกว่า!
คนชุดดำที่เตรียมจะสั่งสอนบทเรียนให้กับพวกเฉียวฉู่ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นแสงพลังวิญญาณขั้นสีม่วงบนร่างของจวินอู๋ ดวงตาของเขาฉายแววเหลือเชื่อ
ไอ้เด็กนี่คือผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสี่
เป็นไปได้อย่างไร!
ไม่ใช่แค่คนชุดดำที่ตะลึง พรรคพวกด้านหลังของเขาก็ตกใจกับพลังที่จวินอู๋เสียแสดงออกมาเช่นกัน
จุดประสงค์หลักของพวกเขาในการบุกเข้าสำนักธาราเมฆครั้งนี้ก็เพื่อหาของบางอย่าง พวกเขา การแวะมาที่นี่ก็แค่ทำตามคำสั่งของกู่อิ่งเท่านั้น พวกเขาไม่คิดว่าศิษย์ใหม่ของสำนักธาราเมฆจะแข็งแกร่งมากมายอะไรนัก ดังนั้น กลุ่มของพวกเขาจึงมีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสี่หนึ่งคนและขั้นสามห้าคนเท่านั้น