บทที่ 820 ท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งหมื่นคน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 820 ท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งหมื่นคน

เจียงเจวี๋ยซื่อไปเจอปรมาจารย์ลัญจกรสรวงได้อย่างไร

สือตู๋เต้าถูกเจียงเจวี๋ยซื่อโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส แปลว่าสือตู๋เต้าสู้เจียงเจวี๋ยซื่อไม่ได้ใช่หรือไม่

สีหน้าของหานเจวี๋ยแปลกพิกล เขาทราบว่าคุณสมบัติของสือตู๋เต้าในปัจจุบันนี้น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่าสือตู๋เต้าก็ยังแพ้ได้

สือตู๋เต้าก็เป็นบุตรแห่งสวรรค์เช่นกัน อีกทั้งเคยเป็นอันดับหนึ่งรองลงมาจากอริยะด้วย!

ทว่าแม้เจียงเจวี๋ยซื่อจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังคงถูกปรมาจารย์ลัญจกรสรวงข่มไว้

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงตัดสินใจเข้าฝันปรมาจารย์ลัญจกรสรวง ไปพบปรมาจารย์ด้วยฐานะจริง

แดนความฝันคือตำหนักเอกอนันต์ในปีนั้น

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงลืมตามองหานเจวี๋ย ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด

ทั้งสองมองหน้ากันเงียบๆ

หานเจวี๋ยจำต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “ปรมาจารย์ อย่าสร้างความลำบากให้เจียงเจวี๋ยซื่อได้หรือไม่”

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเอ่ยถาม “เจียงเจวี๋ยซื่อเกี่ยวข้องกับเจ้าเช่นนั้นหรือ”

“อืม นับว่าเป็นศิษย์ของข้า”

“โอ้ ดูเหมือนการฝึกบำเพ็ญของเขาจะไม่เกี่ยวกับเจ้าเลย”

“ปรมาจารย์!”

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว น้ำเสียงหนักแน่นอยู่บ้าง

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงยิ้มออกมา เอ่ยว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะสังหารเขา ยิ่งไม่ได้คิดจะเปลี่ยนเขาเป็นมิ่งด้วย ตอนนี้เขาถูกคุมขังไว้ในสถานที่แห่งหนึ่ง ได้ตกตะกอนการบำเพ็ญพอดี เขาเข้าใจฟ้าบุพกาลน้อยเกินไป หากปล่อยให้เขาเดินทางต่อไป เกรงว่าผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่อาจจินตนาการถึง”

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ สื่อว่าเห็นด้วย

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเบี่ยงหัวข้อสนทนาไป เอ่ยถามว่า “เจ้าว่าหากเขาเติบใหญ่ขึ้น จะไล่ตามเจ้าทัน หรือถึงขั้นที่ก้าวข้ามเจ้าไปหรือไม่”

หานเจวี๋ยตอบว่า “อาจจะกระมัง”

ไล่ตามข้าทันอย่างนั้นหรือ

ไม่มีทาง!

คำพูดนี้หานเจวี๋ยกล้าเอ่ยเพียงในใจเท่านั้น

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวว่า “รอจนเขารู้แจ้งอย่างสมบูรณ์ ข้าจะปล่อยเขาจากไป ไม่สร้างความลำบากให้เขา อยู่กับข้า เขาจะปลอดภัยแน่นอน”

“ขอบพระคุณปรมาจารย์”

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ มรรคาสวรรค์พัฒนาก้าวหน้าเจ้ามีส่วนช่วยมหาศาล ข้าก็นับว่าติดค้างน้ำใจเจ้าอย่างหนึ่ง”

ทั้งสองพูดจาตามพิธีรีตองกันสองสามประโยค หานเจวี๋ยจึงสลายแดนความฝัน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ถามในใจ ‘ที่ปรมาจารย์ลัญจรสรวงพูดกับข้าเป็นความจริงหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนห้าหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[เป็นความจริง]

ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา จากนั้นก็เริ่มยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ ตามด้วยฝึกฝนร่างจำลองเสรีสุญญตา

ห้าร้อยปีต่อมา

หานเจวี๋ยเรียนรู้ร่างจำลองเทพมารใหม่ๆ ได้สามร้อยร่าง มีร่างจำลองเทพมารสะสมรวมหนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบเก้าร่าง!

พลังเพิ่มขึ้นมหาศาล!

หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ

ท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนห้าพันคน!

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนในแบบจำลองการทดสอบยังคงมีตบะระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะสมบูรณ์ อริยะมหามรรคสุดแข็งแกร่งห้าพันคนทรงพลังอย่างยิ่ง ที่ผ่านมาล้วนสะกดข่มหานเจวี๋ยไว้ ทว่าครั้งนี้หานเจวี๋ยกลับยืนหยัดอย่างมั่นคง

หานเจวี๋ยเรียกร่างจำลองทั้งหมดออกมา ต่อสู้เป็นกลุ่ม

แต่ด้วยข้อด้อยด้านจำนวน ทำให้ช่วงแรกหานเจวี๋ยถูกโจมตีสะกด แต่ในไม่ช้าก็เริ่มพลิกสถานการณ์ได้

พลังร่างจำลองเทพมารของหานเจวี๋ยสัมพันธ์กับตบะของเขา หากพลังของตัวเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน ร่างจำลองเทพมารก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น นี่คือความมหัศจรรย์ของร่างจำลองเสรีสุญญตา

ครึ่งชั่วยามผ่านไป หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบต่อ

หลังใช้แบบจำลองการทดสอบไปร้อยครั้ง หานเจวี๋ยสามารถสะกดข่มอริยะเทพอวี๋เจี้ยนห้าพันคนได้สำเร็จ

นอกจากขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นนาย ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลมีอริยะมหามรรคอยู่ไม่ถึงพันคน!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าไม่ได้การแล้ว

เขาเพิ่มระดับความยากขึ้น

อริยะเทพอวี๋เจียนหนึ่งหมื่นคน!

ผ่านไปสิบลมหายใจ เขาลืมตาขึ้น

แข็งแกร่ง…เหลือเกิน!

หานเจวี๋ยไม่ยอมรับ ท้าสู้ต่อไป

….

ใต้ท้องฟ้ามืดมัว ทิวเขาสูงตระหง่านราวกับสันหลังมังกรพิภพ ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ไร้ซึ่งพืชพรรณ

บนยอดเขาลูกหนึ่ง เจียงเจวี๋ยซื่อนั่งสมาธิวิวัฒนาการพลังวิเศษ วงล้อสีม่วงหมุนวนอยู่ด้านหน้าเขา หดขยายเดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่

ห่างออกไป บนยอดเขาเช่นเดียวกัน หลี่เต้าคงและสือตู๋เต้ากำลังจ้องมองเขาอยู่

สือตู๋เต้าแค่นเสียง “เด็กคนนี้มีความสามารถจริงๆ”

หลี่เต้าคงพยักหน้ารับ แววตาจริงจัง

หลังจากสือตู๋เต้าพ่ายแพ้ เขาไม่ได้ถากถางสือตู๋เต้า ความรู้สึกหนักอึ้งกว่าสือตู๋เต้าเสียด้วยซ้ำ

อย่างที่ทราบกันว่าเขาไม่เคยเอาชนะสือตู๋เต้าได้

หลังจบศึกนั้น เจียงเจวี๋ยซื่อกลายเป็นจิตมารของหลี่เต้าคงและสือตู๋เต้า เมื่อมีเวลาว่าง พวกเขาจะมาดูเจียงเจวี๋ยซื่อฝึกบำเพ็ญ

เจียงเจวี๋ยซื่อกลับไม่โอหังเลย ปล่อยให้พวกเขามองไป ไม่แยแสแม้แต่น้อย

จู่ๆ สือตู๋เต้าก็เลือนหายไป มาปรากฏตัวข้างกายเจียงเจวี๋ยซื่อ

หลี่เต้าคงจำเป็นต้องตามไป เขากลัวจริงๆ ว่าสือตู๋เต้าจะลงมือแล้วถูกเจียงเจวี๋ยซื่อสะกดข่มได้อีก

ถึงแม้เขามักจะตอแยสือตู๋เต้าอยู่เสมอ แต่ทั้งสองร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา สนิทสนมดั่งพี่น้องไปนานแล้ว ย่อมไม่อาจยืนมองอยู่ด้านข้างเฉยๆ ได้

เจียงเจวี๋ยซื่อวิวัฒนาการพลังวิเศษต่อไป ไม่สนใจคนทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง

สือตู๋เต้าเอ่ยถาม “ที่เจ้าฝึกอยู่คือวิชายุทธ์ใด”

เจียงเจวี๋ยซื่อตอบว่า “กลับชาติกำเนิดมหาโชค”

“เรียนรู้มาจากผู้ศักดิ์สิทธิ์ท่านใด”

“ข้าสร้างขึ้นเอง”

“สร้างขึ้นเอง…”

สือตู๋เต้ามีสีหน้าตื่นตะลึง

หลี่เต้าคงเองก็เช่นกัน สีหน้าแปรเปลี่ยนมหันต์

สือตู๋เต้าถาม “วิชานี้คือมหามรรคหรือ”

“ข้าไม่ทราบว่ามหามรรคเป็นอย่างไร”

“ฮ่าๆ”

สือตู๋เต้าหัวเราะออกมา จากนั้นก็เลือนหายไป

หลี่เต้าคงก็ไม่ได้อยู่ต่อเช่นกัน

ตั้งแต่ต้นจนจบ เจียงเจวี๋ยซื่อไม่ได้ลืมตาขึ้นเลย

หลังจากเขาเอาชนะสือตู๋เต้าได้ เขาก็หมดความสนใจในตัวสองคนนี้

เขาไม่สนใจคนที่พ่ายแพ้แก่เขา

ผ่านไปเนิ่นนาน

เจียงเจวี๋ยซื่อลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วขึ้นมา

“ความรู้สึกนี้…อริเก่า…เป็นผู้ใดกัน”

เจียงเจวี๋ยซื่อพึมพำกับตัวเอง แววตาสับสน

….

ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง

หานเจวี๋ยออกมานอกอารามเต๋า สะบัดแขนเสื้อปล่อยคนกลุ่มหนึ่งออกมา

กลิ่นอายเทพมารฟ้าบุพกาลสายแล้วสายเล่าดึงดูดเทพมารฟ้าบุพกาลในอาณาเขตเต๋าให้มารวมตัวกัน ลี่เหยาและอู้เต้าเจี้ยนก็ออกมาด้วย

ไก่คุกรัตติกาลร้องขึ้นด้วยความผยอง “ฮ่าๆๆ ท่านไก่ผงาดแล้ว ภายหน้าจะกลายเป็นพญาหงส์เลิศล้ำครอบครองฟ้าบุพกาล!”

ศิษย์สืบทอดคนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน

โดยเฉพาะเมื่อเห็นพวกมู่หรงฉี่และกวนปู้ไป้ พวกเขาต่างภูมิใจยิ่ง

ใครใช้ให้พวกเจ้าไปวางท่าในหมื่นโลกาฉายชัดเล่า!

ตอนนี้พวกเรามาแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่ได้รั้งอยู่นานนัก กลับไปที่อาณาเขตเต๋าหลัก

สมควรฝึกบำเพ็ญต่อได้แล้ว!

บรรลุระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะสมบูรณ์ อยู่ไม่ไกลจากระดับยอดมหามรรคแล้ว!

หานเจวี๋ยตั้งตารอระดับนี้มานานยิ่ง

ขอเพียงบรรลุถึงระดับยอดมหามรรค ถึงจะทำตัวกำเริบเสิบสานได้

ในฟ้าบุพกาล นอกจากเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลที่ลอยชายไร้ตัวตนแล้ว ระดับยอดมหามรรคสิถึงจะเป็นเหนือคนยังมีคน เหนือเทพยังมีเทพ

….

ภายในตำหนักใหญ่โตหลังหนึ่ง นักพรตเต๋าเสินเผานั่งอยู่บนบัลลังก์ ท่าทางเฉื่อยชา สีหน้าแฝงแววดูแคลนนิดๆ

มีเงาร่างหลายสิบร่างคุกเข่าอยู่บนห้องโถง ผู้นำกลุ่มคือนักพรตเต๋าชุดเขียวคนหนึ่ง

นักพรตเต๋าชุดเขียวเอ่ยว่า “ท่านคิดเห็นอย่างไร”

นักพรตเต๋าเสินเผาแค่นเสียงเอ่ยวาจา “ข้ามิใช่คู่ต่อสู้ของอริยะสวรรค์เกรียงไกร ไม่ง่ายเลยกว่าจะเปลี่ยนจากอริเป็นมิตรได้ เจ้าจะเรียกให้ข้าไปต่อกรกับเขาอย่างนั้นหรือ”

เขากำลังประเมินว่าจะจัดการคนในห้องโถงพวกนี้อย่างไรดี

นักพรตเต๋าชุดเขียวเอ่ยว่า “ข้ามียอดสมบัติอยู่ สามารถทำลายล้างมรรคาสวรรค์ได้ในการโจมตีเดียว กำจัดบ่วงกรรมมรรคาสวรรค์ได้”

นักพรตเต๋าเสินเผาเอ่ยถาม “เช่นนั้นสามารถสังหารอริยะสวรรค์เกรียงไกรได้หรือไม่”

นักพรตเต๋าชุดเขียวตอบว่า “สังหารได้!”

“ในเมื่อเจ้าสามารถสังหารได้ ไยต้องมาหาข้าอีก”

“ต้องการให้ท่านช่วยออกหน้า”

“หืม”

“ท่านเป็นผู้สั่งการ พวกเราจะลงมือเอง ท่านเพียงนั่งรอผลลัพธ์เท่านั้น”

“มั่นใจในตัวเองขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าสามารถสังหารอริยะสวรรค์เกรียงไกรได้ มิใช่ว่าสังหารข้าได้ด้วยหรอกหรือ”

นักพรตเต๋าเสินเผาเอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แววตาเร้นเจตนาสังหารไว้

นักพรตเต๋าชุดเขียวเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยตอบว่า “ได้!”

พอสิ้นคำ บรรยากาศทั่วตำหนักพลันหยุดนิ่งไปทันที เจตนาสังหารปะทุขึ้นอย่างลับๆ

………………………………………………………………