บทที่ 821 ดวงจิตสองตำแหน่ง พรตเทพชิงเซียว

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 821 ดวงจิตสองตำแหน่ง พรตเทพชิงเซียว

นักพรตเต๋าเสินเผาจ้องมองนักพรตเต๋าชุดเขียว หรี่ตาเอ่ยถามว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าสังหารข้าได้หรือ”

นักพรตเต๋าชุดเขียวพยักหน้ารับ แต่เขายังคงคุกเข่าให้นักพรตเต๋าเสินเผาอยู่ ท่าทางสวนทางกับคำพูดลิบลับ

นักพรตเต๋าเสินเผาพลันรับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายน่าหวาดหวั่น ต่างไปจากตอนที่เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยยามนั้น ชวนให้อกสั่นขวัญแขวนยิ่งกว่า

นักพรตเต๋าเสินเผาถามเสียงขรึม “พวกเจ้าเป็นมาอย่างไรกันแน่”

ดีร้ายอย่างไรเขาก็อยู่มานับยุคไม่ถ้วน ทว่าไม่เคยพบคนพวกนี้ที่อยู่ในห้องโถงมาก่อนเลย

“ฟ้าบุพกาลกว้างไกลไร้ขอบเขต ต่อให้เป็นท่านก็ยังไม่แน่ว่าจะรู้จักฟ้าบุพกาลดีกระมัง”

นักพรตเต๋าชุดเขียวเอ่ยเสียงเบา เขาเงยหน้ามองนักพรตเต๋าเสินเผา แววตาสงบนิ่ง

นักพรตเต๋าเสินเผาจำเป็นต้องจ้องมองพวกเขา

“เหตุใดถึงต้องการสังหารอริยะสวรรค์เกรียงไกร” นักพรตเต๋าเสินเผาถาม

นักพรตเต๋าชุดเขียวกล่าวว่า “เพราะชื่อเสียงของเขาโด่งดังเลื่องลือ ในฟ้าบุพกาลแถบนี้ หาผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปกว่าเขาไม่ได้แล้ว มีเพียงเขาที่ยืนยันได้ว่าอยู่ในมรรคาสวรรค์จริง”

นักพรตเต๋าเสินเผาขมวดคิ้ว “เพื่อชื่อเสียงหรือ”

นักพรตเต๋าชุดเขียวตอบว่า “ถูกต้อง หลังจากผานกู่ดับสูญข้าก็เริ่มฝึกบำเพ็ญ เพียงเพื่อในสักวันหนึ่ง จะสร้างชื่อสะเทือนไปทั่วฟ้าบุพกาล ยังคงต้องขอร้องให้ท่านช่วยออกหน้าสักครั้ง พวกเราจะรับคำสั่งจากท่าน ไปสังหารอริยะสวรรค์เกรียงไกรเพื่อสร้างชื่อเสียง ท่านจะได้ล้างแค้นชำระความ”

เงาร่างหลายสิบร่างที่อยู่ด้านหลังพากันเงยหน้าขึ้น มองมาที่นักพรตเต๋าเสินเผาอย่างพร้อมเพรียง

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด นักพรตเต๋าเสินเผาตื่นตระหนกขึ้นมา

เขาทราบดีว่าหากตนปฏิเสธ ต้องไม่ได้รับความปรานีแน่

แต่เขาจงรักภักดีต่อหานเจวี๋ย ไหนเลยจะทำร้ายหานเจวี๋ยได้

“เรื่องนี้ยากจะทำให้สำเร็จได้ พวกเจ้าไปเสียเถอะ”

นักพรตเต๋าเสินเผากล่าวอย่างเฉยชา อาภรณ์เขาไหวกระเพื่อมนิดๆ

นักพรตเต๋าชุดเขียวแสดงสีหน้าอับจนหนทาง จากนั้นลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อท่านไม่ยินยอม เช่นนั้นข้าคงทำได้เพียงสังหารท่านเพื่อสร้างชื่อ”

นักพรตเต๋าเสินเผาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โอหังเสียจริง เอายอดสมบัติของเจ้าออกมาให้ข้ายลโฉมหน่อยเถอะ!”

นักพรตเต๋าชุดเขียวพยักหน้า เงาร่างหลายสิบร่างด้านหลังลุกตามขึ้นมา

….

เวลาเลื่อนไหลไปดั่งกระสวยทอผ้า

ผ่านไปห้าหมื่นปี

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น มีสีหน้าพึงพอใจ

ปัจจุบันนี้เขาเคยชินกับการปิดด่านนานห้าหมื่นปีแล้ว มีแต่ทำเช่นนี้ เขาถึงจะรู้สึกว่าตบะก้าวหน้าขึ้น

หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู

[เจียงเจวี๋ยซื่อสหายของท่านตระหนักรู้ในความหมายที่แท้จริงแห่งโชค สรรค์สร้างพลังวิเศษสังหารขึ้น]

[หานทั่วบุตรชายของท่านได้รับดวงชะตาแห่งดวงจิต]

[อี๋เทียนสหายของท่านได้รับดวงชะตาแห่งดวงจิต]

[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารปีศาจบรรพกาล] x8021643

[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่าน…]

….

[ตี้เจียงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพสูงสุดหยวนสื่อสหายของท่าน]

….

[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านเข้าสู่โลกต้นกำเนิด]

[นักพรตเต๋าเสินเผาสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

….

ระยะนี้แวดวงสหายเกิดคลื่นลมแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หานเจวี๋ยอ่านอย่างได้อรรถรส

หานทั่วและอี๋เทียนได้รับดวงชะตาแห่งดวงจิต นี่หมายความว่าอย่างไร

หรือว่าเด็กสองคนนี้จะเข้าสู่มรรคาเทพ

ทำสำเร็จอย่างนั้นหรือ

เมื่อหานเจวี๋ยนึกถึงว่าบุตรชายของตนกลายเป็นดวงจิตมหามรรค เขารู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

เขาไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ลูกหลานต่างมีชะตาชีวิตของตนเอง

หลังจากหานเจวี๋ยอ่านจดหมายเสร็จ เขาเตรียมจะฝึกบำเพ็ญต่อ

ในเวลานี้เอง จอมอริยะเสวียนตูถ่ายทอดเสียงหาเขา เชิญเขาไปที่ตำหนักเอกภพ

หานเจวี๋ยลุกขึ้นมาก่อนไปปรากฏตัวที่ตำหนักเอกภพ ผู้แสวงมรรคภายในตำหนักถูกให้แยกย้ายกันไปแล้ว เหลือเพียงจอมอริยะเสวียนตูผู้เดียว

จอมอริยะเสวียนตูไม่ได้เรียกอริยะคนอื่นๆ มา พบกับหานเจวี๋ยตามลำพัง

“เกิดเรื่องกับนักพรตเต๋าเสินเผาแล้ว” จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยเสียงเบา พอพูดจบ เขาก็สังเกตสีหน้าท่าทางของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เช่นนั้นหรือ”

จอมอริยะเสวียนตูเล่าว่า “นักพรตเต๋าเสินเผาเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับคนหนึ่งที่นามว่าพรตเทพชิงเซียว เกือบพลาดท่าดับสูญไป”

พรตเทพชิงเซียวอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยสอบถาม “ข้อมูลของพรตเทพชิงเซียวล่ะ ไม่มีสักนิดเลยหรือ”

จอมอริยะเสวียนตูส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ไม่เคยได้ยินเลย ข้าถามอาจารย์ดูแล้ว ไม่ทราบเช่นกัน ฟ้าบุพกาลซับซ้อนยากหยั่ง มรรคาสวรรค์ต้องระมัดระวังตัวจริงๆ มรรคาสวรรค์ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่ในฟ้าบุพกาล กลับเล็กจ้อยเหลือเกิน”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เหตุใดเจ้าถึงนำเรื่องนี้มาบอกข้า”

จอมอริยะเสวียนตูผงะไป ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี

เขาสังเกตเห็นสีหน้าอดทนระคนค้นหาของหานเจวี๋ย พร้อมกับท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

วินาทีนั้น จอมอริยะเสวียนตูรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เขาหวาดผวา

เขาฝืนฉีกยิ้มเอ่ยไปว่า “ถึงอย่างไรระยะนี้นักพรตเต๋าเสินเผาก็ไปมาหาสู่มอบผลประโยชน์ให้มรรคาสวรรค์ไม่น้อย หากเกิดเรื่องขึ้นกับเขา ไม่แน่ว่าอาจลามมาถึงมรรคาสวรรค์ด้วย พวกเราไม่ทราบเลยว่าสรุปแล้วพรตเทพชิงเซียวมีเป้าหมายใด”

“เช่นนั้นหรือ”

“อืม”

จอมอริยะเสวียนตูฝืนวางท่าสงบนิ่ง

หานเจวี๋ยตอบว่า “ข้าทราบแล้ว ข้าจะจัดการเอง ยังมีเรื่องอื่นหรือไม่”

จะจัดการเอง!

สี่คำนี้ทำให้จอมอริยะเสวียนตูแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

ว่าแล้ว เขาเดาไว้ไม่ผิดจริงๆ นักพรตเต๋าเสินเผาเป็นคนของหานเจวี๋ยแล้ว

ถึงขั้นที่นักพรตเต๋าเสินเผาอาจจะเป็นคนของหานเจวี๋ยมาโดยตลอดเลยกระมัง

เช่นนั้นหานเจวี๋ยเป็นคนสั่งให้นักพรตเต๋าเสินเผาโจมตีมรรคาสวรรค์หรือ

หรือว่า…

อย่าได้คิดเช่นนี้เลย!

จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “หานทั่วและอี๋เทียนชิงตำแหน่งดวงจิตมาได้สองที่”

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ

จอมอริยะเสวียนตูไม่พูดอะไรอีก

หานเจวี๋ยลุกขึ้นจากไป

รอจนหานเจวี๋ยไปแล้ว จอมอริยะเสวียนตูพรูลมหายใจออกมา

‘ต่อไปห้ามหยั่งเชิงอีกเด็ดขาด เพียงแต่วาจาของเขาเมื่อครู่ก็นับว่าแสดงเจตนาดี ไม่ว่าแท้จริงแล้วเขาจะมีความทะเยอทะยานอันใด แต่มรรคาสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ นี่เป็นเรื่องดี’

จอมอริยะเสวียนตูคิดกับตัวเอง

เขารู้สึกว่าหานเจวี๋ยไม่ได้ละโมบในมรรคาสวรรค์เลย เครือข่ายของหานเจวี๋ยใหญ่โตเหลือเกิน ศิษย์ในสำนักของเขาต่างสร้างชื่อในฟ้าบุพกาลอย่างต่อเนื่อง ก่อตั้งกลุ่มอิทธิพลของแต่ละคนขึ้น

มรรคาสวรรค์อาจเป็นเพียงโล่กันธนูของหานเจวี๋ย ใช้ปกปิดความทะเยอทะยานที่แท้จริงของเขา

‘ว่าแล้วเชียว คนที่สามารถฝึกบำเพ็ญจนมาถึงระดับนี้ได้ ไม่มีทางเป็นคนจิตกุศลมีเมตตา ไม่มีทางไร้ซึ่งแผนการอย่างแท้จริง’

จอมอริยะเสวียนตูทอดถอนใจอยู่ภายในใจ

….

เมื่อกลับถึงอารามเต๋า หานเจวี๋ยเข้าฝันนักพรตเต๋าเสินเผา

ในแดนความฝัน นักพรตเต๋าเสินเผาลืมตาขึ้น ทันทีที่เห็นหานเจวี๋ย ก็คุกเข่าทำความเคารพทันที

“พูดมา เจ้าถูกโจมตีได้อย่างไร” หานเจวี๋ยเปิดปากถาม

นักพรตเต๋าเสินเผาไม่ได้ปกปิดอำพราง เล่าเรื่องที่พรตเทพชิงเซียวมาหาตนอย่างครบถ้วนชัดเจน

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าพรตเทพชิงเซียวจะมาหาเรื่องเขา นักพรตเต๋าเสินเผาได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องเขา

“ยอดสมบัติของพรตเทพชิงเซียวแข็งแกร่งมากจริงๆ สะกดอารามเต๋าของข้าเอาไว้ได้ ทำให้ข้าไร้กำลังจะขัดขืน แต่เขาอาจกังวลถึงฐานะดวงจิตมหามรรค ดังนั้นถึงไม่ได้สังหารข้า หาไม่แล้วข้าคงตายไปเร็วยิ่ง”

นักพรตเต๋าเสินเผาเอ่ยเสียงขรึม เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ จิตใจเขายังหวาดผวาอยู่

หานเจวี๋ยสอบถาม “อีกฝ่ายมีตบะระดับใด เหนือกว่าอริยะมหามรรคหรือ”

นักพรตเต๋าเสินเผาตอบด้วยความละอาย “ข้าก็ไม่แน่ใจขอรับ ยังไม่ทันสัมผัสถึงพลังเวทของเขา ก็ถูกยอดสมบัติของเขาสะกดแล้ว”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “แล้วไปเถอะ ฝึกบำเพ็ญให้ดี ครั้งหน้าหากเผชิญเรื่องแบบนี้ มาเข้าฝันข้าก่อนได้ ไม่จำเป็นต้องฝืนรับมือ”

“ขอรับ!”

เมื่อนักพรตเต๋าเสินเผาตอบรับ แดนความฝันก็สลายลง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สีหน้าที่เฉยเมยไม่แยแสก่อนหน้านี้ กลับปรากฏรอยยิ้มตื่นเต้นขึ้นมา

มาได้จังหวะนัก!

ผู้เฒ่าเพิ่งทะลวงขั้นได้พอดี!

ถึงแม้แบบจำลองการทดสอบจะตอบสนองความปรารถนาในการต่อสู้ได้ แต่ก็ไม่ใช่ของจริง

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ข้าสามารถสังหารพรตเทพชิงเซียวในเสี้ยววินาทีได้หรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

หานเจวี๋ยลังเล

สามแสนล้านปี ค่าตัวเท่าอริยะเทพอวี๋เจี้ยนก่อนหน้านี้

ระดับนี้ก็ยังกล้ามาสังหารเขาหรือ

คิดอะไรอยู่กัน!

………………………………………………………………