บทที่ 696 ราชวงศ์ซาง 2 (3)

หลังจากกล่าวเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หันกลับมาและระงับรอยยิ้มของเขา จากนั้นเขาก็วางเจดีย์เสวียนหวงเอาไว้เหนือศีรษะ แล้วโค้งคำนับต่ำอย่างยิ่ง ตรงไปทางภูเขาคุนหลุน

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวเสียงดังลั่นว่า “ศิษย์ขอวิงวอนให้ปรมาจารย์จอมปราชญ์เข้าใจกระจ่างแจ้ง!

ก่อนหน้านี้ รองเจ้าสำนักหรานเติ้งและศิษย์มีความคิดเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องเผ่าพันธุ์มังกรจนก่อให้เกิดความบาดหมางขึ้น

วันนี้ รองเจ้าสำนักหรานเติ้งตั้งใจวางแผนทำร้ายศิษย์ ศิษย์จึงได้เชิญสหายที่ดีทั้งสองคนให้มาช่วย

ศิษย์เคารพในคำสอนของท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ และจำได้เสมอว่า ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าควรทำสิ่งใด ศิษย์ไม่มีเจตนาจะล่วงเกินศักดิ์ศรีของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน!

หากท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ต้องการจะลงโทษศิษย์ ศิษย์ก็จะปฏิบัติตาม แต่ในขณะนี้ สหายที่ดีทั้งสองคนของศิษย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องๆ ในเรื่องนี้ขอรับ”

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับสามครั้ง

จ้าวกงหมิงซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ก้าวออกไปข้างหน้าพลางยิ้มและโค้งคำนับให้ภูเขาคุนหลุนเช่นกัน

ข่งเชวี่ยนครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งและเดินไปทางอีกด้านหนึ่งของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้ภูเขาคุนหลุน และกล่าวนามของเขาออกมาอย่างสงบ

“ข่งเชวี่ยนแห่งเผ่าหงส์ไม่มีเจตนาจะล่วงเกินเกียรติยศศักดิ์ศรีของท่านจอมปราชญ์”

หลังจากที่ทั้งสามโค้งคำนับแล้ว ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีม่วง พุ่งมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ!

พลังของไข่มุกเทพทะเลถูกสลายไปในทันทีด้วยรังสีแห่งแสงนั้น

รังสีแห่งแสงนั้นประกอบไปด้วยอักขระเต๋าที่ลึกลับอย่างยิ่ง จากนั้นมันก็เข้าห่อหุ้มหรานเติ้งที่ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีผนึกเอาไว้…

ทันใดนั้นหรานเติ้งก็ได้รับอิสรภาพทันที เขาก้มศีรษะลงและกระอักเลือดออกมา จากนั้นเขาก็คว้าโคมสมบัติโลงศพวิญญาณของเขาเอาไว้ทันทีในขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ทว่าในเวลานี้ ฐานพลังของเขาก็ยังคงถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีผนึกเอาไว้ และเขาก็ไร้เรี่ยวแรงพลังที่จะต่อสู้ นี่เป็นการเคลื่อนไหวของจอมปราชญ์หยวนสือ[1]หรือไม่?

เขาทำลายไข่มุกเทพทะเลและแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีได้อย่างง่ายดายยิ่ง!

มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับนักพรตเต๋าผู้หนึ่งที่ต้องวางแผนทำร้ายข่งเชวี่ยนเพื่อเอาชนะ!

ในขณะนั้นเอง กระเรียนขาวอีกตัวก็บินมาจากทางทิศตะวันตกโดยมีชายชราที่มีหน้าตาดูแปลกประหลาดยืนอยู่บนนั้น

เหตุใดถึงแปลกประหลาด?

หน้าผากของชายชราดูเหมือนจะถูกหินกระแทก มันบวมปูดออกมาข้างหน้า

นอกจากนั้น ชายชราผู้นี้ยังมีท่าทางใจดี และเขาถือไม้เท้าท้อเอาไว้ในมือ

เขาไม่ได้เปิดเผยร่องรอยอักขระเต๋าใดๆ ในตัวเขา แต่มีรัศมีมงคลบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวเขา ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบสุขและสบายใจ

หนานจีเซียนเวิง!

ปรมาจารย์ที่ซ่อนเร้นแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน!

วิญญาณที่ฝึกบำเพ็ญกับจอมปราชญ์หยวนสือเทียนจุนในลานเล็กๆ ของซันชิง[2] แล้วเขาจะอ่อนแอได้อย่างไรกัน?

ผู้อาวุโสเซียนหรี่ตาและแย้มยิ้ม แล้วในพริบตา เขาก็มาถึง แล้วโค้งคำนับทักทายให้หลี่ฉางโซ่ว จ้าวกงหมิง และข่งเชวี่ยน

หนานจีเซียนเวิงกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ข้ามาที่นี่ตามคำบัญชาของท่านอาจารย์ ท่านให้พารองเจ้าสำนักหรานเติ้งกลับไปที่วังอวี่ซวี เทพวารี ฉางเกิง เจ้าสามารถจัดการเรื่องได้ด้วยตัวเจ้าเอง”

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับไปที่ภูเขาคุนหลุนอีกครั้ง

“ศิษย์ขอขอบคุณท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ที่เข้าใจขอรับ”

หนานจีเซียนเวิงยิ้มอีกครั้งและกล่าวว่า “ศิษย์น้องฉางเกิง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ท่านอาจารย์มักจะชมเชยเจ้าอยู่บ่อยๆ

ในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน มีศิษย์ไม่มากนัก เจ้าสามารถช่วยท่านอาจารย์ลุงใหญ่แก้ปัญหาของท่าน ช่วยศาลสวรรค์ และรักษาระเบียบของเต๋าสวรรค์ได้

ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถแบกรับภาระของสำนักบำเพ็ญเต๋าได้

หากฉางเกิงไม่มีเรื่องใดทำ ก็มานั่งพูดคุยกันที่วังอวี่ซวีบ้างเถิด”

หลี่ฉางโซ่วดูปีติยินดีทันที แล้วโค้งคำนับให้หนานจีเซียนเวิงอีกครั้งพลางร้องตะโกนว่า “ขอบคุณศิษย์พี่เซียนเวิงที่ชี้แนะ ข้าจะไปภูเขาคุนหลุนเมื่อมีเวลาอย่างแน่นอนขอรับ”

อืม ข้าจะทำให้ตัวเองไม่มีเวลาว่างตลอดเวลา

“ดี ” หนานจีเซียนเวิงยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็มองไปที่หรานเติ้งที่ยุ่งเหยิงอยู่ข้างๆ เขา

แม้เซียนเวิงจะอ่อนโยนและรอบรู้ แต่ในเวลานี้ ใบหน้าแดงสดใสที่มีเลือดฝาดของเขาก็อดจะสั่นสะท้านเล็กน้อยไม่ได้

อย่างไรเสีย เขาก็เป็นผู้ทรงพลังแข็งแกร่งในสมัยโบราณ แล้วเหตุใดกัน…

“รองเจ้าสำนัก เรื่องในวันนี้ เป็นเพียงความเข้าใจผิด พวกเรากลับไปพักผ่อนที่ภูเขาคุนหลุนกันเถิด”

ในขณะนั้น หรานเติ้งรู้สถานการณ์ที่เขาอยู่ เขาจึงฝืนสงบสติอารมณ์ตัวเองและเก็บสมบัติที่วางอยู่ข้างตัวเขาเงียบๆ

ไม่ถามว่าหอคอยของเขาไปทางไหนหรือทำไมสมบัติถึงลดลงหนึ่ง เขาหันหลังกลับและบินไปทางภูเขาคุนหลุน

เขาไม่ได้ถามว่าเจดีย์ของเขาหายไปที่ใด หรือไฉนสมบัติส่วนใหญ่ของเขาจึงหดหายลงไปกว่าครึ่ง เขาเพียงหันหลังกลับ แล้วบินไปทางภูเขาคุนหลุนเท่านั้น

“รองเจ้าสำนักหรานเติ้ง!”

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตะโกนเสียงดังลั่น

เขาเอาไม้เฉียนคุนที่อ่อนกำลังจากมือของข่งเชวี่ยนมา แล้วใช้พลังเซียนของเขาเพื่อผลักดันมันออกไป

“เจ้าทำไม้ของเจ้าหล่น!”

หรานเติ้งกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ทำเพียงแค่หันศีรษะไปและยิ้มให้เท่านั้น

“ขอบคุณ”

กล่าวจบ หรานเติ้งก็ดึงไม้เฉียนคุนกลับคืนมา แล้วหันกลับ จากนั้นเขาก็กลับไปที่วังอวี่ซวีพร้อมกับหนานจีเซียนเวิง

และก่อนที่หรานเติ้งและหนานจีเซียนเวิงจะบินห่างไกลออกไป หลี่ฉางโซ่วก็ส่งเสียงพึมพำดังกึกก้องไปทั่วหล้า…

“เฮ้อ ในด้านการควบคุมตัวเองแล้ว ข้ายังด้อยกว่าปรมาจารย์อาวุโสยิ่งนัก”

หรานเติ้งยกมือขึ้นประคองหน้าอก จริงๆ เลย เขาแทบจะกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง

เมื่อกระเรียนขาวพาหนานจีเซียนเวิง บินหายลับไปในขอบฟ้าพร้อมกับหรานเติ้งแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่สำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานที่อยู่ด้านล่าง

จากนั้นเขาก็ก่อเมฆ แล้วนำจ้าวกงหมิงและข่งเชวี่ยนร่อนลงมาพร้อมกัน…

บรรดาเซียนจากสำนักเซียนเต๋าเวยล้วนไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ในขณะนั้น พวกเขาตระหนักอย่างเศร้าใจว่า บัดนี้เทพวารีสามารถออกคำสั่งใดๆ กับพวกเขาได้ตามใจต้องการ

เต๋าเวยจื่อแห่งวังอวี่ซวีทักทายเขาก่อน เขาเผยทั้งรอยยิ้มที่จริงใจและดูหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ทำให้สำนักเซียนเต๋าเวยต้องลำบากใจแต่อย่างใด และเขาก็ไม่ได้ใช้บีบบังคับเข้าแทรกแซงในการรบพุ่งของอาณาจักรหงหลิน

โชคชะตาแห่งอาณาจักรหงหลินได้ล่มสลายลง และรากฐานโชคชะตาแห่งอาณาจักรก็หายไปแล้ว

สิ่งเดียวที่หลี่ฉางโซ่วทำได้ก็คือ เพียงปล่อยให้สำนักเซียนเต๋าเวยควบคุมทั้งสองเผ่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

เขาสั่งไม่ให้พวกเขาทำบาปใดๆ ไปมากกว่านี้อีก และไม่เข่นฆ่าผู้ใดก็ตามที่ยอมจำนน

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังบอกให้พวกเขาไว้ชีวิตสายโลหิตสืบสานขององค์ราชาแห่งอาณาจักรหงหลินไปด้วย