ตอนที่ 795 ราชสำนักนองเลือด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 795 ราชสำนักนองเลือด

บางทีอาจเป็นเพราะหลู่เซียงยังคงมีความหวังในตัวจักรพรรดิต้าจิ้นอยู่บ้าง เขาจึงหันไปกล่าวกับเสิ่นจิ้งจง “ไม่แน่เหมือนกัน ฝ่าบาทอาจทรงมีประสงค์ให้เด็กเหล่านั้นขึ้นไปขอพรบนหอบูชาเก้าชั้นพร้อมกับพระองค์อย่างเดียวก็ได้ มิเช่นนั้นหากเด็กชายและเด็กหญิงห้าร้อยคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ฝ่าบาทก็คงไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้กับทุกคนเช่นไร”

หลู่เซียงยิ่งกล่าวยิ่งเริ่มไม่มีความมั่นใจ จักรพรรดิต้าจิ้นในตอนนี้เกรงกลัวคำครหาของคนในใต้หล้าอย่างนั้นหรือ แน่นอนว่าไม่

“เราทูลเรื่องนี้ให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงทราบดีหรือไม่ขอรับ ข้ารู้สึกว่าองค์รัชทายาททรงเชื่อคำขององค์หญิงเจิ้นกั๋วมาก บางทีนางอาจเกลี้ยกล่อมองค์รัชทายาทได้นะขอรับ” เสิ่นจิ้งจงกล่าว

หลู่เซียงส่ายหน้า “องค์รัชทายาทอาจรับฟังคำขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า องค์รัชทายาทของเราผู้นี้ไม่กล้าขัดพระบัญชาของฝ่าบาทอย่างแน่นอน!”

เมืองหาน แคว้นต้าเหลียง

สูตรยารักษาโรคระบาดสองสูตรถูกส่งมาให้จักรพรรดิต้าเหลียงติดต่อกัน ประเด็นสำคัญคือสูตรยาสองสูตรนี้ล้วนได้มาจากแคว้นต้าจิ้น

ขุนนางบางคนในราชสำนักกล่าวว่าจ้าวเซิ่งทรยศแผ่นดิน ควรได้รับโทษประหารทั้งตระกูล

ขุนนางบางคนกล่าวว่าแม้จ้าวเซิ่งถูกจับเป็นเชลย ทว่า เขายังหาทางหาสูตรยารักษาโรคระบาดมารักษาชาวบ้านต้าเหลียงได้ แสดงว่าตระกูลจ้าวยังคงจงรักภักดีต่อแคว้นต้าเหลียงอยู่ จ้าวเซิ่งต้องแสร้งทำเป็นยอมจำนนกับต้าจิ้นเพื่อหลอกเอาสูตรยามาให้ต้าเหลียงอย่างแน่นอน หากประหารตระกูลจ้าวทั้งตระกูลโดยไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดอาจทำให้จ้าวเซิ่งผิดหวังและหันไปเข้าร่วมกับฝ่ายศัตรูขึ้นมาจริงๆ ก็ได้

ขุนนางในราชสำนักโต้เถียงกันไม่หยุด องค์ชายสามลุกขึ้นยืนกล่าวกับจักรพรรดิต้าเหลียง “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าแม่ทัพจ้าวจงรักภักดีต่อต้าเหลียง แม่ทัพจ้าวไม่มีทางทรยศแผ่นดินต้าเหลียงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญมารดา ภรรยาและบุตรของแม่ทัพจ้าวล้วนยังอยู่ในเมืองหาน แม่ทัพจ้าวจะทอดทิ้งพวกเขาโดยไม่ใยดีได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อจะสั่งประหารตระกูลจ้าวทั้งตระกูลไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นแม่ทัพจ้าวอาจผิดหวังในตัวพวกเรา ลูกคิดว่าเราควรสั่งให้ทหารไปล้อมจวนจ้าวและควบคุมตัวคนในตระกูลจ้าวไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

อัครมหาเสนาบดีชราของต้าเหลียงพยักหน้า “องค์ชายสามตรัสถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางคนหนึ่งเห็นจักรพรรดิกำลังก้มพิจารณาสูตรยาในหนังแกะอย่างละเอียด เขาจึงก้าวไปด้านหน้าพลางกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท ในเมื่อกองทัพต้าจิ้นมอบสูตรยารักษาโรคระบาดให้พวกเราเช่นนี้ กระหม่อมคิดว่าบางทีต้าจิ้นอาจไม่อยากทำสงครามกับเราต่อแล้ว ฝ่าบาททรงถือโอกาสนี้เจรจาสงบศึกกับต้าจิ้นดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เมื่อแคว้นของเราพักฟื้นเรียบร้อย รักษาโรคระบาดในแคว้นจนหายขาดแล้ว พวกเราค่อยยกทัพบุกไปยังต้าจิ้นเพื่อแก้แค้นให้องค์ชายสี่ในภายหลังพ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางผู้นั้นรู้ดีว่าใจของจักรพรรดิต้าเหลียงเต็มไปด้วยความแค้น เขาจึงกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง

จักรพรรดิต้าเหลียงเงยหน้ามองดูขุนนางผู้นั้นแวบหนึ่ง จากนั้นตวาดขึ้นด้วยความโมโหทันที “รอให้โรคระบาดหายขาดก่อนค่อยยกทัพบุกไปโจมตีต้าจิ้นอย่างนั้นหรือ! ถึงเวลานั้นพวกเจ้าก็จะอ้างว่าเงินในคลังสมบัติมีไม่เพียงพอ เราไม่รู้จักนิสัยของพวกเจ้าหรืออย่างไรกัน! นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากผู้ใดกล้าเสนอให้เรายอมก้มหัวเจรจาสงบศึกกับต้าจิ้น เก็บความแค้นไว้ชำระวันหน้าอีก เราจะสังหารบุตรชายของพวกเจ้าเสีย พวกเจ้าจะได้เข้าใจความรู้สึกของเราบ้าง!”

เมื่อขุนนางคนนั้นได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ เขาทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเข่าอ่อนทันที “กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิต้าเหลียงสะบัดชายเสื้อจากไปทันที องค์ชายสามทำได้เพียงพยุงขุนนางผู้นั้นขึ้นมาพลางกล่าวปลอบโยน เขาจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นไปขอร้องให้จักรพรรดิต้าเหลียงประกาศราชโองการ

เมื่อองค์ชายสามเดินออกมาจากตำหนักของจักรพรรดิต้าเหลียง ราชโองการของจักรพรรดิต้าเหลียงก็ตามออกมาติดๆ

จักรพรรดิต้าเหลียงมีราชโองการสั่งให้ควบคุมตัวคนในตระกูลจ้าวเอาไว้ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าออกจวนจ้าวจนกว่าแม่ทัพจ้าวเซิ่งจะกลับมาถึงเมืองหลวง

ทว่า ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อทหารองครักษ์รักษาพระองค์ไปถึงจวนจ้าว พวกเขาจะได้รับรายงานว่าจ้าวเหล่าไท่จวินพาทุกคนในจวนจ้าวกลับไปยังบ้านเกิดของตัวเองตั้งแต่ห้าวันที่แล้ว ทหารรักษาพระองค์รีบกลับไปรายงานจักรพรรดิต้าเหลียงทันที

จักรพรรดิต้าเหลียงบันดาลโทสะ ประกาศราชโองการให้จับตัวญาติห่างๆ ของจ้าวเซิ่งในสามรุ่นไปขังคุกไว้ทั้งหมด จากนั้นส่งคนไปตามจับตัวครอบครัวของจ้าวเซิ่งกลับมา

เมื่อครอบครัวของจ้าวเซิ่งหนีไปจากเมืองหลวง จ้าวเซิ่งจึงโดนข้อหาทรยศแผ่นดินอย่างดิ้นไม่หลุด ทว่า จักรพรรดิต้าเหลียงมีสิ่งที่ทำให้ปวดศีรษะตามมาอีก

เมื่อหมอหลวงวิเคราะห์สูตรยาทั้งสองสูตรที่จักรพรรดิต้าเหลียงมอบให้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงใช้สูตรยาทั้งสองสูตรนี้รักษาอาการป่วยของชาวบ้านในเมืองหาน เมื่อทานยาได้สามวัน อาการของชาวบ้านเหล่านั้นเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

ทว่า ชาวบ้านที่ทานยาซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรราคาแพงฟื้นตัวดีกว่าชาวบ้านอีกกลุ่มที่ทานยาซึ่งปรับส่วนผสมให้มีราคาถูกลงแล้ว ทว่า สูตรยาทั้งสองล้วนมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคระบาด

หมอหลวงถวายสูตรยาทั้งสองสูตรให้จักรพรรดิต้าเหลียง พวกเขาพบกับปัญหาใหม่อีกครั้ง ในส่วนผสมของยาทั้งหมดมีสมุนไพรอยู่ตัวหนึ่งที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดนั่นก็คือหวงเฉิน

ต้าเหลียงปลูกหวงเฉินเช่นเดียวกัน ทว่า เก็บผลผลิตได้น้อยกว่าแคว้นอื่น ดังนั้นหวงเฉินจึงมีราคาสูงในแคว้นต้าเหลียง ทว่า นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ทุกแคว้นมีการติดต่อค้าขายกัน พ่อค้าต่างแคว้นมักนำหวงเฉินเข้ามาขายในต้าเหลียงอยู่เสมอ ต้าเหลียงมีเขตแดนติดกับต้าจิ้น ดังนั้นหวงเฉินส่วนใหญ่ในต้าเหลียงล้วนได้มาจากแคว้นต้าจิ้น

บัดนี้ต้าเหลียงมีหวงเฉินมากพอที่จะส่งไปให้ทหารที่ด่านหน้า ทว่า หากต้องใช้หวงเฉินรักษาอาการป่วยของชาวบ้านที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ปริมาณของหวงเฉิงไม่มีทางเพียงพอต่อชาวบ้านเหล่านี้ หากต้องให้จักรพรรดิต้าเหลียงเลือก พระองค์จะเลือกเช่นไรกันนะ…

พระองค์จะเลือกสู้รบกับต้าจิ้นให้ตายกันไปข้างหนึ่งหรือจะเลือกเจรจาสงบศึกกับต้าจิ้นเพื่อขอหวงเฉินมารักษาชีวิตของชาวบ้านกันแน่

จักรพรรดิต้าเหลียงปฏิเสธการเจรจาสงบศึก รับสั่งให้คนค้นหาหวงเฉินทั้งหมดในแคว้น จากนั้นส่งไปยังด่านหน้า ให้ทหารต้าเหลียงมีกำลังมากพอในการต่อสู้ต้านทานแคว้นต้าจิ้น

ในที่สุดองค์ชายสามที่อ่อนแอมาโดยตลอดก็ไม่เกรงกลัวอำนาจบารมีของจักรพรรดิต้าเหลียงอีกต่อไป เขากล่าวคัดค้านจักรพรรดิต้าเหลียงในที่ประชุมว่าราชการตอนเช้า “เสด็จพ่อ ทหารที่ปกป้องดินแดนให้เราอยู่ตอนนี้ล้วนเป็นชาวบ้านมาก่อนทั้งสิ้น หากเสด็จพ่อไม่สนพระทัยชีวิตของชาวบ้านเหล่านั้น การที่เราสูญเสียชาวบ้านไปก็เท่ากับเราสูญเสียกำลังทหารไปด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ หากไม่มีทหารใหม่มาทดแทนทหารเก่าที่เสียชีวิตในสงคราม ถึงเวลานั้นแคว้นต้าเหลียงของเราต้องดับสูญแน่พ่ะย่ะค่ะ! สถานการณ์ของต้าเหลียงย่ำแย่ถึงจุดนี้แล้ว เสด็จพ่อยังไม่ยอมเจรจาสงบศึกกับต้าจิ้นอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อจะทรงรอให้แคว้นของเราต้องดับสูญ กลายเป็นแคว้นที่ไร้ผู้ปกครองไร้ชาวบ้านก่อนเสด็จพ่อถึงจะพอพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ!”

จักรพรรดิต้าเหลียงเขวี้ยงกระถางธูปหอมใส่องค์ชายสามด้วยความโมโห องค์ชายสามหลบไม่ทัน บาดแผลคราวที่แล้วที่เพิ่งหายดีไม่นานถูกกระแทกจนเลือดไหลออกมาอีกครั้ง

ทว่า องค์ชายสามกลับลุกขึ้นยืนอย่างไม่ใส่ใจเลือดที่ศีรษะของตัวเอง แววตาที่มองไปทางจักรพรรดิต้าเหลียงเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและหดหู่ “เสด็จพ่อทรงเป็นจักรพรรดิของแผ่นดิน ทว่า กลับไม่สนพระทัยชีวิตของชาวบ้านและทหารในแคว้น คิดแต่จะแก้แค้นให้น้องสี่ เสด็จพ่อยังคู่ควรจะเป็นจักรพรรดิแห่งต้าเหลียงอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ!”

“บังอาจนัก!” แววตาของจักรพรรดิต้าเหลียงวาวโรจน์

“เสด็จพ่อทรงเป็นผู้ให้ชีวิตลูกมา นี่เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ลูกบังอาจต่อหน้าเสด็จพ่อเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ! ลูกทนไม่ได้ที่เสด็จพ่อไม่ยอมเจรจาสงบศึกกับต้าจิ้นจนชาวบ้านของต้าเหลียงต้องเดือดร้อน ลูกทนไม่ได้ที่จะเห็นแคว้นต้าเหลียงต้องดับสูญ ลูกขอลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงรักษาพระวรกายด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบ องค์ชายสามผู้มีร่างอ้วนท้วมวิ่งเอาศีรษะไปชนเสาใหญ่กลางท้องพระโรงทันที

อัครมหาเสนาบดีชราเบิกตาโพลง “ห้ามองค์ชายสามเร็วเข้า!”

ทันใดนั้น แม่ทัพคนหนึ่งวิ่งไปกระแทกร่างขององค์ชายสามที่กำลังวิ่งไปชนเสาอย่างแรงจนองค์ชายสามเซล้มไปบนพื้น ศีรษะของเขายังไม่ทันกระแทกเสา เลือดยังไม่นองราชสำนัก

ขุนนางส่วนหนึ่งวิ่งเข้าไปคุกเข่ากอดร่างขององค์ชายสามเอาไว้พลางร้องไห้ขอร้องไม่ให้องค์ชายสามทำเช่นนี้