บทที่ 799 มีอะไรให้ภาคภูมิใจ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 799 มีอะไรให้ภาคภูมิใจ

บทที่ 799 มีอะไรให้ภาคภูมิใจ

ไม่คิดว่าตกเย็น เสี่ยวเถียนจะกลับบ้านมา พร้อมทั้งฮั่วซือเหนียนและเซี่ยหนาน

เซี่ยหนานมาถึงถนนเส้นนี้เพิ่งจะรู้ว่าหออีหมิงที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเป็นของครอบครัวซูเสียวเถียน

บ้านเธอเปิดร้านอาหารหรือ? ทีแรกคิดว่าเป็นครอบครัวข้าราชการระดับสูงเสียอีก ไม่คิดเลยว่าตนเองจะเดาผิด

เซี่ยหนานอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิม เด็กในตระกูลพ่อค้าเดินทางมาจากตะวันตกเฉียงเหนือเก่งขนาดนี้ได้ยังไง?

ก่อนหน้านี้คนที่บ้านได้ยินว่าเสี่ยวเถียนจะเข้าร่วมการเดินขบวนทหารเหมือนที่ต่งหยวนจงบอก พอได้เจอจริง ๆ เจ้าตัวบอกจะเข้าร่วมขบวนรถแห่แทน พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อ

“เสี่ยวเถียนเก่งกว่าที่ทุกคนคิดอีกนะ” ฮั่วซือเหนียนยิ้ม “อย่างที่ได้รับคำเชิญเลย เธอมีคุณสมบัติตรงตามทุกอย่าง”

ร่วมเดินขบวนทหารมีอะไรดี? ต้องฝึกกลางแดดจ้าทุกวัน

“เสี่ยวเถียน คุณจะเข้าร่วมขบวนรถของฝ่ายไหนหรือ?” เซี่ยหนาน

เพราะไม่รู้ว่าอนาคตเด็กหญิงจะทำอาชีพอะไร แต่ยังไงเธอก็มีอนาคตอันสดใสอยู่แล้ว ทางเลือกในวันนี้ อาจทำให้มองเห็นเส้นทางในอนาคตก็ได้

เสี่ยวเถียนขมวดคิ้วและคิดอยู่นาน

“หนูเข้าร่วมรถแห่เกษตรกรรมดีกว่าค่ะ!”

“ทำไมล่ะ?” เซี่ยหนานสนใจ

เข้าร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศไม่ดีกว่าเหรอ?

“พี่สามกับพี่เสี่ยวเหมยอาจอยู่บนรถเหมือนกันค่ะ”

ฮั่วซือหนานหัวเราะ

ส่วนเซี่ยหนานประหลาดใจ

สาวน้อยคนนี้หมายความว่า พี่ชายเธอเป็นนักวิทยาศาสตร์การเกษตรสินะ ก็เลยเข้าร่วมขบวนรถเหมือนกันได้? อย่างที่บอกหลายปีที่ผ่านมา คนเก่งลดน้อยลง แถมคนที่มีอยู่ก็ใช่ว่าจะได้เข้าร่วมกันทุกคนด้วย

“แล้วเธอไม่คิดเหรอว่าพี่ใหญ่อาจจะอยู่บนรถของกระทรวงต่างประเทศน่ะ?” ฮั่วซือเหนียนไม่ได้รู้ถึงความคิดอาจารย์เซี่ย เลยถามด้วยความสนใจ

เสี่ยวเถียนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท แต่มันใช่เรื่องสำคัญด้วยหรือ?

แล้วเซี่ยหนานก็ต้องตกใจอีกครั้ง ครอบครัวนี้เป็นยังไงกันแน่เนี่ย มีพี่ชายที่อาจจะเข้าร่วมขบวนรถแห่งอื่นด้วยหรือ?

ไม่แปลกใจที่สาวน้อยจะเก่งขนาดนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเก่งกันทั้งบ้านเลย

ตอนที่ฉืออี้หย่วนทราบเรื่องราว เสี่ยวเถียนก็กลับไปบ้านแล้ว

เขามาหาน้องที่ใต้ตึก แต่ก็ต้องพบเจอกับความผิดหวัง ยิ่งนึกถึงที่เธอได้รับความอยุติธรรมก็ยิ่งรับไม่ได้ เขาไม่แข็งแกร่งพอจะปกป้องเธอเลย

แต่โชคดีที่รอบกายเด็กคนนี้มีคนคอยปกป้องอยู่

เขาตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะรีบพัฒนาตัวเองเพื่อปกป้องคนที่อยากปกป้องให้ได้

ในวันชาติ เสี่ยวเถียนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมขบวนรถแห่

ประเทศของเราให้ความสำคัญกับเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก และรถแห่ที่พวกเขาใช้เป็นคันแรกของปีเลยด้วย เป็นที่จับตามองของทุกคนเลย

นักวิทยาศาสตร์การเกษตรทั้งสามรุ่นที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านั้นได้เปลี่ยนเป็นสี่ทันที มีผู้สูงวัย วัยกลางคน เยาวชน และเด็ก จากการเข้าร่วมของเสี่ยวเถียน

หลังจากที่น้ำเสียงไพเราะของหญิงสาวแนะนำคนทั้งสี่รุ่นผ่านเครื่องเสียง และมันมีชื่อเสี่ยวเถียนในนั้นด้วย

นักวิทยาศาสตร์การเกษตรที่อายุน้อยที่สุด!

ถูกต้อง อายุน้อยที่สุด!

เด็กคนนั้นที่ทำให้แม้แต่ผู้นำบนหอคอยยังยืนตะลึงงัน

ประเทศเรามีนักวิทยาศาสตร์การเกษตรเด็กขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

พอพวกผู้นำสังเกตเห็นก็ต้องถามถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถึงเวลาให้ต่งหยวนจงคุยโวโอ้อวดแล้วถึงจะเป็นโอกาสทางการแต่เขาพยายามระงับความลำบากใจเอาไว้ ทว่าคนอื่น ๆ ก็ยังเห็นอยู่ดี

ชายชราเมินเฉยต่อท่าทางคนพวกนั้น เขาแค่อยากเรียกคะแนนให้เสี่ยวเถียนกับพวกผู้นำเท่านั้น

สุดท้ายก็ทนไม่ไหว “เด็กคนนี้มาจากชนบทน่ะ ซื่อตรง กระตือรือร้นในเรื่องการเกษตร เลยปฏิเสธคำเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศ! เธอพูดภาษาต่างประเทศได้ฉลุยกว่าหนุ่มสาวที่นั่นอีก”

คนรอบข้างต่างจ้องมองด้วยสีหน้าที่แตกต่าง บางส่วนอิจฉา บางส่วนริษยา บางคนก็ว่าเขาโม้

“เหล่าต่ง ทำไมพูดจาเลื่อนลอยขนาดนั้น?”

ได้ยินว่าเด็กสาวเข้าร่วมทีมวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเสิ่นจื่อเจินนี่นา

ทุกคนรู้กันทั้งนั้นว่าชายคนนี้แต่งภรรยาตอนถูกส่งตัวไปชนบท แถมยังแซ่ซูเหมือนกัน อาจจะเป็นญาติกันก็ได้

“มีตรงไหนเลื่อนลอยล่ะ ไม่เข้าใจก็อย่ามาพูดมั่วซั่วสร้างความเกลียดชัง!” ต่งหยวนจงเอ่ยกลับอย่างไม่เกรงใจ

ไม่ได้กินองุ่นแต่เที่ยวบอกว่ามันเปรี้ยว*[1]ได้เฉยเลย

หลานตัวเองไม่ได้เรื่อง เรื่องนี้ใคร ๆ ก็รู้ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? พออย่างนี้ก็มาอิจฉาเถียนเถียนหลานรักของเราล่ะสิ! แต่ต่งหยวนจงลืมไปเลยว่า ฝ่ายนั้นไม่ได้อิจฉาอะไรครอบครัวเขาเลย

เสี่ยวเถียนเป็นหลานบ้านซู ไม่ใช่หลานบ้านต่ง!

“สหายต่ง เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกหลานคุณเสียหน่อย ทำไมถึงได้ภาคภูมิใจขนาดนั้น?”

บางคนทนไม่ไหว

“เด็กคนนี้ก็เหมือนกับลูกหลานฉันนั่นล่ะ ก่อนหน้านี้เคยถามไม่ใช่เหรอว่าห้องสีชมพูในบ้านคือห้องใคร? ขอบอกเลยนะ ว่ามันคือห้องของเสี่ยวเถียน” ต่งหยวนจงภูมิใจสุด ๆ

ตอนนั้นตาแก่นี่มันหัวเราะเยาะเขาว่า ไม่มีหลานสาวเสียหน่อยแล้วเตรียมห้องสีชมพูไปทำไม

ตอนนั้นโกรธมากจนไม่ได้แนะนำเสี่ยวเถียนให้รู้จัก แต่แล้ววันนี้ก็ได้ระบายความในใจออกมาเสียที!

ขบวนรถแห่เคลื่อนผ่านไปอย่างช้า ๆ ระยะทางไกลขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าตรงนี้มีกลุ่มผู้นำทะเลาะเรื่องของเด็กผู้หญิงคนเดียวอยู่

แต่หลังจากวันนี้ไปชื่อซูเสี่ยวเถียนจะเป็นที่รู้จักของคนในเมืองหลวง ไม่ใช่ว่าไม่มีเด็กเข้าร่วมการเดินขบวนในครั้งนี้นะ แต่เพราะไม่มีเดินร่วมรถแห่ต่างหาก!

และเสี่ยวเถียนเป็นแค่คนเดียวเท่านั้น

ตอนอธิการมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงเห็นเด็กสาวบนรถก็รู้สึกไม่สบายใจมาก ไม่รู้เพราะอะไร ข่าวที่เราไม่ได้รับเด็กคนนี้เข้าร่วมเดินขบวนแพร่สะพัดไปทั่ว

มีตาแก่หลายคนที่มาหาแล้วบอกว่า เขาทำตัวสบายเกินไปจึงไม่ได้รู้ว่ามีเพชรเม็ดงามอยู่ในมือ

ใช่แล้ว มันคือเพชรเม็ดงามเลยนะ ไม่ใช่เพชรหยาบ!

แต่ละอุตสาหกรรมเริ่มเปล่งประกายออกมาแล้ว มีแค่มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงเท่านั้นที่ไม่ใช่แค่ไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ยังทำให้เกิดคลื่นความไม่พอใจขึ้นด้วย!

ที่จริงอธิการไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเซียวหย่วนหยางถึงพุ่งเป้าไปที่เด็กใหม่ที่เก่งกาจคนนั้น

ไม่ได้การ มหาวิทยาลัยเราไม่ต้องการคนแบบนี้หรอกนะ

เพราะเขาไม่สามารถอธิบายเรื่องราวได้ และไม่สามารถหาเหตุผลได้ จึงทำให้เด็กเก่ง ๆ แบบนั้นเกิดความสงสัยต่อมหาวิทยาลัย

หากรองอธิการยังอยู่ นักศึกษาจะสูญเสียความไว้วางใจในเรา!

อธิการไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะร้องเรียนเรื่องนี้

แต่การที่โดนแบบนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นแย้งทั้งนั้นละ