บทที่ 863 รัชทายาทเป็นดั่งข่าวลือ
ซูอันตกตะลึง
ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าพูดถูก กบไม่กระโดดขณะใส่กางเกงจริง ๆ!
เขามองไปตามทิศทางที่มาของเสียงนั้นและเห็นคนอ้วนตัวใหญ่ยืนอยู่ริมสระน้ำกำลังชี้นิ้วไปที่ขันทีหนุ่มหลายคนแล้วก่นด่า ขันทีหนุ่มทั้งหมดกำลังหมอบแนบอยู่ที่พื้น ภาพนี้คล้ายกับฉากที่อ้าวเอี้ยงฮงในซีรีส์เรื่องมังกรหยกกำลังฝึกเคล็ดวิชาลมปราณคางคกไม่มีผิด!
อย่างไรก็ตาม ดูจากสีหน้าที่น่าสังเวชของบรรดาขันที ซูอันสามารถบอกได้ว่าขันทีพวกนี้ถูกบังคับให้ทำเช่นนี้
จากรูปร่างหน้าตาของเจ้าอ้วน เขาไม่ได้ดูฉลาดเท่าไร แต่กลับดุขันทีเหมือนปู่ดุหลาน และพวกขันทีก็เอาแต่ก้มศีรษะลงเพื่อขออภัย ไม่มีสักคนเดียวที่กล้าแสดงกิริยาท้าทาย
เจ้าอ้วนแต่งตัวด้วยชุดสีเหลืองและดูเหมือนจะมีมังกรปักอยู่บนเสื้อผ้าของเขา
นี่คงไม่ใช่จักรพรรดิใช่ไหม?
ซูอันปฏิเสธความคิดนี้ทันที หากผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งของโลกดูเหมือนเด็กปัญญาอ่อน โลกนี้ก็คงใกล้ถึงจุดจบแล้ว…!
จากนั้นเขาก็จำข่าวลือเกี่ยวกับรัชทายาทได้ ชายผู้สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในวังชั้นในและแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีเหลืองลายมังกร…จะเป็นใครได้อีก?!
ฉู่ชูเหยียนเคยบอกกับเขาว่าองค์ชายรัชทายาทมีนามว่าจ้าวรุ่ยจื่อ
“หืม? เฮ้! เจ้าขันทีตัวน้อยนั่น รีบมาหาข้าที่นี่เดี๋ยวนี้!” ในเวลานี้รัชทายาทสังเกตเห็นซูอันและเรียกเขา
ซูอันพูดไม่ออก เจ้าตาบอดหรือเปล่า? บุคลิกของข้าองอาจเป็นชายชาตรีอย่างสุดขีดขนาดนี้ เจ้ากล้ามองว่าข้าเป็นขันทีได้อย่างไร!?
แต่ในเมื่อตอนนี้ตัวเองก็ไม่มีอะไรให้ทำ เขาจึงคิดว่าการทำความรู้จักกับรัชทายาทองค์นี้ก็ไม่เสียหายอะไร
เขาสาวเท้าเข้าไป
ขันทีคนอื่นมองเขา “บังอาจ! เจ้าคือใคร? กล้าดีอย่างไรบุกเข้ามาในวังชั้นใน!?”
องค์รัชทายาทดูไม่ออก แต่คนอื่นรู้ดีว่าคนผู้นี้ไม่มีทางเป็นขันทีไปได้
หรือว่าเขาเป็นนักฆ่า?
พระราชวังหลวงมีผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังมากมาย มีเวรยามแน่นหนามาก นักฆ่าสามารถเข้ามาได้อย่างไร?
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นทายาทของเสนาบดีสักคนที่เข้ามาด้วยคำสั่งของจักรพรรดิ เมื่อคิดได้เช่นนี้พวกขันทีจึงไม่กล้าเรียกซูอันว่านักฆ่าอย่างเปิดเผย
ซูอันกำลังจะอธิบายตัวเอง แต่ชายอ้วนตวาดอย่างไม่พอใจซะก่อน “หุบปาก! กบพูดได้ด้วยเหรอ?”
บรรดาขันทีหุบปากอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าขมขื่น
คนอ้วนพูดต่อ “แล้วกางเกงของเจ้าล่ะ? กบใส่กางเกงด้วยเหรอ? ถอดออกให้หมด!”
ซูอันกล่าวเสริมว่า “ไม่ใช่แค่กางเกง กบก็ไม่ใส่เสื้อเหมือนกัน”
เจ้าอ้วนยิ้มแฉ่งราวกับได้พบคนถูกใจทันที “เจ้าพูดถูก! ทำไมข้าคิดไม่ออกแต่แรกนะ! สวีน้อย เหอน้อย ถอดเสื้อผ้าของพวกเจ้าออกให้หมด!”
พวกขันทีเหลือบมองซูอันอย่างขุ่นเคือง รอก่อนเถอะ! ถ้ามีโอกาสเมื่อไรข้าจะแก้แค้นเจ้าให้สาสมอย่างแน่นอน!
—
ท่านยั่วยุขันทีสวีคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!
—
ท่านยั่วยุขันทีเหอเท่อสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!
—
ท่านยั่วยุ….
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถขัดคำสั่งขององค์รัชทายาทได้ พวกเขาทำได้เพียงแต่ต้องทำตามอย่างขมขื่น ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมามันจะน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้มีสหายของพวกเขาคนหนึ่งซึ่งไม่เคยขัดใจหรือล่วงเกินองค์รัชทายาทแม้แต่ครั้งเดียวเลยด้วยซ้ำ แต่จู่ ๆ กลับถูกสั่งให้โดนเฆี่ยนตีอย่างน่าสังเวช แถมรัชทายาทกลับไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นการกระทำที่เหมาะหรือไม่เหมาะ พระองค์แค่ต้องการค้นหาว่าอะไรแข็งกว่ากันระหว่างไม้กับกระโหลกศีรษะมนุษย์ รัชทายาทออกคำสั่งลงไปเพียงเพราะอยากหาความสนุกสนานจากการทดลองก็เท่านั้น
แต่รัชทายาทก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาแย่ไปทั้งหมด พระองค์ใสซื่อราวกับเด็ก ๆ เพียงแค่ยอมตามใจก็ไม่ต้องกลัวถูกลงโทษ
ซูอันพูดไม่ออกเมื่อมองดูขันทีค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าอย่างขมขื่น เขาไม่สนใจที่จะดูขันทีเปลื้องผ้า แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเหล่านางกำนัลมันก็อีกเรื่อง
ที่แปลกคือมีเพียงเหล่าขันทีเท่านั้นที่อยู่ข้างกายองค์รัชทายาท ไม่มีนางกำนัลแม้แต่คนเดียว
เมื่อมองไปรอบ ๆ ซูอันก็ถามอย่างเกียจคร้านว่า “ทำไมเจ้าถึงขอให้พวกเขาเรียนรู้วิธีกระโดดเหมือนกบ?”
เจ้าอ้วนชี้ไปที่กบในสระน้ำใกล้ ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยดอกบัว “เมื่อกี้ตอนเดินผ่าน ข้าได้ยินเสียงกบหลายตัวร้อง ข้าถามพวกเขาว่ากบร้องตามปกติหรือว่าพวกเขาทำให้มันร้องเพื่อประจบเอาใจข้า”
ซูอันอึ้งไปครู่เพราะความงงงวยและใช้เวลาครู่หนึ่งจึงรู้ว่ารัชทายาทผู้นี้พูดถึงกบและขันทีในลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก สมองของเจ้าอ้วนนี่มีวิธีการคิดในลักษณะที่แปลกประหลาดอย่างแท้จริง
“แล้วพวกเขาตอบเจ้าว่าอะไร?”
คนอ้วนชี้ไปที่ขันทีที่ดูผอมบางอ่อนแอและพูดว่า “สวีน้อยบอกว่ากบจะร้องแบบนั้นทุกครั้งที่ฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามา”
ซูอันรู้สึกว่ามันเป็นคำตอบที่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่เจ้าอ้วนกล่าวต่อว่า “แต่สำหรับข้ามันเป็นเรื่องน่าประหลาดอย่างยิ่งที่กบเหล่านี้ไม่ร้องต้อนรับเมื่อพวกมันเห็นข้า! นี่เป็นเหตุผลที่ข้าบอกให้สวีน้อยเรียนรู้ที่จะร้องเสียงกบเพื่อทักทายข้า แต่เขากลับทำเสียงกบไม่ได้! ข้าเลยให้เขากระโดดเหมือนกบแทน!”
ซูอันพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ…
เขากลืนน้ำลายแล้วถามเกี่ยวกับคนอื่น “แล้วพวกที่เหลือล่ะ?”
เจ้าอ้วนตอบว่า “ข้าถามเหอน้อยแบบเดียวกัน เขาบอกว่ากบร้องเพื่อทักทายข้า”
ซูอันคิดว่าเนื่องจากคำตอบของสวีน้อยให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าไร ถ้าคนอื่นไม่เปลี่ยนคำตอบคงจะโง่มาก “แล้วทำไมเจ้าถึงลงโทษพวกเขาล่ะ?”
เจ้าอ้วนตอบด้วยความโกรธว่า “คำตอบของเขาทำให้ข้ามีความสุข แต่ข้าอยากได้ยินกบทักทายข้าอีกครั้ง น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถทำให้กบร้องได้ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาโกหกข้าเหรอ?”
คราวนี้ซูอันพูดไม่ออก
แน่นอนว่าพวกกบมันย่อมกระโดดหนีหรือหุบปากไปเมื่อมีคนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน!
เขามองดูขันทีด้วยความสงสาร ไม่ว่าขันทีพวกนี้จะตอบถูกหรือผิดก็มีค่าเท่ากัน
ขันทีเหล่านั้นดูเหมือนจะเข้าใจความหมายในสายตาของซูอัน พวกเขาพยักหน้าให้แก่กันอย่างรู้เท่าทัน ในที่สุดก็มีคนเข้าใจความทุกข์ยากของเราแล้ว!
เดิมทีพวกเขาโกรธซูอันที่ซ้ำเติมความทุกข์ยากให้ยิ่งหนักขึ้น แต่หลังจากเห็นการสายตาเห็นอกเห็นใจของซูอัน ความเป็นปฏิปักษ์ก็ลดลง