บทที่ 862 เข้าสู่วัง
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่” ซูอันรู้สึกประทับใจที่นางห่วงกังวลเขา จึงก้มหน้าลงจูบริมฝีปากสีแดงอ่อนของนางอีกครั้ง
เฉียวเสวี่ยอิงผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกลัวและอับอาย “หยุดเลย…ข้าทำอีกไม่ไหวแล้วจริง ๆ…”
ร่างกายของเอลฟ์นั้นบอบบางกว่ามนุษย์ และซูอันนั้นแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามาก นางรู้สึกร่างกายแทบแตกสลายหลังจากถูกกระแทกกระทั้นด้วยท่านั้นท่านี้ตลอดทั้งคืน
ซูอันหัวเราะ “ข้าไม่ได้จะทำต่อสักหน่อย ข้าแค่อยากจะจูบเจ้า”
“เมื่อคืนเจ้าก็พูดแบบนี้ทุกครั้งหลังจากเจ้าเสร็จสม!” เฉียวเสวี่ยอิงบ่น
ซูอันยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
ทั้งสองโอบกอดกันอย่างเสน่หาอีกครู่หนึ่ง จากนั้นเฉียวเสวี่ยอิงก็ลุกขึ้นช่วยเขาแต่งตัว
ซูอันถอนหายใจ “เจ้าคล่องแคล่วมาก”
“ในฐานะคนรับใช้ของฉู่ชูเหยียน ข้าต้องคอยปรนนิบัตินาง” เฉียวเสวี่ยอิงถอนหายใจ “ข้าคงเป็นหนี้พวกเจ้าทั้งสองเมื่อชีวิตที่แล้วแน่ ๆ ไม่เพียงแต่ข้าทำภารกิจไม่สำเร็จเท่านั้น แต่ยังต้องเสียเปรียบให้แก่สามีของผู้อื่นอีกด้วย!”
ซูอันบีบแก้มของนาง “เราเป็นคนรักกันต่างหาก”
เฉียวเสวี่ยอิงยิ้มกว้างจนดวงตาของนางกลายเป็นเสี้ยววงเดือนเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ซูอันยังคงกังวลเกี่ยวกับฉู่โหยวเจา แต่เฉียวเสวี่ยอิงรับรองกับเขาว่านางจะคุ้มกันทายาทตระกูลฉู่กลับไปที่ตระกูลฉิน
เขารู้ว่านางคุ้นเคยกับเมืองหลวงมากกว่า นอกจากนี้นางมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะไว้วางใจนาง
เขากลับไปที่บ้านพักในคืนก่อนและได้ยินเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวของจูเซี่ยฉือซินจากในระยะไกล “พวกเจ้าพบเขาไหม??!!”
“ยัง…”
“พวกเจ้ามันไม่ได้เรื่องสักคน! พวกเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านักฆ่าจับตัวเขาไปหรือเขาแอบหนีไปเอง!”
“เมื่อคืนนี้วุ่นวายมาก พวกเราเลยไม่ทันสังเกต…”
“หุบปากไป! ไม่ต้องแก้ตัว! ปิดป้ายประกาศจับทุกที่! ปิดประตูเมืองด้วย! ห้ามใครเข้าออกจนกว่าจะพบซูอัน!”
ซูอันรู้ว่ามันถึงเวลาแล้วจึงก้าวออกไป “ท่านผู้บัญชาการกำลังตามหาข้าอยู่เหรอ?”
ทุกคนในบ้านพักต่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นซูอัน ท้ายที่สุดแล้วหากพวกเขาทำบุคคลที่จักรพรรดิต้องการตัวมากที่สุดหลุดมือไป ก็จะไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
พวกเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไรที่ได้เห็นซูอันกลับมา?
จูเซี่ยฉือซินเป็นคนที่ตกใจมากที่สุด “เจ้าเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า?”
ซูอันหัวเราะ “ท่านผู้บัญชาการหวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้างั้นเหรอ?”
ใบหน้าของจูเซี่ยฉือซินมืดลง “เจ้ากำลังพูดอะไร? ทำไมข้าถึงอยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? ต้องทำแผลอะไรไหม?”
“ข้าสบายดี” ซูอันกล่าวปฏิเสธ ใครจะรู้ว่าจูเซี่ยฉือซินอาจเอาของแปลก ๆ ให้เขากินเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บก็ได้
“งั้นเราเข้าวังกันเลย ข้าไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว!”จูเซี่ยฉือซินโบกมือและสั่งให้ลูกน้องเตรียมการ
ซูอันเริ่มไม่แน่ใจในข้อสันนิษฐานของตัวเองเมื่อเห็นความรีบร้อนของจูเซี่ยฉือซิน
หรือว่าข้าระแวงเขามากเกินไป?
จูเซี่ยฉือซินพาเขาเข้าไปในวังพร้อมกับกลุ่มทหารรักษาการณ์
“เราจะไม่พบกับนักฆ่าระหว่างทางใช่ไหม?” ซูอันถาม
“ถ้าพวกมันมาก็นับว่ารนหาที่ตาย” คำตอบของจูเซี่ยฉือซินตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างชัดเจน
ซูอันดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิด ในขณะที่จูเซี่ยฉือซินหันมาถาม “เมื่อคืนเจ้าไปไหนมา?”
ซูอันยิ้ม “มีคนจำนวนมากต้องการชีวิตข้า ข้าจึงต้องหาที่ซ่อนตัว”
สีหน้าของจูเซี่ยฉือซินเริ่มแปลกเล็กน้อย “พูดตามตรง มีคนไม่กี่คนที่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้และเจ้าก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนเหล่านี้ เจ้าสามารถหนีไปได้แต่เจ้าเลือกที่จะกลับมาเอง นอกจากนี้เจ้ายังร่วมมือกับเราราวกับไม่เกรงกลัวที่จะเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
“หรือว่าท่านผู้บัญชาการไม่ต้องการให้ข้าพบกับองค์จักรพรรดิ?” ซูอันถามกลับ
จูเซี่ยฉือซินจ้องมองเขา “เจ้ารู้ไหมว่าอะไรที่รอเจ้าอยู่เมื่อเจ้าได้พบกับฝ่าบาท?”
“ข้ารู้” ซูอันยิ้มน้อย ๆ ด้วยท่าทีสงบโนเวลพีดีเอฟ
จูเซี่ยฉือซินมองซูอันอย่างไม่แน่ใจแล้วหัวเราะกับตัวเอง ชายคนนี้เป็นคนแปลกจริง ๆ
เขาไม่ได้ถามคำถามเพิ่มเติม สมาธิหันไปจดจ่ออยู่กับการนำขบวนเคลื่อนเข้าพระราชวัง
ซูอันรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นกำแพงสีแดงและหลังคากระเบื้องสีทองของสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ตรงหน้า พระราชวังต้องห้ามในโลกที่แล้วของเขานั้นนับว่าใหญ่โตอยู่แล้วแต่วังของจักรพรรดิในโลกนี้กลับยิ่งใหญ่มโหฬารกว่ามาก
แต่เขาคิดว่ามันสมเหตุสมผล นี่คือโลกแห่งผู้บ่มเพาะที่ซึ่งความแข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด พระราชวังจะต้องยิ่งใหญ่กว่าโลกที่แล้วอย่างแน่นอน
ทหารราชองครักษ์ทุกคนที่นี่ต้องมีระดับการบ่มเพาะระดับสี่เป็นอย่างน้อย และหลายคนก็อยู่ในระดับห้าด้วยซ้ำ…
หากอยู่นอกวังแต่ละคนย่อมเป็นผู้บ่มเพาะที่โดดเด่น ยิ่งไปกว่านั้นทหารเหล่านี้ยังได้รับการฝึกฝนให้สามารถใช้ค่ายกลประสานเพื่อต่อสู้อีกด้วย
พระราชวังแห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
เมื่อมีจูเซี่ยฉือซินเป็นผู้นำทางจึงไม่มีใครกล้าขวางพวกเขา หลังจากเดินมาเรื่อย ๆ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูอันยิ่งใหญ่ที่มีขันทีชราคนหนึ่งรออยู่
จูเซี่ยฉือซินพูดกับซูอัน “ข้าไม่สามารถเข้าไปกับเจ้าได้ ขันทีหลี่จะเป็นผู้พาเจ้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
ซูอันตกตะลึง เป็นไปได้มากว่าด้านหลังประตูนี้คือพระราชวังชั้นในซึ่งไม่อนุญาตให้ผู้ชายที่ไม่ใช่ขันทีผ่านเข้าไปได้ เพราะผู้ที่อาศัยอยู่ภายในนั้นมีแต่นางสนมกำนัลทั้งสิ้น
การอนุญาตให้เขาเข้าไปนั้นชัดเจนว่าจักรพรรดิไม่คิดจะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ
แต่แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็จะยังไม่ละความพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดด้วยความหวังว่าแผนการที่วางไว้จะราบรื่น
“ขอบคุณท่านผู้บัญชาการ” หลังจากขันทีชราเสร็จสิ้นการส่งมอบนักโทษกับจูเซี่ยฉือซิน เขาหันไปพูดกับซูอันด้วยเสียงแหลมว่า “ตามข้ามา”
แม้ว่าเสียงของผู้เฒ่ามี่จะไม่น่าฟัง แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนี้ ชายชราผู้นี้เข้ากับภาพลักษณ์ของขันทีในวังได้อย่างลงตัว หรือไม่แน่ที่ผ่านมาผู้เฒ่ามี่อาจปกปิดข้อบกพร่องของน้ำเสียงไว้ได้ด้วยทักษะลับบางอย่าง
ซูอันเดินตามขันทีหลี่เข้าไปด้านใน ในใจต้องการจะพูดหยอกล้อกับขันทีชราคนนี้สักหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเมินเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง เขาจึงหมดความสนใจที่จะหยอกล้อ
ยิ่งเข้าไปข้างในก็ยิ่งเงียบ ราวกับพวกเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนส่วนตัว
ทั้งสองเดินไปตามทางเดินยาวที่ทอดยาวข้ามลำธาร และในที่สุดก็หยุดอยู่ในศาลาหนึ่ง
“รอที่นี่” ขันทีชราเอ่ย
ซูอันงุนงง “ไม่ใช่จะให้ข้าเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิหรอกเหรอ?”
“ฝ่าบาทกำลังออกว่าราชการในช่วงเช้า” ขันทีชราตอบ “เจ้าต้องรอที่นี่ก่อนและอย่าได้คิดทำสิ่งใดโง่ ๆ”
จากนั้นเขาจึงทิ้งซูอันไว้ตามลำพัง
ซูอันรู้สึกแปลก ๆ การกระทำของจักรพรรดิคนนี้แปลกเกินไป! นี่ข้าจะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในวังชั้นในจริง ๆ เหรอ? จักรพรรดิไม่กังวลเหรอว่าข้าจะก่อความโกลาหล?
มีขนมอบหลายชิ้นวางอยู่บนโต๊ะกลางศาลา ซูอันยุ่งตลอดทั้งคืนและจูเซี่ยฉือซินไม่ได้ให้เขากินอาหารเช้าเลย แน่นอนว่าชายหนุ่มรู้สึกหิวแต่ยังไม่กล้าที่จะหยิบกิน
เขาพยายามอดกลั้นอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถนั่งเฉย ๆ ได้อีกต่อไป ขนมเหล่านี้อยู่ตรงหน้าเขาแต่เขาก็ยังกินไม่ได้ ช่างเป็นสถานการณ์ที่ทรมานผู้คน
เขาตัดสินใจเดินห่างออกมาจากศาลา ตั้งใจจะทำความคุ้นเคยสภาพแวดล้อมรอบตัว
แผนผังพระราชวังนี้ซับซ้อนมาก เขาเริ่มหลงทางหลังจากเดินไปมาสักพัก แต่เมื่อขณะนี้ที่กำลังจะหันหลังกลับ ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงพูดที่ค่อนข้างแปลกขึ้นมาก่อน
“ข้าให้พวกเจ้าหัดกระโดดเหมือนกบ! เจ้าเคยเห็นกบกระโดดขณะใส่กางเกงหรืออย่างไรกัน!?”