บทที่ 823 เจ้าชะตาดับสูญ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 823 เจ้าชะตาดับสูญ

ห้าวันต่อมา อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดลง

เขาสาปแช่งไปพร้อมกับเรียกกล่องจดหมายและจอค่าสถานะออกมาด้วย

พลังเวทอันพลุ่งพล่านแทรกซึมเข้าสู่หนังสือแห่งความโชคร้ายไม่ขาดสาย กลายเป็นพลังคำสาปแช่งที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง ข้ามผ่านห้วงเวลา ท่ามกลางความมืดมิด เข้าโจมตีเจ้าชะตาอันธการด้วยรูปการณ์ที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้

เวลานี้ เจ้าชะตาอันธการกำลังซ่อนตัวอยู่ในดาวเคราะห์รกร้างดวงหนึ่ง

ช่วงแสนกว่าปีมานี้ เขาตามหาพลังวิเศษทำลายมรรคามาโดยตลอด ผลคือเมื่อห้าวันก่อนจู่ๆ ก็ถูกสาปแช่ง ทำให้เขาตกใจจนรีบมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่

ใช่จริงๆ!

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้มาหยั่งเชิง แต่คิดจะเล่นงานเขาอีกแล้ว!

เจ้าชะตาอันธการกัดฟันกรอด โมโหสุดขีด

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่สมควรตายเหตุใดถึงตามพัวพันเขาอยู่ตลอด

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นผู้ใดกันแน่

เจ้าชะตาอันธการทำได้เพียงพยายามต่อต้านสุดกำลัง

แต่หลังจากนั้นพลังคำสาปแช่งกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จิตใจของเขาก็หวั่นวิตกขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ความคิดน่ากลัวอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในใจเขา

หากว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคิดจะฉวยโอกาสนี้สาปแช่งเขาจนตายเล่า

ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ผู้นำดวงจิตมหามรรคก็เพิ่งประกาศว่าต้องการกำจัดมิ่ง!

หรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะเกี่ยวข้องกับดวงจิตมหามรรค

จิตใจเจ้าชะตาอันธการสั่นไหว ตลอดเวลาที่ผ่านมา การกระทำของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำให้คนคิดว่าเขาเกี่ยวข้องกับกองกำลังชั่วร้าย อาจมีจิตคิดร้ายต่อฟ้าบุพกาล ตอนนี้พอคิดๆ ดูแล้ว ก็ยังไม่แน่เสมอไป มีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะเป็นดวงจิตมหามรรคตนใดตนหนึ่ง อาศัยฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกำจัดพวกนอกรีตทั้งหมดออกจากฟ้าบุพกาล

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

แววตาเจ้าชะตาอันธการวูบไหว เริ่มใคร่ครวญหาแผนการรับมือ

….

หานเจวี๋ยสาปแช่ง พร้อมกับจ้องมองอายุขัยของตนไปด้วย

หนึ่งแสนล้านล้านปี!

ห้าแสนล้านล้านปี!

หนึ่งล้านล้านล้านปี!

[เจ้าชะตาอันธการศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตได้รับความเสียหาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]

สาปแช่งต่อไป!

สองล้านล้านล้านปี!

สามล้านล้านล้านปี!

[เจ้าชะตาอันธการศัตรูคู่อาฆาตของท่านกายเนื้อมอดไหม้ มรรคผลแตกสลาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]

ขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีก!

ทำต่อไป!

หานเจวี๋ยติดลมแล้ว ตัดสินใจว่าจะกำจัดคนผู้นี้ให้ได้ในคราวเดียว

ในเวลานี้เอง

[เจ้าชะตาอันธการศัตรูคู่อาฆาตของท่านสละมหามรรคด้วยตัวเอง วิญญาณล่องลอยกระจัดกระจาย เหลือไว้เพียงเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง]

จากนั้นคำสาปแช่งของหานเจวี๋ยก็ไร้ผล

น้ำเสียงกระจ่างชัดเจนสายหนึ่งแว่วขึ้น

“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการตัวดี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นดวงจิตมหามรรค เหล่าดวงจิตเอ๋ย วิธีการของพวกเจ้าต่ำช้าเกินไปแล้วกระมัง!”

เป็นเสียงของเจ้าชะตาอันธการ มีเพียงผู้ที่มีตบะระดับอริยะขึ้นไปถึงจะได้ยิน

หลังจากหานเจวี๋ยได้ยิน เขาพลันมีสีหน้าแปลกพิกล

เป็นบ้าหรือ

เหตุใดจึงนึกเชื่อมโยงไปถึงดวงจิตมหามรรคได้

หรือเป็นเพราะผู้นำดวงจิตมหามรรคประกาศไปก่อน แล้วเขาลงมือต่อ

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้จะสาปแช่งเจ้าชะตาอันธการให้ตายสนิทไม่ได้ แต่อย่างน้อยข้อสงสัยเรื่องตัวตนของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็ถูกโยนใส่เหล่าดวงจิตมหามรรค

ในเวลาเดียวกันนี้ แต่ละฝ่ายในฟ้าบุพกาลต่างแตกตื่นฮือฮา

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ทราบว่าเสียงเมื่อครู่คือผู้ใด แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการและดวงจิตมหามรรค พวกเขาย่อมอดไม่ได้ที่จะคิดไปไกล

มีช่องถึงมีลม ไร้ลมย่อมไม่เกิดคลื่น!

….

ภายในตำหนักว่างเปล่ามืดสลัวหลังหนึ่ง จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนั่งสมาธิอยู่ตรงหน้าเทพมารมหามรรคหลบเร้น

พวกเขาล้วนถูกเสียงของเจ้าชะตาอันธการขัดจังหวะ ต่างตกอยู่ในความเงียบงัน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายคิดมาโดยตลอดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย แต่หานเจวี๋ยสังหารดวงจิตมหามรรคไปสองรายแล้ว ถึงแม้นักพรตเต๋าเสินเผาจะรอดมาได้ แต่ก็ไม่กล้าคิดร้ายต่อมรรคาสวรรค์อีก

หรือว่าเราจะเดาผิดไป

‘หากว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่เกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย เหตุใดแต่ก่อน…’

จู่ๆ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็นึกถึงปัญหาข้อหนึ่งขึ้นมา ศัตรูของเขาดูเหมือนจะถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจัดการ แต่เขาก็ไม่ได้รับผลดีเช่นกัน ถูกขับไล่ออกจากมรรคาสวรรค์ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็เรียกได้ว่าน่าอนาถ!

เขาตระหนักขึ้นมาในทันใด ที่แท้เป็นเขาคิดไปเองฝ่ายเดียว ไม่แปลกเลยที่เป็นตายอย่างไรหานเจวี๋ยก็ไม่ยอมรับ

เทพมารมหามรรคหลบเร้นพึมพำว่า “เสียงเมื่อครู่ค่อนข้างคุ้นหูเหลือเกิน เหตุใดเขาถึงเอ่ยเช่นนี้ ไปพบเจออันใดมา”

เขาพยายามทำนายดู แต่กลับทำนายไม่ได้

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการมีชื่อเสียงในฟ้าบุพกาล แต่เป็นชื่อเสียงในทางเลวร้าย สัมผัสในชื่อก็ไม่ดีเช่นกัน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยว่า “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา ไยต้องคิดให้มากความ เลี่ยงไม่ให้ไปล่วงเกินเข้าจะดีกว่า”

เทพมารมหามรรคหลบเร้นกล่าวว่า “พูดมีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าอยากคืนชีพให้บิดาเจ้า กลับไม่ง่ายเลย ถึงแม้จะไม่ทราบว่าเหตุใดเขาถึงกลายเป็นสิ่งอัปมงคลไปได้ แต่นับจากโบราณมา ยังไม่เคยมีตัวอย่างของสิ่งอัปมงคลที่หลุดพ้นจากสถานะของตนได้”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายขมวดคิ้ว

“คิดหาทางช่วยเหลือเขาก่อนเถอะ เขาถูกปรมาจารย์ลัญจกรสรวงจับตัวไป ไม่ทราบเช่นกันว่าอยู่ที่ไหน” เทพมารมหามรรคหลบเร้นเอ่ยมาเช่นนี้ ทว่าน้ำเสียงกลับเรื่อยเฉื่อย เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะใส่ใจ

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายฟังความหมายของเขาออก กล่าวไปว่า “ในเมื่อขนาดท่านยังหาไม่พบ เช่นนั้นก็เปลี่ยนเรื่องเถอะ”

เทพมารมหามรรคหลบเร้นถลึงตาใส่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายคราหนึ่ง ร้องด่า “ไอ้เด็กเหลือขอ ข้าช่วยเหลือเจ้าไปตั้งกี่เรื่อง!”

“แต่ท่านก็ไม่เคยเสียเปรียบเลยเช่นกัน ตบะน่าจะก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย”

“ว่ามาเถอะ”

“เรามีจิตพุทธอยู่คนหนึ่ง อยากส่งเข้ามาฝึกบำเพ็ญภายใต้การดูแลของท่านสักระยะ ให้เรียนรู้พลังวิเศษมหามรรค”

“อีกแล้วหรือ”

“เด็กน้อยในอดีตสองคนนั้นถูกบรรพชนมารจับตัวไป ยามนี้วังสวรรค์ไร้ซึ่งผู้ค้ำจุน เราเองก็จนปัญญา”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถอนหายใจ สีหน้าอมทุกข์

เทพมารมหามรรคหลบเร้น เงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ถือเป็นครั้งสุดท้าย”

“ขอบพระคุณผู้อาวุโส!”

“ฮึ่ม!”

….

การแกล้งตายของเจ้าชะตาอันธการไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฟ้าบุพกาลเลย อย่างน้อยในฉากหน้าก็ไม่มีใครกล้าอาศัยคำพูดของเขาไปสร้างความลำบากให้ดวงจิตมหามรรค แต่มิ่งกลับค่อยๆ เงียบหายไป ไม่ก่อเรื่องอีก

ในห้วงมิติมืดครึ้ม หมอกหนาปกคลุมแห่งหนึ่ง

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง สือตู๋เต้า หลี่เต้าคง รวมถึงเงาร่างอีกสิบกว่าร่างชุมนุมกันอยู่ที่นี่

“เจ้าชะตาดับสูญแล้ว ถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งจนตาย” ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเอ่ยเสียงขรึม แววตาซับซ้อน

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างนั้นหรือ

มิ่งทั้งหมดตกตะลึง

สือตู๋เต้าประหลาดใจ นายท่านกำลังเล่นลูกไม้อันใดอีกแล้ว

หลี่เต้าคงขมวดคิ้ว กล่าวว่า “มองจากจุดนี้ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคงเป็นดวงจิตมหามรรคจริงๆ วิธีสาปแช่งของเขาลึกลับยากจะคาดเดา พวกเราสมควรจัดการอย่างไร”

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงไม่ได้เอ่ยตอบ

มิ่งคนอื่นก็เริ่มพูดคุยกัน

“แม้แต่เจ้าชะตายังต้านไม่อยู่ พวกเราไหนเลยจะใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”

“ใช่แล้ว! ประกอบกับถูกพวกดวงจิตมหามรรครุกโจมตี พวกเราแย่แล้ว”

“แต่พวกเราก็ไม่อาจหลุดพ้นจากบ่วงกรรมของผู้กำหนดชะตาเคราะห์ได้”

“ตอนนี้มิ่งยังสามารถจับกลุ่มรวมตัวเป็นหนึ่งได้อยู่หรือไม่”

“อาจจะมีเจ้าชะตาคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นก็เป็นได้”

สือตู๋เต้าเหยียดหยามอยู่ในใจ พวกโง่เขลา เจ้าแดนต้องห้ามอันธการต่างหากถึงจะเป็นมือมืดที่คอยบงการมิ่งตัวจริง เจ้าชะตาต้องแกล้งตายแน่นอน ไม่มีทางดับสูญไปอย่างแท้จริงเด็ดขาด

เรื่องนี้เป็นแผนที่วางไว้แน่นอน!

คาดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคงต้องการสร้างความวุ่นวายในกลุ่มมิ่ง หรือไม่ก็คิดจะทำให้ดวงจิตมหามรรคเข้าใจผิดว่ามิ่งสลายตัวแล้ว!

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเอ่ยว่า “พวกเราซ่อนตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะ ถึงแม้เจ้าชะตาจะสิ้นชีพ แต่พวกเรายังคงเป็นมิ่งอยู่ ต่อให้ยอมจำนนแก่เหล่าดวงจิตก็ไม่มีประโยชน์ ฟ้าบุพกาลไม่ต้อนรับพวกเรา พวกเราทำได้เพียงรอคอยโอกาสไปก่อน”

หลี่เต้าคงถาม “แล้วมิ่งคนอื่นๆ เล่า”

กลุ่มอิทธิพลมิ่งโยงใยซับซ้อน แตกต่างหลากหลาย นอกจากเจ้าชะตาแล้ว ไม่มีมิ่งคนใดทราบแน่ชัดว่ามีเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่เท่าไร

“ต้องมีเจ้าชะตาคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นแน่ เจ้าชะตาเคยกล่าวไว้ เจ้าชะตาคนใหม่จะแข็งแกร่งยิ่งกว่า และจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วฟ้าบุพกาล” ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เมื่อเขากล่าวประโยคนี้ออกมา มิ่งที่เหลืออดโล่งใจไม่ได้ จากนั้นก็เริ่มถกกันว่าเจ้าชะตาคนใหม่เป็นใคร

ตัวตนที่สร้างชื่อเสียงเลื่องลือทั่วฟ้าบุพกาลนั้นมีอยู่ไม่มาก!

พวกเขาถึงขั้นที่เอ่ยถึงนามของอริยะสวรรค์เกรียงไกรแห่งมรรคาสวรรค์ด้วย!

………………………………………………………………