บทที่ 824 ประตูเทวา หลอมดวงดาว

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 824 ประตูเทวา หลอมดวงดาว

หลังจากสาปแช่งเจ้าชะตาอันธการ หานเจวี๋ยไม่ทราบสถานการณ์ในฟ้าบุพกาลเลย เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญรวดเร็วยิ่ง

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตบะสำคัญที่สุด!

เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า

ผ่านพ้นไปอีกห้าหมื่นปี

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาขมวดคิ้ว

จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงภาวะคอขวด

ไม่ทราบเลยว่ายอดมหามรรคต้องพิสูจน์อย่างไร ฝึกบำเพ็ญมาถึงขั้นนี้แล้ว วิชายุทธ์ระดับมหามรรคอย่างมหามรรควัฏจักรอนธการหมดประโยชน์ไปแล้ว เขาได้แต่ทำความเข้าใจมหามรรคต้นกำเนิดของตน ค้นหาวิธีพิสูจน์ยอดมหามรรค

‘ข้าอยากรู้ว่าต้องพิสูจน์ยอดมหามรรคอย่างไร’

หานเจวี๋ยใช้ความสามารถวิวัฒนาการ

[ไม่สามารถวิวัฒนาการถึงวิธีฝึกบำเพ็ญได้]

ฮ่าๆ

หานเจวี๋ยไม่อยากเชื่อเลย คงต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อทำความเข้าใจ

เขาเปิดกล่องจดหมาย เตรียมสำรวจแวดวงสหายเพื่อความผ่อนคลาย

[หวงจุนเทียนสหายของท่านได้รับคำชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[เจียงเจวี๋ยซื่อสหายของท่านท่องไปในความว่างเปล่า เจตจำนงคิดสอดส่องปลายทาง เผชิญการสะท้อนกลับ วิญญาณได้รับความเสียหาย]

[เทพมารปฐมภพศัตรูคู่อาฆาตของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านใช้กระบี่ตัดบ่วงกรรมจอมเทวา มองทะลุอนิจจัง พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]

[เจียงอี้สหายของท่านดูดซับทะเลเพลิงไร้สิ้นสุด เข้าสู่ระดับเสรี]

[หานทั่วบุตรชายของท่านทำความเข้าใจ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[นักพรตเต๋าเสินเผาสหายของท่านได้รับคำชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

….

ฟ้าบุพกาลในระยะนี้สงบสุขดียิ่ง ส่วนมากล้วนพบโชควาสนาต่างๆ

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นจดหมายของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน

ตัดบ่วงกรรมจอมเทวา หมายถึงตัดบ่วงกรรมของจอมเทวาฟ้าบุพกาลหรือ

แล้วมองทะลุอนิจจังหมายความว่าอย่างไร

ไม่ใช่ครั้งแรกที่หานเจวี๋ยได้เห็นถ้อยคำเหล่านี้

คิดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับระดับยอดมหามรรค

หานเจวี๋ยไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ

จากสิ่งที่หานทั่วเผชิญทำให้เขาเข้าใจว่าดวงจิตมหามรรคก็คืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคประเภทหนึ่งเช่นกัน ก็เหมือนกับผู้กำหนดชะตาเคราะห์

ดวงจิตมหามรรคล้วนถูกควบคุมโดยผู้นำดวงจิตมหามรรค ซึ่งอาจจะถูกควบคุมโดยเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลอีกที

หากว่าเจ้าชะตาอันธการทำสำเร็จจริงๆ เช่นนั้นผู้กำหนดชะตาเคราะห์ทั้งหมดก็สามารถกลายเป็นดวงจิตมหามรรคแห่งฟ้าบุพกาลยุคใหม่ได้!

หานเจวี๋ยพบว่านับตั้งแต่มรรคาสวรรค์ผงาดขึ้นมา ฟ้าบุพกาลก็รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ เกิดคลื่นมรสุมมากขึ้นเช่นกัน

แน่นอนว่าด้วยขีดจำกัดทางโลกทัศน์ก่อนหน้านี้ แวดวงสหายของเขายังไม่สามารถเชื่อมไปถึงฟ้าบุพกาลได้ ดังนั้นมุมมองแรกจึงดูราวกับฟ้าบุพกาลรกร้างและเดียวดาย

แต่ในความเป็นจริง มรรคาสวรรค์อาจจะเป็นโลกที่มีกฎเกณฑ์สมบูรณ์แบบที่สุด แต่มิใช่เพียงหนึ่งเดียวแน่นอน ฟ้าบุพกาลกว้างไกลไร้ขอบเขต มีโลกมากมาย มีจักรวาลมหาศาล มีห้วงมิติหลายต่อหลายเขต

สิ่งใดคือยอดมหามรรคเล่า

คืออำนาจควบคุมเหนือมหามรรค!

หานเจวี๋ยในปัจจุบันนี้แม้แต่ฟ้าบุพกาลยังเห็นไม่ทั่วเลย จะควบคุมอยู่เหนือมหามรรคได้อย่างไร

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็บังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

หรือควรจะออกไปท่องฟ้าบุพกาล จะได้สอดส่องค้นหาวิธีพิสูจน์ยอดมหามรรค

ไม่สิ!

ไม่น่าจะใช่!

นี่คือหลุมพรางแห่งฟ้าบุพกาล!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าในเมื่อตนเป็นเทพมารอนธการ ก็ไม่ควรพัฒนาไปตามแนวทางของฟ้าบุพกาล!

ถูกต้อง!

ข้าสมควรต้องคิดหาวิธีด้วยตัวเอง!

บางทีวิธีพิสูจน์มรรคอาจจะปรากฏขึ้นนานแล้ว แต่อยู่ในตัวเขา มิใช่โลกภายนอก

หานเจวี๋ยปิดกล่องจดหมาย ทุ่มสมาธิไปที่กายดาราอนธการ

ที่ผ่านมา เขาสอดส่องเพียงโลกอนธการที่อยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ มองข้ามกายเนื้อของตนไป

วิญญาณสำคัญที่สุด นี่คือแนวคิดหลักของผู้บำเพ็ญในฟ้าบุพกาล

แต่จะเข้ากับอนธการจริงๆ น่ะหรือ

ข้อสงสัยปรากฏขึ้นในใจของหานเจวี๋ยอย่างต่อเนื่อง ไม่นานนัก เขาก็เข้าสู่สภาวะตระหนักมรรคประเภทหนึ่ง

เหตุใดกายดาราอนธการถึงกลายเป็นเทพมารอนธการ

มิได้แปลว่าเทพมารอนธการมีมากกว่าหนึ่งประเภทหรอกหรือ

เช่นเดียวกับเทพมารฟ้าบุพกาลสามพันตน

ดารา…

เหตุใดถึงเป็นดาราเล่า

เมื่อหานเจวี๋ยเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรค ร่างของเขาก็เปล่งแสงสว่าง ราวกับมีดวงดาวนับไม่ถ้วนล้อมอยู่รอบตัวเขา

….

ภายในท้องนภาสีทองสุกสกาว ทะเลเมฆาไร้ขอบเขตเชื่อมต่อเป็นผืนดิน

หานทั่วและอี๋เทียนเดินเคียงข้างกัน มีเงาร่างอีกสามร่างร่วมเดินไปด้วย พวกเขามุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน

ด้านหน้าของพวกเขา สุดขอบทะเลเมฆามีกลุ่มแสงสีขาวใหญ่มหึมา ราวกับประตูบานหนึ่ง

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าทะเลเมฆาใต้ฝ่าเท้าจะเป็นพลังแห่งมหามรรค จุ๊ๆ สรุปแล้วที่นี่คือที่ไหนกันแน่”

อี๋เทียนถ่ายทอดเสียงหาหานทั่ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแปลกใจ

หานทั่วถ่ายทอดเสียงกลับไป “อย่าเอาแต่มองซ้ายมองขวา คาดว่าคงเป็นอาณาเขตเต๋าของดวงจิตมหามรรคโบราณสักท่าน”

อี๋เทียนไม่ถ่ายทอดเสียงมาอีก แต่กวาดจิตศักดิ์สิทธิ์สอดส่องไปทั่วแทน

ผ่านไปครู่หนึ่ง

ห้าดวงจิตมหามรรคหน้าใหม่มาถึงหน้ากลุ่มแสงสีขาว เมื่อมองให้ดีๆ ศูนย์กลางของกลุ่มแสงสีขาวกว้างกว่าหมื่นลี้ บนแสงปรากฏเงาร่างและฉากเหตุการณ์สารพัด เมื่อมองในมุมที่แตกต่างกันไป ในตำแหน่งเดียวกันกลับปรากฏฉากเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนกันเลย น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

ห้าดวงจิตมหามรรคตกตะลึงกับความอัศจรรย์ของกลุ่มแสงสีขาว ลุ่มหลงดื่มด่ำ

ทันใดนั้นหานทั่วพลันได้สติกลับมา

มองสิ่งนี้เพียงไม่กี่ลมหายใจ ไม่น่าเชื่อว่าตบะของเขาจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

เป็นไปได้อย่างไร!

สิ่งนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่

หานทั่วตื่นตัวขึ้นมา

“สิ่งนี้คือประตูเทวา เมื่อพวกเจ้าเข้าสู่ประตู ประตูเทวาจะกำหนดขอบเขตอำนาจของพวกเจ้า นับจากนี้ไป พวกเจ้าจะกลายเป็นดวงจิตมหามรรคอย่างแท้จริง ควบคุมระเบียบแห่งฟ้าบุพกาล จำไว้ อย่าได้ผิดต่อภาระหน้าที่แห่งดวงจิตมหามรรค!”

เสียงดังกังวานเสียงหนึ่งแว่วขึ้น ก้องสะท้อนอยู่ในโลกใบนี้

เมื่อได้ฟัง ห้าดวงจิตมหามรรคก็ก้าวเข้าสู่ประตูเทวา

วินาทีที่เหยียบย่างสู่ประตูเทวา ในหัวของหานทั่วยังคงคิดอยู่ว่าเสียงเมื่อครู่คือเสียงของผู้ใด

“หืม มรรคามาร รนหาที่ตาย!”

เสียงดังกังวานแว่วขึ้นอีกครั้ง หานทั่วตกใจยิ่ง ไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว

ตูม!

จิตรับรู้ของเขาพลันแตกสลาย จมอยู่ในความว่างเปล่า

….

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น แววตาของเขากลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

เขาเรียกจอค่าสถานะออกมาตรวจสอบดู ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านไปกว่าหมื่นปีแล้ว

เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ รู้สึกว่ารวดเร็วกว่าฝึกบำเพ็ญเสียอีก

ในช่วงเวลานี้ หานเจวี๋ยบังเกิดความคิดใจกล้าอย่างหนึ่งขึ้น

เขาคิดจะใช้ประโยชน์จากดวงดาวนับไม่ถ้วนภายในโลกอนธการ

ประเด็นหลักคือเขานึกถึงน้ำหยดนั้นของเทวีตราวินัย ทำลายมรรคาสวรรค์ตรงๆ ได้ น่าหวาดกลัวถึงเพียงใดกัน

หากว่าเขาบรรลุถึงยอดมหามรรค เขาโยนดาวดวงหนึ่งออกไป มิใช่จะสามารถทลายโลกขนาดใหญ่สักแห่งได้เช่นกันหรือ

เขารู้สึกว่าหยดน้ำของเทวีตราวินัยมิใช่เรื่องบังเอิญ เนื่องจากในภาพลวงตาวิวัฒนาการก่อนหน้านี้ เทวีตราวินัยยืนอยู่บนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ โลกมหาสมุทรผืนนั้นอาจจะเป็นเช่นเดียวกับโลกอนธการของเขา

เป็นโลกวิญญาณของระดับยอดมหามรรค!

แต่ก่อนดวงดาวในโลกอนธการแค่ใช้กักเก็บพลังเวทเท่านั้น หลังจากหานเจวี๋ยมีพลังเวทมากมายไร้สิ้นสุด ก็หมดประโยชน์ไป ถึงอย่างไรหากคิดจะวิวัฒนาการสร้างสิ่งมีชีวิต ก็เป็นเรื่องที่ห่างไกลตัวอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยเริ่มถ่ายเทพลังเวทในร่างตนเข้าสู่ดวงดาวในโลกอนธการ

ตอนนี้ จำนวนดวงดาวในโลกอนธการไม่ด้อยไปกว่าอายุขัยของเขาเลย เขาค้นพบกฎเกณฑ์บางอย่าง ดูเหมือนว่าเมื่ออายุขัยของเขาเพิ่มขึ้น จะมีดวงดาวถือกำเนิดขึ้นตามอายุ แต่ยามที่อายุขัยของเขาถูกหักไป ดวงดาวไม่ได้สลายหายไปด้วย

ดวงดาวเหล่านี้ต้องไม่ธรรมดาแน่!

หลังจากหานเจวี๋ยถ่ายเทพลังเวททั้งหมดเข้าสู่ดาวทุกดวงแล้ว เขาเริ่มใช้พลังเวทปรับหลอมดวงดาวทั้งหมด

ตูม!

แสงเทพแผ่ออกมาจากทั่วร่างของหานเจวี๋ย ห้วงมิติรอบกายบิดเบี้ยวรุนแรง ราวกับจะพังทลายได้ทุกเมื่อ

เขาจับสัมผัสไปด้วยความอดทน

ได้ผลจริงๆ!

เมื่อใช้พลังเวทหลอมปรับเปลี่ยน ดวงดาวเหล่านี้เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกเบาบางยิ่ง แต่มีอยู่จริง!

‘หรือว่านี่คือวิธีพิสูจน์ยอดมหามรรค’

หานเจวี๋ยตื่นเต้นยินดีอยู่ในใจ เขาคิดค้นหาวิธีมานับไม่ถ้วน แต่มีเพียงเส้นทางนี้ที่ยากจะมองเห็นจุดสิ้นสุดของปลายทางได้

………………………………………………………………