วารุณีหดคอที่คันเล็กน้อย“แต่ฉันเหนื่อยแล้ว”
“งั้นคุณนอนไม่ต้องขยับ ผมทำเองก็พอ”นัทธีเงยหน้าขึ้น มองเธอด้วยสายตาจริงจังแล้วพูด
วารุณีกะพริบตา“คุณจะทำจริงๆเหรอ?”
“ผมคิดถึงคุณ”นัทธีก้มหน้าลง หน้าผากชนกับหน้าผากเธอ พูดเสียงทุ้มแหบ
วารุณีฟังออกว่า เขาคิดถึงเธอจริงๆ ใช้คำพูดแบบนี้ พูดถึงความคิดของเขาเกี่ยวกับเธอ ในสองสามวันนี้
เผชิญหน้ากับความคิดของชายหนุ่มนี้ ยังไงวารุณีก็ปฏิเสธไม่ลง
เธอหันกลับ สองแขนโอบคอของชายหนุ่มไว้“โอเค งั้นคืนนี้อยู่กับคุณเอง”
ถึงจะเหนื่อยเล็กน้อยจริงๆ แต่ผู้ชายของตัวเอง ก็ต้องเอาใจหน่อย
สำหรับเธอ ชายหนุ่มหญิงสาวสองฝ่าย ฝ่ายชายจะทุ่มเทอย่างเดียวไม่ได้ ฝ่ายหญิงก็ต้องทุ่มเทด้วย
อีกอย่าง ชายหนุ่มก็ต้องการความเอาใจและใส่ใจจากหญิงสาวด้วยเช่นกัน
ได้ยินคำพูดของวารุณี มุมปากนัทธีก็ยกขึ้น มีความสุขจากใจอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้น วารุณีก็ปล่อยคอของเขา จากนั้นจับเนกไทเขา ออกแรงดึงไปตรงหน้าตัวเอง
นัทธีคิดไม่ถึงว่าเธอจะทำแบบนี้ หัวถูกเธอดึงไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน ก็ตกใจไปหมด
“คุณ……”ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับ กำลังจะพูดอะไร วารุณีก็เขย่งปลายเท้า จูบไปที่ริมฝีปากบางของเขาก่อน
นัทธีเบิกตาโตอย่างตกใจ สักพัก จึงค่อยๆได้สติกลับมา ตามองหญิงสาวที่หลับตา ในแววตามีความแปลกใจ
เธอจูบเขาก่อน!
ที่จริงไม่ใช่วารุณีไม่เคยรุก แต่ว่าน้อยมาก น้อยมากจริงๆ
แต่เรื่องแบบนี้ เธอเคยเป็นฝ่ายรุกก่อน ส่วนมากจะรักนวลสงวนตัวและขี้อาย ดังนั้นปกติแล้วเขาจะเป็นฝ่ายรุก
แต่ในฐานะผู้ชาย บางครั้งในใจก็อยากให้เธอรุกบ้าง ให้เขารู้สึกว่าเธอรู้สึกกระหายเขาเช่นกัน
แต่คำพูดพวกนี้ เขาไม่เคยพูด เพราะเขารู้ว่า เธอขี้อาย
แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้เธอจะรุก
ในใจของนัทธีตกใจอย่างมาก จากนั้น เขาก็โอบท้ายทอยของเธอ จูบตอบไป
วารุณีก็ตะลึง แต่แป๊บเดียวก็ฟื้นตัวคืน
ทั้งสองจูบไป ก็ถอยไปที่ข้างเตียงด้วย
ทางที่เดินไป ก็มีเสื้อผ้าตกไปตลอด
คืนนี้ ทั้งสองบ้าระห่ำมาก แทบไม่ได้นอนทั้งคืน จนเช้าวันถัดมา ฟ้าเพิ่งรุ่งสาง นัทธีจึงปล่อยวารุณี ให้เธอหลับ
ส่วนนัทธีเอง ไม่ใช่แค่ไม่รู้สึกง่วง กลับเอนกายลงบนหัวเตียงอย่างกระฉับกระเฉง มองหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยแววตาที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ มือใหญ่ก็ลูบผมและใบหน้าของหญิงสาวเบาๆ ความรักที่เปิดเผยออกมาจากการกระทำนั้น ปกปิดไม่อยู่
ผ่านไปสักพัก นัทธีเอามือวารุณีที่ไว้ตรงเอวของตัวเองออกไป จากนั้นเปิดผ้าห่มลงจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็เจ็ดโมงแล้ว
นัทธีสวมชุดอาบน้ำหลวมๆออกมาจากห้องน้ำ เช็ดผมไป เดินไปที่ข้างเตียงด้วย
เขามาที่ข้างเตียง หลังจากห่มผ้าให้วารุณีแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนหัวเตียง โทรออกไปเบอร์หนึ่ง
แป๊บเดียวก็มีคนรับสาย“ประธานนัทธี”
“อือ”นัทธีพยักหน้าเบาๆ“การแข่งในวันนี้เลื่อนเป็นช่วงบ่าย ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
คนที่ปลายสาย ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมเขาตัดสินใจแบบนี้ แต่ก็ยังส่ายหน้าตอบไปว่า“ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ”
ก็แค่เลื่อนไปเป็นช่วงบ่าย ไม่ได้ยกเลิก ดังนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อตารางการแข่งขันของพวกเขา
อีกอย่าง เวลาแข่งขันในทุกวัน ก็สี่ถึงห้าชั่วโมง
ดังนั้นเลื่อนเป็นช่วงบ่าย ก็ทำได้
“งั้นก็ดีงั้นรบกวนคุณแจ้งผู้เข้าแข่งขันที่ร่วมแข่งด้วย เปลี่ยนเวลาเป็นช่วงบ่ายละกัน”นัทธีเช็ดผมแล้วพูด
คนที่ปลายสายพยักหน้า“ครับประธานนัทธี”
นัทธีตอบอือ แล้ววางสาย
ที่เขาให้ผู้จัดงานเปลี่ยนเวลา เพราะว่า จะให้วารุณีได้นอนอีกสักพัก
เมื่อคืนทำเธอเหนื่อยมาก พักผ่อนไม่พอ จะทำงานได้ไง
คิดไป นัทธีก็โค้งเอว จูบไปที่หน้าผากวารุณี จากนั้นไปเป่าผม
กว่าเขาจะจัดการตัวเองเสร็จแล้วลงไป ก็แปดโมงแล้ว
ลีน่ากลับมาแล้ว กำลังนั่งบนโซฟาที่ห้องรับแขก พร้อมกับอุ้มเด็กๆไป กำลังอยู่ดูการ์ตูนกับเด็กๆ หัวเราะฮ่าฮ่า
ได้ยินนัทธีลงมา ลีน่าก็ปล่อยเด็กทั้งสองคน หันหน้ามองไป“ประธานนัทธี อรุณสวัสดิ์”
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการตอบรับ
เด็กทั้งสองกระโดดลงจากโซฟา วิ่งไปที่เขา กอดขาเขาคนละข้าง เงยหน้าเล็กๆมองเขา“พ่อ“
“เด็กดี!”นัทธีลูบหัวของเด็กทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“พวกลูกตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“สักพักแล้วครับ”อารัณตอบ“ไอริณหิว ดังนั้นผมเลยพาไอริณลงมา”
“อือๆ”ไอริณพยักหน้าเล็กๆ“จากนั้นคุณน้านาน่าก็ให้คุณน้าพี่เลี้ยง ทำอาหารเช้าให้หนูกับพี่ก่อนค่ะ”
“ขอบคุณนะ”นัทธีได้ยินคำนี้ ก็ขอบคุณลีน่า
ลีน่าโบกมือ“ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่ควรทำค่ะ ใช่สิประธานนัทธี วารุณีล่ะ?เธอยังไม่ลงมาเหรอ?”
“อือ เธอเหนื่อยน่ะ ยังนอนอยู่”นัทธีจูงเด็กทั้งสองไปที่โซฟา
ลีน่าได้ยินว่าวารุณีเหนื่อย รอยยิ้มที่ใบหน้าก็หุบลงทันที มองเขาเหมือนมองผู้ชายสารเลวคนหนึ่ง“ประธานนัทธี นี่คุณทำมากเกินไปหรือเปล่า?ฉันรู้ว่าคุณกับวารุณีไม่ได้เจอกันหลายวัน ดังนั้นเลยมีความต้องการสูงอย่างรุนแรง เร่าร้อน แต่วันนี้วารุณียังมีงาน คุณควบคุมสักนิดไม่ได้เหรอไง?”
“คุณกำลังสอนผมเหรอ?”นัทธีขมวดคิ้ว มองเธออย่างไม่พอใจ
ลีน่ารีบส่ายหน้า“เปล่าๆ ฉันแค่สงสารวารุณี เดี๋ยววารุณีต้องไปเป็นกรรมการ คุณทำแบบนี้……”
“การแข่งขันในตอนเช้าเลื่อนไปแล้ว”นัทธีอุ้มเด็กสองคนไปที่โซฟา อธิบายอย่างนิ่งๆ“ดังนั้นพวกลูกไม่ต้องไป ไปตอนบ่ายก็พอ”
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”มุมปากลีน่ากระตุกขึ้นมา สายตาที่มองนัทธีก็ยิ่งลึกซึ้ง“ไม่น่าล่ะประธานนัทธีไม่ทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีเลยสักนิด เพราะว่าจัดการไว้นานแล้ว”
นัทธีขมวดคิ้ว ขี้เกียจสนเธอ
ตอนนี้เอง ไอริณก็เอียงคอถาม:“พ่อ ทำไมเรียกว่าความต้องการสูงอย่างรุนแรงล่ะ และก็ทำไมหม่ามี๊ถึงเหนื่อย?”
คำนี้พูดออกไป ทั้งห้องรับแขกก็เงียบลง
สุดท้ายอารัณได้สติคืนมาก่อน จากนั้นปิดปากของไอริณไว้“ไอริณ อย่าพูด”
“อื้อๆๆ……”ไอริณเบิกตาโตสองข้าง เหมือนกำลังถาม:ทำไมเหรอพี่?
ลีน่าปิดปากแอบขำ
พระเจ้า เด็กสองคนนี้น่ารักจริงๆ
ส่วนนัทธี ใบหน้าหล่อเหลานั้นหม่นลงไป มองลีน่าอย่างเย็นชา
ต้องโทษผู้หญิงคนนี้ ไม่มีอะไรก็จะพูดเรื่องพวกนี้
ตอนนี้ดูสิ ดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆเลย
และเด็กๆก็มักจะอยากรู้อยากเห็น ถ้าไม่ได้คำตอบ ก็จะถามอยู่นาน
ลีน่ามองสายตาเย็นชาของนัทธี ก็รู้ว่าตัวเองทำผิด จึงก้มหน้าอย่างร้อนตัว ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
นัทธีก็ทำอะไรเธอไม่ได้ ยังไงเธอก็เป็นเพื่อนวารุณี
ดังนั้นหมดหนทาง เรื่องนี้ นัทธีได้แต่จัดการด้วยตัวเอง
เขาอุ้มไอริณมาจากแล้ววางไว้บนขาอารัณ จากนั้นก้มหน้าลงสบตาเข้ากับดวงตาที่ไร้ที่ติของไอริณ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน:“หม่ามี๊เหนื่อย เพราะว่าเมื่อวานรอพวกเราที่สนามบินอยู่นาน บวกกับหม่ามี๊ยังทำงานอีก ดังนั้นเลยยังไม่ตื่น”
“จริงเหรอคะ?”ไอริณกะพริบตา
นัทธีพยักหน้า“จริงสิ”
“พี่ก็รับรองว่าเป็นจริง”อารัณพูด
ไอริณหัวเราะ“แบบนี้นี่เอง งั้นหม่ามี๊ก็ลำบากแล้วจริงๆ”