บทที่ 865 องค์หญิงรัชทายาท
จ้าวรุ่ยจื่อที่กำลังเคี้ยวขนมเต็มปากพลางถามซูอันด้วยเสียงอู้อี้ “ว่าแต่พี่ใหญ่ ท่านคุยกับกบได้อย่างไร? ท่านสอนข้าหน่อยสิ!”
“เจ้าต้องจินตนาการว่าเจ้าเป็นกบเหมือนพวกมันก่อน พร้อมกับปล่อยวางความคิดทั้งหลาย แค่ใช้ปากสื่อสารกับพวกมันเท่านั้นไม่เพียงพอ…”
ซูอันแต่งเรื่องไร้สาระมากมาย เหตุผลเดียวที่เขาสามารถสื่อสารกับกบได้ก็เพราะตราหยกที่เจียงเจียงมอบให้เขาขณะอยู่ในมิติลับซากเมืองอินซวี ตราหยกนั้นทำให้เขาสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่ำได้
ว่าแต่…เขาสงสัยว่าตัวเองจะใช้มันเพื่อควบคุมองค์รัชทายาทที่โง่เขลาผู้นี้ได้หรือไม่ อีกฝ่ายดูไม่ฉลาดไปกว่ากบสักเท่าไรนี่นา?
เมื่อฟังคำสอนที่ไร้สาระของซูอันจนจบ จ้าวรุ่ยจื่อกลับดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเบื่ออาหารอย่างรวดเร็วและวิ่งไปที่สระน้ำเพื่อเล่นกับเหล่ากบทันที
เมื่อไปถึงริมสระ เขาย่อตัวนั่งลงยองและร้องอ๊บ ๆ
ทว่าเหล่ากบก็ร้องตอบ จ้าวรุ่ยจื่อรู้สึกตื่นเต้นทันที “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่! ข้าสามารถคุยกับพวกกบได้แล้ว!”
ซูอันรู้สึกงุนงง “เจ้าพูดอะไรกับพวกกบ?” เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้สั่งพวกกบให้ร่วมมือเลย
จ้าวรุ่ยจื่อตอบว่า “ข้าถามพวกกบว่ากินข้าวหรือยัง?”
“พวกกบตอบกลับไหม?” ซูอันถามกลับด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาดกว่าเดิม
“ตอบ! พวกกบตอบว่ากินแล้ว!” จ้าวรุ่ยจื่อกล่าวโดยไม่ลังเล
ซูอันเริ่มเวียนหัว…
นี่มันบ้าอะไรกัน! หรือไอ้อ้วนนี่มันคุยกับกบได้จริง!?
พวกขันทีต่างตกตะลึง หากพวกเขารู้ว่ามันง่ายที่จะหลอกองค์รัชทายาทแบบนี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาคงไม่มีทางกระโดดล่อนจ้อนไปรอบ ๆ เลียนแบบกบ
แต่มันติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือพวกเขาคงไม่มีทางทำให้กบร้องทักทายองค์รัชทายาทเหมือนที่ซูอันทำ ดังนั้นรัชทายาทคงจะไม่เชื่อพวกเขา
จ้าวรุ่ยจื่อวิ่งกลับมาหาซูอันหลังจากเล่นกับกบอยู่พักหนึ่ง “พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้าอีกอย่าง”
“อะไรล่ะ?” ซูอันตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางปอกกล้วยไปด้วย
ดวงตาของขันทีเบิกกว้าง ทำตัวสบายขนาดนี้ต่อหน้ารัชทายาท! บังอาจเกินไปแล้วนะโว้ย!
ซูอันล่วงรู้ความคิดของพวกขันทีจากคะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามา อย่างไรก็ตาม การที่เขาแสดงท่าทีแบบนี้ต่อรัชทายาทไม่ใช่เพราะว่าเขาจงใจหาเรื่องใส่ตัว สำหรับเขาแล้ว การรับมือกับคนแปลก ๆ อย่างรัชทายาทที่ใสซื่อคนนี้ เขาต้องวางตัวแบบนี้จึงจะได้ผล
จ้าวรุ่ยจื่อหัวเราะชอบใจในคำตอบของซูอัน จากนั้นเขาเหลือบมองไปทางเหล่าขันทีก่อนจะประชิดตัวซูอันและถามอย่างแผ่วเบาราวกับไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่อง “คือ…มีใครบางคนที่ข้าอยากจะแกล้งสักหน่อย ข้าอยากจะทำให้นางดมตดของข้าหรืออะไรทำนองนั้น แต่นางฉลาดเกินไปนางมักจะรอดพ้นการแกล้งของข้าได้เสมอ พี่ใหญ่ ท่านมีความคิดอะไรดี ๆ บ้างไหม?”
ซูอันเกือบจะพ่นผลไม้ออกมาจากปาก
ข้ากำลังกินอยู่! ทำไมเจ้าถึงพูดอะไรที่น่าขยะแขยงอย่าง…เรื่องตดตอนนี้!
อย่างไรก็ตาม จากแววตาที่ใสบริสุทธิ์และมีความหวังของจ้าวรุ่ยจื่อดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหมายความเช่นนั้นอย่างจริงจัง
ซูอันหัวเราะ ผู้ชายคนนี้เหมือนเด็กจริง ๆ ทั้งหมดที่เขาต้องการคือการแกล้งเพื่อนของตัวเองเหรอ?
“ง่ายจะตาย” เขาตอบอย่างเป็นกันเอง “ครั้งหน้า เมื่อเจ้ากำลังจะผายลมเจ้าจงบอกเพื่อนของเจ้าว่า ‘มันมีกลิ่นเหมือนมีอะไรไหม้อยู่’ เมื่อใดที่เจ้าพูดประโยคนี้อีกฝ่ายย่อมจะต้องพยายามสูดลมหายใจเข้าเพื่อหากลิ่นไหม้ แน่นอนว่านั่นจะทำให้เขาหายใจเอาตดทั้งหมดของเจ้าเข้าไป!”
เหล่าขันทีอ้าปากค้าง มนุษย์ทั่วไปสามารถคิดกลอุบายที่อุบาทว์เช่นนี้ได้อย่างไร?
ไอ้คน ๆ นี้มันช่างต่ำทรามของแท้!
จ้าวรุ่ยจื่อดีใจ “พี่ใหญ่ท่านช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน! คราวนี้ข้าแกล้งนางได้สำเร็จแน่นอน!”
ซูอันสะกิดใจกับประโยคคำพูดของอีกฝ่าย “เดี๋ยวนะ เจ้ากำลังจะแกล้งใคร?”
“ภรรยาของข้า!” จ้าวรุ่ยจือตอบ “นางชอบด่าว่าข้าโง่ ข้าเลยอยากจัดการกับนางสักครั้ง!”
ซูอันพูดไม่ออก
อีกฝ่ายกำลังพูดถึงองค์หญิงรัชทายาท! นี่เจ้าต้องการให้ภรรยาของเจ้าดมตดเจ้าจริงเหรอ?
“เจ้าคิดจะแกล้งข้างั้นเหรอ?” ทันใดนั้นมีเสียงพูดเย็นชาดังมาจากด้านหลังพวกเขา
จ้าวรุ่ยจื่อสั่นเทาราวกับนกกระทาที่กำลังหวาดกลัว
ซูอันหันไปในทันทีอย่างสงสัยและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น
หญิงสาวสวยกำลังเดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ ไหล่ของนางโค้งมนอย่างสมบูรณ์ รอบเอวบางมากจนดูเหมือนถูกมัดไว้ ลำคอยาวและสง่างามราวกับหงส์ ผิวกายสวยและเรียบเนียน นางแต่งกายด้วยชุดที่หรูหราริ้วผ้าสองเส้นที่โบกอยู่ข้างหลังทำให้เอวของนางดูเพรียวบางและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
มีเครื่องหมายสีแดงอยู่ตรงกลางหน้าผากของนาง เส้นผมประดับประดาด้วยดอกบัวที่ประดิษฐ์ขึ้นจากเส้นด้าย สวมมงกุฎสีทองแวววาวงามสง่า
ในขณะนี้ดวงตาที่เปี่ยมอำนาจของนางจับจ้องมาที่ซูอันอย่างเย็นชา
ซูอันขมวดคิ้ว แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยมาก แต่นางก็ดูเย็นชาเกินไป
กลิ่นอายเยือกเย็นที่วนเวียนอยู่รอบตัวนางนั้นแตกต่างจากฉู่ชูเหยียน ภรรยาของเขาซึ่งแท้จริงมีนิสัยอ่อนโยนและสุภาพ เมื่อจับคู่กับทักษะกระบี่เกล็ดหิมะที่นางฝึกฝน ทำให้นางมีบรรยากาศรอบตัวเหมือนเทพธิดาหิมะ
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขากลับดูเฉยเมยเย่อหยิ่ง แม้นางจะอยู่ในวัยสาวแรกรุ่น ทว่ากิริยาของนางกลับทำให้มีบรรยากาศรอบตัวเหมือนกับหญิงสูงวัยที่ทรงอำนาจ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่รัชทายาทร่างอ้วนที่มีชีวิตชีวาถึงกับขาอ่อนด้วยความกลัวในทันใดราวกับหนูที่เจอแมวซุ่มซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่คาดคิด
ซูอันไม่ใช่คนโง่ เห็นได้ชัดว่านี่คือองค์หญิงรัชทายาท
หญิงสาวผู้มาใหม่มองทั้งสองคนด้วยสายตาเย็นชา จ้าวรุ่ยจื่อกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ราวกับก้นถูกไฟรน เขายืนสงบอย่างเชื่อฟัง
แต่เมื่อนางสังเกตเห็นว่าซูอันยังคงนั่งสบาย ๆ หยิบผลไม้เข้าปาก นางขมวดคิ้วทันที
นางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของนางและตวาดใส่ซูอันทันที “บังอาจ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงนั่งเสมอองค์รัชทายาท?”
องค์หญิงรัชทายาทจะผู้นี้เย่อหยิ่งเกินไป เกือบจะเหมือนว่านางถือว่าสถานะของเขาต่ำเกินไปที่จะพูดด้วยโดยตรง ดังนั้นนางจึงให้นางกำนัลของนางจึงตำหนิเขาแทน
ซูอันมองนางกำนัลคนนั้นอย่างเฉยเมย “องค์รัชทายาทอนุญาตให้ข้านั่งที่นี่ ข้าต้องขออนุญาตเจ้าด้วยงั้นเหรอ? เจ้าเป็นคนสำคัญมากกว่าองค์รัชทายาทหรืออย่างไร?”
“เจ้า!” นางกำนัลเริ่มตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ในทันที
—
ท่านยั่วยุหรงโม่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
นางเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ขององค์หญิงรัชทายาท คนอื่นมักจะพยายามประจบประแจงนาง นางไม่เคยเจอใครที่กล้าโต้เถียงกับนางทันทีตั้งแต่พบกันครั้งแรก นางงุนงงมากจนไม่รู้จะตอบอย่างไรซึ่งทำให้นางยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
ซูอันหรี่ตามองนางกำนัล เขาสามารถบอกได้ตั้งแต่เริ่มแรกว่าบุคคลนี้ไม่สามารถใช้เหตุผลคุยด้วยได้
องค์หญิงรัชทายาทดูประหลาดใจ นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าซูอันจะกล้าขัดแย้งกับคนของนาง
—
ท่านยั่วยุปี่หลิงหลงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 258!