บทที่ 866 เหล่าหญิงสาวผู้สูงศักดิ์
ซูอันหันไปมององค์หญิงรัชทายาทด้วยความรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างอารมณ์ร้าย
องค์หญิงรัชทายาทรู้สึกไม่มีความสุขในขณะที่ถูกซูอันจ้องมอง นางส่งเสียง ‘จิ๊’ ด้วยความโกรธเคือง
นางเป็นถึงองค์หญิงรัชทายาท! โดยปกติผู้ชายทุกคนจะต้องก้มศีรษะต่อหน้านาง หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีใครกล้ามองนางอย่างเปิดเผยเช่นนี้
แม้แต่เสนาบดีคนสำคัญในราชสำนักก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงการสบตากับนาง แต่ชายคนนี้กลับไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!
—
ท่านยั่วยุปี่หลิงหลงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 489!
—
“โม่น้อย ข้าเป็นคนบอกให้เขานั่งตรงนั้น” จ้าวรุ่ยจื่อพูดอย่างขลาด ๆ
นางกำนัลกำลังจะพูดอย่างอื่น แต่องค์หญิงรัชทายาทหยุดเอาไว้ นางกำนัลที่โง่เง่าคนนี้อ้างชื่อรัชทายาทเพื่อตำหนิซูอัน แต่องค์รัชทายาทเองกลับยอมรับออกมา มันไม่มีประโยชน์อย่างยิ่งที่จะโต้เถียงกันอีกต่อไป สุดท้ายจะเป็นฝ่ายนางที่เสียหน้าซะเอง
นางหันศีรษะไปหาขันทีที่เปลือยเปล่าอยู่ด้านข้าง “พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” นางถาม
สวีน้อยและเหอน้อยตัวสั่นขณะที่ตอบว่า “กราบทูลองค์หญิงรัชทายาท พวกเรากำลังแสร้งทำเป็นกบพะย่ะค่ะ”
ปี่หลิงหลงพูดไม่ออกชั่วขณะ
นางรู้ว่าสามีของนางเป็นคนแบบไหน และเรื่องไร้สาระพวกนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลย ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนคำถาม “ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วนี่ใคร?”
ดวงตาของซูอันหรี่ลง องค์หญิงรัชทายาทผู้นี้ฉลาดกว่านางกำนัลคนนั้นมาก ดูจากรูปการณ์แล้วนางกำลังมองหาเหตุผลอื่นที่จะลงโทษเขา
สวีน้อยและเหอน้อยรีบเล่าถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกเขาไม่กล้าที่จะล่วงเกินองค์หญิงรัชทายาท แต่พวกเขาก็กลัวที่จะล่วงเกินองค์รัชทายาทด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะอธิบายทุกสิ่งอย่างเป็นกลาง
โดยไม่คาดคิด ปี่หลิงหลงโกรธเคืองเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด “คุยกับกบ? โทษฐานหลอกลวงองค์รัชทายาทจะต้องถูกตบปากยี่สิบครั้งเพื่อไม่ให้ผู้ใดเอาเยี่ยงอย่าง!”
“พะย่ะค่ะ!” ขันทีที่เดินตามหลังนางมาหาซูอันพร้อมแสยะยิ้ม
จ้าวรุ่ยจื่ออ้าปากจะพูดหลายครั้ง แต่เมื่อเขาเห็นท่าทีที่ดุร้ายขององค์หญิงรัชทายาท เขาก็กลืนคำวิงวอนลงคอไป
ซูอันไม่มีทางปล่อยให้ขันทีเหล่านี้แตะเนื้อต้องตัว เขาขึ้นเสียงทันที “ช้าก่อน!”
ปี่หลิงหลงมองเขาอย่างเย็นชา นางไม่ต้องการพูดคุยกับเขา
ใบหน้าของซูอันมืดลง อย่างน้อยก็ควรให้โอกาสเขาอธิบายตัวเองไม่ใช่หรือ?
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาทำได้เพียงพูดว่า “ข้าเป็นสหายขององค์รัชทายาท พระองค์เชิญข้ามา ถ้าไม่เชื่อก็ถามพระองค์เองสิพะย่ะค่ะ!” เขาสะกิดร่างอ้วนข้าง ๆ ขณะพูด
ในที่สุดจ้าวรุ่ยจื่อก็ตั้งสติได้ “หลิงหลง เขาเป็นเพื่อนของข้าและเขาไม่ได้โกหกข้า ข้าต้องการให้เขาเป็นอาจารย์สอนวิธีพูดกับกบ มันน่าสนใจกว่าสิ่งที่อาจารย์คนอื่นสอนข้ามาก”
“เขาบอกให้เจ้าเรียกเขาว่าอาจารย์เหรอ?” เสียงของปี่หลิงหลงยิ่งเย็นชา “น่ารังเกียจอย่างยิ่ง! ไม่จำเป็นต้องตบปาก โยนมันลงไปกองกับพื้นแล้วโบยสักร้อยครั้ง!”
—
ท่านยั่วยุปี่หลิงหลงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 581!
—
ขันทีที่รับใช้นางเร่งฝีเท้าเข้ามาหาซูอันทันที
ซูอันหันขวับไปจ้องมองพวกเขาเขม็งอย่างเย็นชา ขันทีตัวแข็งทื่อราวกับกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแกะสลัก ทุกคนรู้สึกราวกับกำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่น่ากลัวบางอย่าง ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าแม้อีกเพียงครึ่งก้าว
แม้แต่องค์หญิงรัชทายาทและนางกำนัลของนางก็รู้สึกหัวใจสั่นไหว
ทำไมแววตาของชายคนนี้น่ากลัวขนาดนี้?
ไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้ว่าซูอันได้ผ่านสถานการณ์เป็นตายมานับไม่ถ้วนแล้ว แถมยังใช้ชีวิตในฐานะจักรพรรดิของราชวงศ์ซางอยู่หลายสิบปี! รวมถึงกระบี่ไท่เอ๋อร์ซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยเต๋าแห่งการปกครอง ทั้งหมดนี้ทำให้กลิ่นอายของเขาไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปอย่างสิ้นเชิง มันย่อมเป็นเรื่องปกติที่คนธรรมดาจะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับเขา แม้ว่าโดยปกติเขาจะปกปิดมันไว้ก็ตาม
ตอนนี้ที่องค์หญิงรัชทายาทเป็นฝ่ายปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่สุภาพ ดังนั้นไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะยังคงเกรงใจนางอีก
คนธรรมดาจะรอดจากการถูกโบยร้อยครั้งได้อย่างไร? แม้ว่าผู้บ่มเพาะจะไม่ตาย แต่ผิวหนังของพวกเขาก็ยังคงฉีกออกจากเนื้อ เนื่องจากผู้ที่ลงโทษก็เป็นผู้บ่มเพาะเช่นกัน
ซูอันกล่าวอย่างเย็นชาว่า “องค์รัชทายาทเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นไปได้ด้วยหรือว่าพระองค์ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกคบสหาย? ในฐานะชายา องค์หญิงไม่ได้ควบคุมสามีมากเกินไปหรือพะย่ะค่ะ? หรือว่าบางทีองค์หญิงอาจมองว่าตัวเองเป็นทายาทที่แท้จริงของราชบัลลังก์และเห็นองค์รัชทายาทเป็นแค่หุ่นเชิด?”
ใบหน้าของปี่หลิงหลงกระตุก นางจะกล้ายอมรับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? หากข่าวลือนี้หลุดออกไปจะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน นางย่อกายคารวะจ้าวรุ่ยจื่ออย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ข้าแค่เป็นกังวลว่าพระองค์อาจถูกหลอกเพราะความใสซื่อของท่าน ไม่มีความหมายอื่นใดอยู่เบื้องหลังการกระทำของข้า”
จ้าวรุ่ยจื่อไม่สนใจความขัดแย้งใด ๆ ระหว่างพวกเขาทั้งสอง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะ
เมื่อเขาเห็นว่านางโค้งคำนับเขา จ้าวรุ่ยจื่อก็รีบเดินเข้าไปช่วยประคองนางโดยไม่รู้ตัว
ปี่หลิงหลงยืดตัวอย่างรวดเร็วก่อนที่รัชทายาทจะทันได้จับเนื้อต้องตัวนาง แม้จะดูราวกับว่าองค์รัชทายาทประคองนาง แต่ซูอันก็อยู่ใกล้พอที่จะเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้สัมผัสกันเลย
สามีภรรยาคู่นี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ
ซูอันกระแอมเบา ๆ “ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากคำพูดขององค์รัชทายาทแล้ว เป็นไปได้ไหมที่องค์หญิงรัชทายาทจะคิดว่าองค์รัชทายาทโง่เขลาไม่มีแม้แต่ความสามารถในการแยกแยะระหว่างถูกและผิด?”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นซีดเผือด การกล่าวถึงสติปัญญาของรัชทายาทถือเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างยิ่ง ชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะพูดเรื่องนี้ในที่สาธารณะเท่านั้น แต่ยังพูดออกมาต่อหน้าองค์รัชทายาทด้วย!
ปี่หลิงหลงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จ้าวรุ่ยจื่อก็ออกความเห็นโดยไม่คาดคิด “หลิงหลง ซูอันพูดถูก! ข้าไม่ได้โง่!”
ปี่หลิงหลงพูดไม่ออก
สามีปัญญาอ่อนคนนี้ทำให้เรื่องยุ่งไปหมด! แล้วนางจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีก?
ไม่มีทางที่นางจะเต็มใจปล่อยให้ซูอันไปง่าย ๆ
เดี๋ยวนะ ซูอัน…? ทำไมชื่อนี้ฟังดูคุ้น ๆ
ทันใดนั้น เสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง “ขอทราบได้หรือไม่ว่า ขณะนี้น้องหลิงหลงกำลังโกรธผู้ใดกัน?”
เมื่อปี่หลิงหลงได้ยินเสียงนี้ รอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของนางปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนที่นางจะหันหลังกลับ “พระสนมไป่ อะไรทำให้เจ้ามาเดินเล่นที่นี่ในวันนี้?”
ซูอันมองหญิงสาวสูงศักดิ์ที่มาใหม่ ผู้ที่มีดวงตากลมโตแจ่มใส คิ้วโก่งราวกับคันศร เต็มไปด้วยสง่าราศี