บทที่ 801 ซูซื่อเลี่ยงกลับมาแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 801 ซูซื่อเลี่ยงกลับมาแล้ว

บทที่ 801 ซูซื่อเลี่ยงกลับมาแล้ว

หลังจากเปิดเทอม ทางมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงได้สูญเสียรองอธิการเซียวหย่วนหยางไปแล้ว และในขณะเดียวกันก็ได้ต้อนรับนักศึกษาใหม่ด้วย

มหาวิทยาลัยก็แบบนี้แหละ ส่งท้ายรุ่นพี่ต้อนรับน้องใหม่คงความเยาว์วัยความสดใสเอาไว้

พอเปิดเทอม ซูซื่อเลี่ยงผู้เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็กลับมามหาวิทยาลัย และคราวนี้เขากลายเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาแล้ว ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกนานกว่าปี ซื่อเลี่ยงไม่สบายใจเท่าไรตอนกลับมายังมหาวิทยาลัยอันคุ้นเคย

สถานที่มันก็ยังเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคือตัวเขาต่างหาก

หลังจากหาประสบการณ์มาหนึ่งปี ซื่อเลี่ยงก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง นิสัยของเขาเปลี่ยนไปมากตอนนี้เขาไม่ใช่แค่จิตรกรที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นคนเจนโลกที่รู้จักหาเงินแล้ว

ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ลี่เฉิงนานนับปี เขาได้ใช้ความคิดและจิตวิญญาณไปมากเพื่อทำงาน เขาได้เจอคนทุกประเภท แถมยังได้เรียนรู้บ้านเมืองจากอาเขยอีกมากมาย ด้วยกระบวนการโต้ตอบกับผู้คนมันได้เปลี่ยนความคิดของเขาใหม่ และในขณะเดียวกันก็เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์อย่างลึกซึ้งขึ้น

แม้งานจะยุ่งมาก แต่ซื่อเลี่ยงยังปฏิบัติตามข้อกำหนดของอาจารย์อย่างเคร่งครัดและไม่เคยละเลยในการวาดภาพเลย ที่จริงช่วงวันหยุดอาจารย์ลงทุนไปหาถึงลี่เฉิงเพื่อดูแลเขาด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่านักศึกษาคนโปรดจะกลืนหายไปกับฝูงชนและกลายเป็นนักธุรกิจ

ว่ากันตรง ๆ ภาพวาดของซื่อเลี่ยงยังดีเช่นเคย ไม่สิ ต้องบอกว่าดีกว่าเดิมอีก มันเป็นภาพวาดที่เติมไฟแห่งจิตวิญญาณเข้าไปจึงมีความลึกซึ้งมากขึ้น เป็นความก้าวหน้าที่หาได้ยากมาก

ตัวอาจารย์ยังคิดเลยว่า จนถึงตอนนี้ภาพของอีกฝ่ายค่อนข้างอยู่ในระดับปรมาจารย์แล้ว และจะต้องเป็นผู้นำในโลกแห่งการวาดภาพอย่างแน่นอน

ต่อให้ซื่อเลี่ยงไปอยู่ที่อื่นมาเป็นปี ตอนนี้ก็ยังมีคนชื่นชมเขาอยู่ในมหาวิทยาลัย เหล่าหญิงสาวที่เห็นเขากลับมาอีกครั้งยังชื่นชมอยู่เหมือนเดิม

ตอนที่ซื่อเลี่ยงเรียนจบพวกเธอผิดหวังกันมาก แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับมาอีกครั้ง แล้วแบบนี้จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไง?

ตอนนี้เราเฝ้ามองเขาเดินจากหอพักไปยังร้านสินค้าเฟิงชางที่ถนนเส้นหลัง ทุกคนที่นี่รู้ดีว่าเจ้าของร้านนั้นคือซูเสี่ยวเถียน คนที่สวยที่สุดในมหาวิทยาลัย

ถึงปีนี้เด็กสาวอายุแค่ 15 แต่หน้าตาของเธอนั้นสวย ใช่ สวยจริง ๆ ไม่มีคำว่าหนึ่งในคนที่สวยที่สุดด้วยนะ

ต่อให้อยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้มากพรสวรรค์ แต่เด็กสาวยังโดดเด่นได้อีก

แม้กระทั่งร้านที่เปลี่ยนเจ้าของมาสามเจ้าเสี่ยวเถียนกลับสามารถเปิดได้สำเร็จ ขนาดไม่ค่อยดูแลยังทำรายได้ได้มากมาย

มันคือเรื่องจริง เสี่ยวเถียนไม่ได้พยายามเลยด้วยซ้ำ แค่เปิดร้านตามปกติ จ้างคนมาทำงานประจำ และนักศึกษาพาร์ทไทม์สองคนช่วยดูแลเอง

เธอซื้อสินค้าตัวเองเป็นครั้งคราวด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มู่มู่ส่งมาให้ ไม่ก็ซื่อเลี่ยงส่งมาจากลี่เฉิงและหรงเฉิง

ตอนเห็นพี่รอง เด็กสาวเพิ่งจัดสินค้าเข้าใหม่เลย

“เสี่ยวเถียน!”

“พี่รองกลับมาแล้วเหรอคะ?” เสี่ยวเถียนมองใบหน้าดำคล้ำและซูบซีดด้วยแววตาเจ็บปวด

พี่รองไปอยู่ที่อื่นเป็นปี บ้านช่องยังไม่ได้กลับ แม้กระทั่งกลับมามหาวิทยาลัยยังเป็นช่วงเวลาจวนเจียนเลย

“ถ้าพี่กลับมาเร็วกว่านี้สักสองวันคงจะได้กลับไปหาคนที่บ้านนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้พี่เป็นนักศึกษาปริญญาโทรแล้ว มีเวลาให้กลับบ้านอีกเยอะ” ซื่อเลี่ยงยิ้ม

น้องสาวเป็นสาวแล้ว แถมยังโตขึ้นนิดหน่อยด้วย ร่างกายอ้อนแอ้น ไม่รู้มีหนอนมีแมลงมาตอมกี่ตัว โชคดีที่ตนกลับมาแล้ว จึงมีโอกาสให้ปกป้องเธอเสียที

โดยเฉพาะไอ้เวรฉืออี้หย่วน ตั้งแต่เล็กจนโตไม่รู้จักตั้งใจเรียนเอาแต่นึกถึงน้องสาวเขาตลอดเลย

ฉืออี้หย่วนที่อยู่ห้องจามขึ้นมา นี้มันเพิ่งจะต้นเดือนเก้าเองนะ ถึงอากาศจะไม่ได้ร้อนอย่างก่อนหน้านี้แต่มันคงไม่ถึงขนาดทำให้เป็นหวัดหรอกมั้ง?

หลังจากสองพี่น้องพบกันก็พากันไปกินข้าวเย็น และร้านอาหารที่จะไปคือหออีหมิง ถูกต้อง บ้านเราเปิดสาขาที่สองแล้ว มีหลี่หลินหลินคอยดูแลจัดการ

ถึงผู้ใหญ่ในบ้านจะอยากอุ้มหลานอุ้มเหลนไว ๆ แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพร่างกายของเธอ จึงปล่อยให้เธอคอยบำรุงไปก่อนอีกสักสองปี

ในเมื่อเราไม่ได้วางแผนจะมีลูก เราจึงมาเปิดอีกสาขาที่หน้ามหาวิทยาลัย

หออีหมิงเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวง หลังเปิดตัวที่นี่ร้านจึงคราคร่ำไปด้วยผู้คนทุกวัน

ร้านอาหารโดยรอบอิจฉามาก พวกเขาลองใช้วิธีการต่าง ๆ มากมาย แต่หลินหลินยังคงปฏิบัติตามคำสอนของผู้ใหญ่ที่บ้านโดยไม่เกร็งหรือกลัว นั่นคือการรักษาคุณภาพและบริการชั้นยอดไว้เช่นเคย

สำหรับร้านอาหาร มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสดใหม่ของวัตถุดิบ และความละเอียดอ่อนในการทำอาหาร แต่บางครั้งการตลาดก็ไม่ได้สำคัญเท่าสองอย่างนี้หรอกนะ

หลินหลินดีใจมากที่น้องสามีทั้งสองมาที่ร้าน

“พวกเธอมาด้วยกันเหรอเนี่ย? ซื่อเลี่ยงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? พี่ได้ยินว่าเธอจะกลับมาแต่ไม่รู้ตอนไหนน่ะ!”

หลินหลินพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรื่องที่ซื่อเลี่ยงไปอยู่ที่อื่นมาตั้งหนึ่งปี ปีใหม่เมื่อไหร่ผู้ใหญ่ที่บ้านพูดถึงเขาเสมอเลย

“พี่สะใภ้ครับ ผมเพิ่งถึงกลับมาถึงวันนี้เลย ก็เลยแวะไปหาเสี่ยวเถียนแล้วมาด้วยกันนี่แหละ”

“พอดีเลย เดี๋ยวพี่ใหญ่จะตามมาทีหลังน่ะ พวกเธอสามคนจะได้เจอกันสักทีนะ”

ซื่อเลี่ยงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกได้ว่าทุกคนเติบโตกันหมดแล้ว

วันเวลาที่เคยอยู่ร่วมกันเช้าจรดเย็นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง แต่พริบตาเดียวพวกเราก็โตขึ้น ต้องหาวันทบทวนความหลังบ้างแล้วสินะ

ตอนนี้หออีหมิงสาขาสองกำลังไปได้สวย ภายในร้านจึงเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษา และเมื่อพวกเขาเห็นสองพี่น้องที่เพิ่งมาใหม่ก็ตกใจและสับสนปนกัน

ต้องบอกก่อนว่า ซูเสี่ยวเถียนมักจะอยู่กับฉืออี้หย่วนเสมอ ชายหนุ่มผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนุ่มที่หล่อที่สุดในมหาวิทยาลัย แล้วทำไมวันนี้ถึงมากับอีกคนแล้วล่ะ?

ทำไมมีแต่คนโด่งดังอยู่รอบกายเสี่ยวเถียนทั้งนั้นเลย?

ถ้าเสี่ยวเถียนไม่ดีเลิศ พวกผู้หญิงอาจจะอิจฉา แต่เพราะรู้ถึงกิตติมศักดิ์ของเด็กสาวดีจึงไม่คิดเช่นนั้นสักนิด

ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความสามารถอันเลิศของเด็กสาวแล้ว บางคนถึงกับเคยพูดไว้เลยว่า ซูเสี่ยวเถียนคือสารานุกรมเดินได้ และไม่มีอะไรที่เสี่ยวเถียนไม่รู้

อันที่จริงมันก็ดูโม้ไปหน่อย แต่พอมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็ไม่แปลกที่จะกลายเป็นตำนาน

บางกลุ่มกำลังเสียใจ ส่วนบางกลุ่มเห็นว่าซูซื่อเลี่ยงแซ่ซูเหมือนกัน จึงคิดว่าทั้งคู่น่าจะเป็นพี่น้องกันแน่ ๆ ยิ่งได้ยินบทสนทนาของหลินหลินด้วยแล้ว จึงได้รับการยืนยันเลยว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ