ตอนที่ 797 ไร้ร่องรอย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 797 ไร้ร่องรอย

บัดนี้ราชสำนักต้าเหลียงส่งเหลียนเหวินเจี๋ยนำทัพใหญ่สามหมื่นนายมาช่วยเสริมทัพแล้ว กองทัพใหญ่เดินทางมาถึงได้สามวันแล้ว ทว่า จำนวนทหารในกองทัพต้าเหลียงก็ยังห่างจากของต้าจิ้นมากอยู่ดี ที่สำคัญฝ่ายนั้นมีองค์หญิงเจิ้นกั๋วอยู่ด้วย แม้แต่เหลียนเหวินเจี๋ยก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามบุกออกไปต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายจึงได้แต่รอดูท่าทีของอีกฝ่ายอยู่อย่างสงบเช่นนี้

หยางอู่เช่อยืนมองแผนที่ของแต่ละแคว้นอยู่ในห้องตำราเป็นเวลานานแล้ว ทว่า เขาก็ยังติดสินใจเด็ดขาดไม่ได้เสียที

“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ หยางเวยที่นำสูตรยาไปส่งยังเมืองหานกลับมาแล้วขอรับ!” รองแม่ทัพของหยางอู่เช่อพาทหารที่นำสูตรยาไปส่งยังเมืองหานเดินเข้ามาจากด้านนอก

หยางอู่เช่อจึงหมุนกายเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะเล็ก จากนั้นสื่อให้หยางเวยนั่งลง

เมื่อหยางเวยนั่งลงเรียบร้อย เขาดื่มน้ำอึกใหญ่ จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยให้รวบรวมสมุนไพรที่ใช้สำหรับรักษาโรคระบาดทั่วทั้งแคว้นแล้วส่งไปที่ค่ายทหารด่านหน้าขอรับ ทรงมีพระราชโองการว่าห้ามให้ชาวบ้านแอบซ่อนยาสมุนไพรไว้เองเด็ดขาด ให้มอบยาสมุนไพรทั้งหมดให้ราชสำนัก หากพบว่าผู้ใดแอบซุกซ่อนไว้เองจะลงโทษสถานหนักขอรับ!”

ความจริงตอนที่หยางอู่เช่อและแม่ทัพคนอื่นๆ เห็นว่าส่วนผสมของสูตรยารักษาโรคระบาดมีหวงเฉินเป็นส่วนประกอบ พวกเขาก็เดาได้แล้วว่าอาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ตอนนี้จักรพรรดิต้าเหลียงของพวกเขาไม่เพียงคิดแต่จะแก้แค้นแคว้นต้าจิ้น แคว้นต้าจิ้นยังยกทัพมาประชิดเมืองถึงเพียงนี้แล้วด้วย จักรพรรดิต้าเหลียงเลือกปกป้องทหารก่อนก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

“แผนการขององค์หญิงเจิ้นกั๋วช่างร้ายกาจมาก” หยางอู่เช่อขบกรามแน่น เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดองค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงมอบสูตรยาให้กับต้าเหลียง “ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ชาวบ้านต้องผิดหวังในตัวพระองค์อย่างแน่นอน พระองค์เป็นจักรพรรดิของแคว้น เมื่อได้สูตรยากลับไม่รีบรักษาชาวบ้าน ทว่า กลับแย่งยาไปจากชาวบ้าน นี่มันต้องการบีบให้ชาวบ้านไม่มีทางรอดชัดๆ”

การค้นหายาสมุนไพรทั่วทั้งแคว้น ไม่สนใจชีวิตของชาวบ้านต้องทำให้ชาวบ้านไม่พอใจจักรพรรดิต้าเหลียงอย่างแน่นอน

ส่วนต้าจิ้นมอบสูตรยารักษาโรคระบาดให้ต้าเหลียง แสร้งทำเป็นคนดีมีเมตตาต่อหน้าแคว้นอื่น หากต้าเหลียงยังทำสงครามกับต้าจิ้นต่อก็ถือว่าไม่รู้จักบุญคุณคน ต่อให้วันหน้าต้าจิ้นทำลายแคว้นต้าเหลียงจนสิ้นซาก แคว้นอื่นก็ไม่อาจตำหนิต้าจิ้นได้

แคว้นต้าจิ้นแค่บอกว่าตัวเองแสดงความเป็นมิตรโดยการมอบสูตรยาของต้าจิ้นให้ต้าเหลียงแล้ว ทว่า จักรพรรดิต้าเหลียงเอาแต่คิดจะแก้แค้นให้องค์ชายสี่ ไม่ยินยอมเจรจาสงบศึก ต้าจิ้นจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้

ที่สำคัญระหว่างทำสงครามต้าจิ้นมอบยาของตัวเองรักษาอาการป่วยของชาวบ้านแคว้นต้าเหลียง ต้าจิ้นยังคงเป็นแคว้นที่มีความเมตตา ชาวบ้านต้าเหลียงไม่มีทางขัดขวางกองทัพจิ้นอย่างแน่นอน!

หยางอู่เช่อหลับตาลง เขาได้ยินหยางเวยกล่าวต่อ “ยังมีอีกเรื่องขอรับ องค์ชายสามต่อว่าฝ่าบาทกลางราชสำนักว่าฝ่าบาทต้องการเป็นจักรพรรดิที่ทำให้แคว้นดับสูญ จากนั้นองค์ชายสามทรงวิ่งเอาศีรษะกระแทกเสาเพื่อเตือนสติฝ่าบาท เมื่อถูกช่วยเอาไว้ได้ เขาถูกฝ่าบาทเย้ยหยัน บัดนี้องค์ชายสามหมดกำลังใจ เอาแต่กักตัวเองอยู่แต่ในจวน ไม่เข้าร่วมการว่าราชการตอนเช้าอีกเลยขอรับ!”

หยางอู่เช่อได้ยินเช่นนี้จึงถอนหายใจออกมายาว เขาคิดได้แล้ว…

ถึงแม้วันนี้หยางอู่เช่อจะต้านทานไม่ให้กองทัพต้าจิ้นบุกเข้ามาทำลายต้าเหลียง ทว่า ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเสื่อมถอยของต้าเหลียงได้อยู่ดี เพราะจักรพรรดิของแคว้นต้าเหลียงหน้ามืดตามัว ละทิ้งบ้านเมืองและชาวบ้านโดยไม่สนใจใยดี เอาแต่จมปลักอยู่กับความแค้น เขาไร้ความรับผิดชอบและสูญเสียจิตวิญญาณความเป็นจักรพรรดิไปแล้ว เขากลายเป็นเพียงผู้บ้าอำนาจที่กุมอำนาจสูงสุดเหนือคนทั้งปวง ทว่า ในขณะเดียวกันก็เป็นเพียงบิดาชราผู้คิดแก้แค้นให้บุตรชายของตัวเองเท่านั้น

หากในราชวงศ์ต้าเหลียงยังมีผู้ใดที่คิดและทำเพื่อต้าเหลียงอย่างจริงใจ คนผู้นั้นก็คงมีเพียงองค์ชายสามเท่านั้น

ทว่า บัดนี้แม้แต่องค์ชายสามยังสิ้นหวังแล้ว ต้าเหลียงยังมีความหวังอันใดเหลืออยู่อีก

รองแม่ทัพของหยางอู่เช่อมองดูหยางอู่เช่อที่หลับตานิ่ง ดูเหมือนมีน้ำตาซึมออกมาจากขอบตาเล็กน้อย เขาจึงขบกรามแน่น รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปด้านหน้า จากนั้นกำหมัดกล่าวกับหยางอู่เช่อ “ท่านแม่ทัพอย่ามัวลังเลอยู่อีกเลยขอรับ ข้าทราบว่าท่านแม่ทัพเป็นคนมีใจทะเยอทะยาน ทว่า จงรักภักดีต่อบ้านเมืองเช่นเดียวกัน! บัดนี้ต้าจิ้นมียาที่สามารถช่วยชีวิตชาวบ้านต้าเหลียงได้ ต้าจิ้นมีกำลังและความปรารถนาแรงกล้าในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ท่านแม่ทัพเองก็อยากเห็นใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งเช่นเดียวกัน ตอนนี้ต้าเยี่ยนต้องการทำลายล้างแคว้นเว่ยให้ได้ องค์หญิงเจิ้นกั๋วคงไม่มีเวลาให้ท่านแม่ทัพลังเลอีกต่อไปแล้วขอรับ”

หลังจากที่หยางอู่เช่อกลับมาจากการไปพบหน้าจ้าวเซิ่ง เขาเรียกลูกน้องทุกคนของตัวเองมาปรึกษา หยางเวยก็เป็นหนึ่งในนั้น

หยางเวยเดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะ คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น จากนั้นกำหมัดกล่าวกับหยางอู่เช่อ “ท่านแม่ทัพ หากกองทัพต้าจิ้นบุกเข้ามาในเมืองเพื่อเจรจาสงบศึกกับท่านแม่ทัพ ความสำคัญของท่านแม่ทัพในสายตาขององค์หญิงเจิ้นกั๋วก็จะต่างออกไป ที่สำคัญทหารของเราจะได้ไม่ต้องบาดเจ็บล้มตาย ข้ายินดีติดตามท่านแม่ทัพทำให้ใต้หล้าสงบสุขขอรับ!”

หยางอู่เช่อค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขามองดูรองแม่ทัพและหยางเวยที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า เขากำหมัดแน่นอย่างตัดสินใจได้ “หยางเวย ออกไปบอกจ้าวเซิ่งที่ค่ายทหารต้าจิ้นว่าให้เขาทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่าพรุ่งนี้หยางอู่เช่อจะพาทหารในเมืองหลิ่วโจวออกไปต้อนรับนางที่นอกเมือง ข้ายินดีนำทหารทั้งหมดของข้าติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตาย!”

“ขอรับ!” หยางเวยรับคำ จากนั้นรีบวิ่งออกไปด้านนอกโดยไม่สนใจเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นโคลนของตัวเอง

“ส่วนเจ้า…” หยางอู่เช่อเดินไปหยุดอยู่ข้างกายรองแม่ทัพ จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “ส่งคนไปควบคุมเหลียนเหวินเจี๋ยและแม่ทัพติดตามอีกสามนายของเขาไว้ จากนั้นเรียกรวมตัวทหารทั้งหมดในเมืองหลิ่วโจว บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะกล่าว”

“ขอรับ!” รองแม่ทัพเตรียมเดินจากไป ทว่า หยางอู่เช่อจับข้อมือเขาไว้เสียก่อน หยางอู่เช่อกระซิบเสียงเบา “จัดการอย่างเงียบเชียบที่สุด ข้าไม่ต้องการให้เหลียนเหวินเจี๋ยหรือแม่ทัพของเขาอาละวาดขึ้นมาตอนนี้จนทหารเสียขวัญขึ้นมา”

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หยางอู่เช่อก็มีเพียงทางเดินเดียวเท่านั้น เขาต้องเดินไปให้สุดทางแม้จะเป็นหนทางที่มืดหม่นก็ตาม

ครั้งนี้หากเขาติดตามองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งไม่สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นคนทรยศแผ่นดินบ้านเกิดขึ้นมาทันที หากทำสำเร็จ เขาจะกลายเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบ!

ทว่า ดูจากฝีมือและความสามารถขององค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว หยางอู่เช่อเชื่อว่าการติดตามองค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องได้ผลลัพธ์อย่างหลังแน่นอน

กองทัพต้าจิ้นตั้งค่ายอยู่ในด่านชิงซีซานเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว แม่ทัพบางคนเริ่มร้อนใจ ไม่รู้ว่ายังต้องทำสงครามต่อไปหรือไม่

หวังสี่ผิงและหลินคังเล่อยังไม่เท่าใดนัก ก่อนหน้านี้พวกเขาติดตามแม่ทัพจางตวนรุ่ย แม่ทัพจางตวนรุ่ยเป็นคนทำสงครามด้วยความรอบคอบไม่วู่วาม บัดนี้พวกเขาติดตามแม่ทัพหลิวหงที่ยึดความรอบคอบเป็นหลักยิ่งกว่าแม่ทัพจางตวนรุ่ย ต่อให้พวกเขาใจร้อนมากเพียงใด เมื่ออยู่กับแม่ทัพหลิวหงไปนานๆ พวกเขาก็ชินชาลงมากแล้ว

ทว่า ไป๋จิ่นจื้อ แม่ทัพใหญ่หลิวผิงเกาและทหารคนอื่นๆ ของกองทัพผิงอันกลับเริ่มทนไม่ไหว

เมื่อทนเสียงรบเร้าของกองทัพผิงอันไม่ไหว หลิวผิงเกาจึงพาหวังจินผู้นำค่ายเฟยสยงแห่งกองทัพผิงอันไปขอเข้าพบองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่กระโจมใหญ่

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองเห็นหลิวผิงเกาพาทหารหน้าคุ้นผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้านใน หญิงสาวจึงวางตำราไม้ไผ่ในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “แม่ทัพหวังจินแห่งค่ายเฟยสยงก็มาด้วยหรือ…”

หวังจินมองไปทางหลิวผิงเกาแวบหนึ่งด้วยความประหม่า จากนั้นรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเพื่อคารวะไป๋ชิงเหยียนแล้วกล่าวอย่างเจียมตัว “กระหม่อมไม่คู่ควรกับคำว่าแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ นึกไม่ถึงว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะทรงจำคนต้อยต่ำอย่างกระหม่อมได้”

“ข้าย่อมจำท่านได้อยู่แล้ว ท่านติดตามข้าไปช่วยเกาอี้จวิ้นจู่ที่ภูเขาหั่วเสิน ข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย รีบลุกขึ้นเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ