ตอนที่ 798 จะไปถึงแน่นอน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 798 จะไปถึงแน่นอน

หวังจินเอื้อมมือลูบศีรษะของตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูก จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเคารพนับถือและหนักแน่น “กระหม่อมแค่ประทับใจคำกล่าวขององค์หญิงเจิ้นกั๋วในตอนนั้น องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงตรัสว่ากองทัพไป๋ไม่เคยทอดทิ้งสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแม้เพียงผู้เดียว ตรัสว่าแม้วันนั้นผู้ที่ถูกล้อมอยู่ในภูเขาหั่วเสินจะไม่ใช่เกาอี้จวิ้นจู่ แต่เป็นสหายคนใดคนหนึ่งที่ยอมสละชีพของตัวเองเพื่อช่วยสหายคนอื่น องค์หญิงเจิ้นกั๋วก็จะเสี่ยงชีวิตไปช่วยเหลือพวกเขาเช่นเดียวกัน! องค์หญิงเจิ้นกั๋วตรัสว่านี่ไม่เกี่ยวกับความดีความชั่ว คุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า นี่คือความศรัทธา คือคุณธรรม! กระหม่อมฟังแล้วสะเทือนใจยิ่งนัก ดังนั้นกระหม่อมจึงยินดีติดตามองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อหวังจินนึกถึงคำกล่าวที่หนักแน่นบนหลังม้าของไป๋ชิงเหยียนในตอนนั้น เขาก็ยังรู้สึกเลือดร้อน และตื่นเต้นอยู่เลย

เขาจดจำถ้อยคำที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวได้ทุกคำ สามารถท่องออกมาได้อย่างแม่นยำ

หวังจินยินดีติดตามแม่ทัพอย่างไป๋ชิงเหยียนไปตายในสนามรบโดยไม่เสียดายชีวิตของตัวเอง!

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

หวังจินหันไปมองหลิวผิงเกาแวบหนึ่ง จากนั้นกำหมัดรวบรวมความกล้าพลางกล่าวขึ้น

“ที่กระหม่อมและแม่ทัพหลิวผิงเกามาหาองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่นี่เพราะทหารกองทัพผิงอันทนอยู่เฉยๆ ในด่านชิงซีซานต่อไปไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจึงอยากมาถามองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่าเหตุใดจึงไม่บุกโจมตีเมืองหลิ่วโจวเสียที ในสายตาของแม่ทัพอย่างพวกกระหม่อม องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ใช่แม่ทัพที่ชอบลังเล ทรงเป็นคนเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยว ทว่า เหตุใดครั้งนี้จึงอยู่เฉยๆ ในด่านชิงซีซานเป็นเดือนโดยไม่บุกโจมตีเมืองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินสายรายงานว่ากองทัพเสริมของต้าเหลียงมาถึงเมืองหลิ่วโจวได้สามวันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หลิวผิงเกากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน “ใช่พ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทหารของพวกเราคงหมดกำลังใจในการต่อสู้ หากยื้อต่อไปเรื่อยๆ คงไม่เป็นผลดีต่อต้าจิ้นของเราแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“ที่ข้าไม่บุกเมืองตอนนี้เพราะชีวิตของทหารทุกคนมีค่าสำหรับข้าทั้งสิ้น”

ไป๋ชิงเหยียนหยิบตำราไม้ไผ่ขึ้นมา จากนั้นพับเก็บให้เรียบร้อย หญิงสาวกล่าวต่อโดยไม่คิดปิดบังหลิวผิงเกาและหวังจิน

“ข้ากำลังรอให้แม่ทัพหยางอู่เช่อที่มีหน้าที่คุ้มกันเมืองหลิ่วโจวยอมสวามิภักดิ์กับต้าจิ้น แม่ทัพหยางอู่เช่อจงรักภักดีต่อต้าเหลียงมาก เราต้องให้เวลาเขาอีกสักพัก ข้าคำนวณดูแล้วตอนนี้แม่ทัพหยางอู่เช่อคงได้ข่าวจากเมืองหานแล้ว อีกไม่นานเขาก็คงตัดสินใจได้ พวกเรารออีกสักพัก หากแม่ทัพหยางอู่เช่อไม่ยอมเข้าร่วมกับเรา พวกเราค่อยบุกทำลายเมืองก็ยังไม่สาย”

ไป๋ชิงเหยียนวางม้วนไม้ไผ่ที่พับเก็บเรียบร้อยลงบนกองม้วนไม้ไผ่ที่กองสุมกันอยู่บนโต๊ะ ไป๋จิ่นจื้อเดินเข้ามาในกระโจมด้วยความรีบร้อน

“พี่หญิงใหญ่ แม่ทัพหยางอู่เช่อส่งคนมาขอพบจ้าวเซิ่งแล้วเจ้าค่ะ”

หลิวผิงเกามองสบตากับหวังจิน หวังจินมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างเลื่อมใส

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นกล่าวขึ้น “พาคนที่แม่ทัพหยางอู่เช่อส่งมาไปยังกระโจมที่พักของแม่ทัพหลิวหง เรียกรวมพลแม่ทัพคนอื่นๆ ที่นั่น แม่ทัพหลิวผิงเกาตามข้าไปด้วย”

“ขอรับ” หลิวผิงเกากำหมัดรับคำ

เมื่อเดินออกมาจากกระโจมที่พักของไป๋ชิงเหยียน หวังจินรู้สึกดีใจมาก เขารีบกลับไปบอกข่าวดีให้ทหารกองทัพผิงอันทราบโดยไม่รอฟังข่าวที่แน่ชัดทันที

หลิวหงรอเวลามาหลายวันแล้ว เมื่อได้ยินว่าหยางอู่เช่อแม่ทัพคุ้มกันเมืองหลิ่วโจวส่งคนมายังค่ายทหารต้าจิ้น เขาก็รู้ทันทีว่าแม่ทัพหยางอู่เช่อยอมเข้าร่วมกับต้าจิ้นแล้ว เขาอารมณ์ดีขึ้นมาทันที รีบสั่งให้คนเชิญหยางเวยที่หยงอู่เช่อส่งมาเข้ามาในกระโจมของเขาทันที

หยางเวยตามจ้าวเซิ่งเข้าไปในกระโจมใหญ่ เขาเห็นแม่ทัพหลิวหงนั่งอยู่บนที่นั่งของแม่ทัพใหญ่ ส่วนองค์หญิงเจิ้นกั๋วในชุดนักรบกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ถัดลงมาจากหลิวหงด้วยท่าทีนิ่งขรึม เขาเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาทันทีว่าผู้ใดมีสิทธิ์ขาดในกองทัพนี้กันแน่

หากนับตามผลงานและฐานะ ไป๋ชิงเหยียนควรเป็นคนมีสิทธิ์ขาดในกองทัพนี้ ทว่า บัดนี้แม่ทัพหลิวหงกลับนั่งอยู่บนตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ หยางเวยจึงลำบากใจขึ้นมาทันที

หยางเวยมองไปทางหลิวหงแวบหนึ่งอย่างลังเล ในที่สุดก็ยกมือคารวะหลิวหง จากนั้นหันไปโค้งคำนับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว

“ท่านแม่ทัพหยางอู่เช่อส่งข้ามาเรียนให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบว่าพรุ่งนี้เช้าท่านแม่ทัพจะนำทหารในเมืองหลิ่วโจวออกมารอต้อนรับองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่หน้าประตูเมือง แม่ทัพหยางอู่เช่อยินดีนำทัพทหารในเมืองหลิ่วโจวติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ!”

นี่คือคำกล่าวของหยางอู่เช่อ หยางเวยจำเป็นต้องกล่าวตามนั้น ตอนแรกหยางเวยคิดว่าเมื่อเขากล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกไปหลิวหงต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน ทว่า เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าหลิวหงจะกล่าวออกมาอย่างดีใจเช่นนี้

“แม่ทัพหยางเป็นคนมีคุณธรรม ห่วงใยความปลอดภัยของชาวบ้าน หลิวหงนับถือยิ่งนัก แม้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเป็นเพียงสตรี ทว่า นางใจกว้างและมีเมตตา เป็นแม่ทัพมีฝีมือที่ยากจะพบ แม่ทัพหยางยอมติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนใจกว้างเช่นเดียวกัน!”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหยางเวย จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้ากลับไปเรียนให้แม่ทัพหยางอู่เช่อทราบด้วยว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปที่นั่นอย่างแน่นอน!”

องครักษ์ข้างกายของหลิวหงออกไปส่งหยางเวยด้วยตัวเอง ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางจ้าวเซิ่งพลางกล่าวขึ้น

“ครั้งนี้พวกเราสามารถเข้าไปในเมืองหลิ่วโจวได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ แม่ทัพจ้าวมีความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง”

หากไม่ใช่เพราะจ้าวเซิ่งไปพบหยางอู่เช่อเพื่อถ่ายทอดถ้อยคำของไป๋ชิงเหยียนให้หยางอู่เช่อฟัง จากนั้นมอบสูตรยารักษาโรคระบาดให้หยางอู่เช่อ บางทีหยางอู่เช่ออาจไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเช่นนี้

หลิวหงพยักหน้า “เมื่อเรานำชัยชนะกลับไปยังเมืองหลวง ข้าจะรายงานความดีความชอบของแม่ทัพจ้าวให้ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทรับทราบตามความจริงอย่างแน่นอน”

จ้าวเซิ่งรีบทำความเคารพพลางกล่าวปฏิเสธ

“พรุ่งนี้เราจะเดินทางเข้าไปในเมืองหลิ่วโจว เมื่อสถานการณ์ในเมืองหลิ่วโจวเรียบร้อยแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลิวหง “แม่ทัพหลิวหง ไป๋จิ่นจื้อและข้าจะแบ่งกองกำลังออกเป็นสามกลุ่ม แยกย้ายกันเดินทางไปยังเมืองหานของต้าเหลียง ยึดครองต้าเหลียงให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นที่สุด!”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน บรรดาแม่ทัพในกระโจมต่างเลือดร้อนขึ้นมาทันที ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับสงครามใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ไป๋จิ่นจื้อถอนหายใจยาวออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินคังเล่อ สงครามทำลายแคว้นสู่ในตอนนั้นเป็นผลงานของกองทัพไป๋ หลินคังเล่อรอเวลาเช่นนี้มานานมากแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้มีส่วนร่วมในสงครามทำลายล้างแคว้นเสียที

ไป๋ชิงเหยียนกำดาบที่แขวนอยู่ที่เอวแน่น นางเดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างยากลำบากด้วยความมีสติและรอบคอบ ขอเพียงยึดเมืองหานของต้าเหลียงได้ นางนำทัพวกกลับไปทำลายราชวงศ์หลิน

นางเชื่อว่าอีกไม่นานอาอวี๋ต้องกำราบเป่ยหรงได้แน่ เมื่อมีเป่ยหรงและต้าเหลียงอยู่ในกำมือ การปราบซีเหลียงและต้าเยี่ยนจนรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

ใต้หล้าแห่งนี้ควรตกเป็นของผู้มีความสามารถ รักและห่วงใยในตัวชาวบ้านอย่างแท้จริง

บรรดาแม่ทัพจิ้นที่กำลังตื่นเต้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ตอนสงครามทำลายแคว้นสู่ ไป๋ชิงเหยียนคือขุนนางที่มีความดีความชอบมากที่สุดเนื่องจากตัดศีรษะของแม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วได้ พวกเขาเชื่อว่าครั้งนี้หญิงสาวก็จะนำพวกเขาไปทำลายแคว้นต้าเหลียงได้สำเร็จเช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากกระโจมที่พักของหลิวหงพร้อมกับไป๋จิ่นจื้อ สายตาของหญิงสาวสู้แสงแดดจ้าไม่ได้ชั่วขณะ นางรีบใช้มือบังแดดพลางหรี่ตาแคบลงทันที ทันใดนั้นหญิงสาวก็ได้ยินคนรายงานว่ามีคนนามว่าเยว่สือขอพบไป๋ชิงเหยียนอยู่นอกค่ายทหาร

“พี่หญิงใหญ่ เซียวเซียนเซิงมาที่นี่แน่เลยเจ้าค่ะ” สีหน้าของไป๋จิ่นจื้อส่อแววดีใจ “ข้าจะไปตามเยว่สือเข้ามานะเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนกำดาบที่เอวแน่นพลางกล่าวขึ้น “ออกไปพบที่ด้านนอกเถิด”

เยว่สือยืนอยู่จูงม้าสองตัวพลางชะโงกหน้ามองเข้าไปในด่านชิงซีซานอยู่ด้านนอกกำแพงของด่านชิงซีซานที่ถูกซ่อมแซมเสร็จแล้ว