ตอนที่ 1631 ไป๋สวี่ (2) / ตอนที่ 1632 ไป๋สวี่ (3)
ตอนที่ 1631 ไป๋สวี่ (2)
หมอเทวดาไป๋สวี่ ครั้งแรกที่ชายชราตัวเล็กพูดถึงเขา จวินอู๋เสียได้ถามเยี่ยซาและเยี่ยกูเกี่ยวกับเขาแล้ว แม้ว่า…นางจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักในตอนที่ถาม เนื่องจากเยี่ยซาและเยี่ยกูไม่ได้กลับมาที่สามโลกชั้นกลางเป็นเวลาพันปีแล้ว
แต่นางก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเยี่ยซาและเยี่ยกูเคยได้ยินชื่อไป๋สวี่มาก่อน
ก่อนที่พวกเขาจะออกจากสามโลกชั้นกลาง ไป๋สวี่ก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางแล้ว
ไป๋สวี่ไม่ได้เป็นคนของกลุ่มอำนาจไหน เขาเป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร ความสามารถทางการแพทย์ของเขาถูกมองว่ายอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกชั้นกลาง แม้ว่าเขาจะไม่ยอมขึ้นกับใคร แต่ก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา ไม่ว่าจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายก็ไม่มีใครรอดพ้นจากความเจ็บปวดทรมานจากโรคภัยได้ ไม่มีใครมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหมอเทวดาในสักวัน
ในสามโลกชั้นกลาง ไป๋สวี่ถูกยกให้มีสถานะสูง แม้แต่เก้าวังกับสิบสองตำหนักก็ต้องเกรงใจเขา
มีเพียงสี่โลกและหนึ่งภูมิที่ไม่ต้องการความสามารถของ ‘หมอ’ พวกเขาไม่แยแสไป๋สวี่แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเขาเช่นกัน
ย้อนกลับไปในวันที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิรวมสามโลกชั้นกลางทั้งหมดเข้าด้วยกัน เขาครองอำนาจสูงสุดเหนือสี่โลก เก้าวัง และสิบสองตำหนัก แต่ก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร
ไป๋สวี่เป็นเหมือนก้อนเมฆและห่านป่า ไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน ถ้าต้องการความช่วยเหลือจากเขา ก็ต้องไปที่บ้านของเขาและเขียนรายละเอียดลงในจดหมายส่งให้นกกระเรียนสีขาวที่ไป๋สวี่เลี้ยงไว้ แล้วนกกระเรียนสีขาวจะส่งจดหมายให้ถึงมือของไป๋สวี่ แต่เขาจะตอบรับคำขอหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของไป๋สวี่ล้วนๆ
จวินอู๋เสียเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคนที่มีความสามารถทางการแพทย์ชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้นั้นจะมีสถานะเหนือคนอื่นอย่างไร
ตอนที่นางถูกลากเข้าองค์กร นางเองก็มีข้อเรียกร้องที่เข้มงวดมากมาย แต่คนของทางองค์กรก็ตอบรับข้อเรียกร้องของนางทุกข้อ
พวกเขาใจกว้างขนาดนั้นก็เพราะความสามารถทางด้านการแพทย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของนาง สถานการณ์ไม่ได้แตกต่างจากไป๋สวี่เลย
หลังจากจวินอู๋เสียมาเกิดใหม่ ในบรรดาคนที่มีอาชีพเดียวกันที่นางเจอ มีไม่กี่คนที่เข้าตานาง และมู่เฉินเป็นเพียงคนเดียวที่ทำได้ แต่การปรากฏตัวของไป๋สวี่ทำให้จวินอู๋เสียยอมรับความสามารถของเขาในทันที
ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของเขาในฐานะหมอเทวดา แต่เป็นเพราะเขาสามารถจับความผิดปกติในรายละเอียดที่นางเขียนอย่างเร่งรีบได้
สายตาระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่หมอทั่วไปจะเทียบได้ ต้องผ่านการทดลองมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งและรู้ถึงจุดสำคัญทุกรูปแบบในการปรุงโอสถวิเศษถึงจะสามารถทำได้
“ข้าคือไป๋สวี่ แต่ข้าไม่ใช่หมอเทวดาอะไรนั่นหรอก นั่นเป็นแค่ชื่อไร้สาระที่ผู้คนให้มาเท่านั้น แต่เขาพูดถูกอยู่อย่างหนึ่ง ข้าเป็นแค่คนงี่เง่าที่บ้าทักษะหมอ ไม่รู้ว่าน้องชายจะยอมช่วยให้ข้าได้รู้ว่าใครคือเจ้าของของสิ่งนี้ได้หรือไม่” ไป๋สวี่กล่าวอย่างถ่อมตัว สำหรับเขา ชื่อเสียงก็เป็นเหมือนควันที่ลอยผ่านไป เขาทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับทักษะการรักษามากที่สุด
แววตาของไป๋สวี่จริงใจอย่างมาก
จวินอู๋เสียมองสายตาที่จริงใจของไป๋สวี่แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าต้องไปฝึกต่อแล้ว”
พูดจบ จวินอู๋เสียก็หันหลังกลับและเดินจากไปทันที ทิ้งให้ชายชราผมขาวและชายชราตัวเล็กมองตามอย่างประหลาดใจ นางเดินขึ้นบันไดไปเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ไป๋สวี่พูดเลย
ไป๋สวี่ตกตะลึงไปชั่วขณะอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจชื่อเสียง แต่นับตั้งแต่เขามีชื่อเสียงขึ้นมา จวินอู๋เสียเป็นคนแรกที่รู้ว่าเขาเป็นหมอเทวดาแล้ว ไม่เพียงไม่พยายามจะเอาชนะใจเขา แต่ยังเมินเขาโดยสิ้นเชิง
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋สวี่รู้สึกบอกไม่ถูกอยู่เหมือนกัน
เขาไม่ได้คิดจะใช้ตัวตนของเขาเพื่อขออะไร
แต่…
เจ้าหนู เจ้าจะหันหลังกลับแล้วเดินไปเลยแบบไม่ไว้หน้ากันแบบนี้ไม่ได้!
ความมั่นใจในตัวเองของหมอเทวดาไป๋สวี่ที่สร้างมาหลายปีถูกจวินอู๋เสียทำลายเสียยับเยินด้วยการหันหลังให้เพียงครั้งเดียว
ตอนที่ 1632 ไป๋สวี่ (3)
ชายชราตัวเล็กเห็นไป๋สวี่ถูกเมินแบบนั้นก็กลั้นหัวเราะ แม้แต่ความเงียบที่จวินอู๋มักจะปฏิบัติต่อเขาก็ดู ‘กระตือรือร้น’ ขึ้นมา อย่างน้อยจวินอู๋ก็ไม่ได้หันหลังเดินจากไปทันทีหลังจากที่เขาพูดใช่หรือไม่
“เจ้าเฒ่าไป๋ ข้าว่าฉายาหมอเทวดาของเจ้าก็ไม่ค่อยเท่าไรหรอก ศิษย์หลานข้าไม่สนใจเลยสักนิด” ชายชราตัวเล็กกล่าวอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
ไป๋สวี่ส่ายหัวอย่างจนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนปฏิเสธเขาอย่างไม่ไยดีเช่นนี้
“เอาเถอะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามีคนพยายามจะแอบเข้าไปในหอเก็บสมบัติ ของนั่นถูกพบแล้วหรือ” ไป๋สวี่ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราตัวเล็กหายไป สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
“ไม่รู้หรอกนะว่าใครส่งพวกนั้นมา แต่ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว พวกนั้นก็น่าจะรู้แล้วว่าของนั่นอาจจะอยู่ในสำนักธาราเมฆ เฮ้อ…ถึงเราจะจัดการกับมันได้ในครั้งนี้ แต่ตราบใดที่คนพวกนั้นเก็บข้อมูลนี้ไว้ วันเวลาอันแสนสบายของข้าคงจบลงในไม่ช้า” ชายชราตัวเล็กอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ปล่อยให้ของนั่นอยู่ที่นี่ต่อไปมันจะอันตรายเกินไป ข้ามาหาเจ้าครั้งนี้ก็เพราะอยากถามเจ้าว่าเราสามารถเคลื่อนย้ายของนั่นได้หรือไม่” ไป๋สวี่กล่าว
ชายชราตัวเล็กเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่เกรงว่าวันหน้าสำนักธาราเมฆจะไม่สงบสุข ข้าว่าควรจะให้พวกเด็กๆ ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ไป๋สวี่ตบบ่าชายชราตัวเล็ก
ชายชราทั้งสองที่ทะเลาะกันมาตลอดเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันออกไปจากสาขาจ้าววิญญาณอย่างช้าๆ
การฝึกของจวินอู๋เสียยังคงดำเนินต่อไป หลังจากที่ซูหย่าให้คำแนะนำในตอนแรก นางก็โยนหนังสือสองสามเล่มให้จวินอู๋เสียโดยไม่พูดอะไรมาก ปล่อยให้จวินอู๋เสียนำมันกลับไปอ่านเอาเอง
หลังจากฝึกฝนอยู่ครึ่งปี จวินอู๋เสียก็ค่อยๆ ค้นพบบางอย่างที่ช่วยให้การเสริมวิญญาณอยู่ได้นานขึ้น นั่นก็คือสุรา!
ในทางทฤษฎีแล้ว สุราระเหยเร็วกว่าน้ำ แต่จวินอู๋เสียค้นพบว่าพลังวิญญาณของนางเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เมื่อนางผสานการเปลี่ยนแปลงนั้นเข้ากับการเสริมวิญญาณและใช้สุราเขียนตัวอักษรโบราณ มันจะอยู่ได้ถึงยี่สิบนาที นานขึ้นกว่าที่นางเคยทำได้เมื่อก่อนหลายเท่าตัว
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกพอใจมาก นางจึงเริ่มฝึกให้หนักขึ้น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลังจากหลินเฮ่าอวี่เสียสติ ตำหนักมารโลหิตก็พาตัวเขากลับไป เมื่อไม่มีหลินเฮ่าอวี่คอยยุยงอยู่เบื้องหลัง ชีวิตในสำนักธาราเมฆของจวินอู๋เสียจึงเงียบสงบขึ้นเล็กน้อย การกลั่นแกล้งตำหนักมารโลหิตจากตำหนักอื่นๆ ก็ค่อยๆ ซาไปภายใต้อิทธิพลที่มองไม่เห็นของพวกเฉียวฉู่
ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางแล้ว
แต่ในวันที่เข้าสู่ฤดูหนาว ศิษย์ทุกคนของสำนักธาราเมฆก็ได้รับข่าวที่ทำให้ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
สำนักธาราเมฆแจ้งให้ศิษย์ทุกคนทราบว่า ทุกคนสามารถออกจากสำนักธาราเมฆได้ และจะถือว่าพวกเขาทุกคนจบการฝึกที่สำนักธาราเมฆแล้ว
ข่าวนั้นทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วในกลุ่มผู้เยาว์
ความเข้มงวดของสำนักธาราเมฆเป็นที่รู้กันดีสำหรับทุกคน ที่นี่เข้าง่ายแต่ออกยาก จนถึงตอนนี้มีคนที่ใช้ชีวิตในสำนักธาราเมฆมาสามสิบปีก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะจบการฝึก แต่จู่ๆ สำนักธาราเมฆก็เปลี่ยนไป ทำให้ทุกคนตกใจกันมาก
สำหรับพวกรุ่นพี่ก็ดีหน่อย แต่สำหรับคนที่เพิ่งเข้าสำนักปีนี้ พวกผู้เยาว์ที่อยู่ในสำนักธาราเมฆแค่สิบเอ็ดเดือนต่างพากันตกตะลึงมึนงงกันไปหมด