บทที่ 701 การสนทนากับปรมาจารย์จอมปราชญ์ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 701 การสนทนากับปรมาจารย์จอมปราชญ์ (1)

อาณาจักรซางกำลังจะผงาดขึ้นแล้ว มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะอยู่ไกลออกไปหรือไม่?

เนื่องจากได้ทำข้อตกลงอมตะสามข้อเอาไว้กับเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ เจียนตี่ พี่สะใภ้ใหญ่ของโหย่วฉินเสวียนหย่า จึงตั้งชื่อบุตรของนางว่า ‘ฉี[1]’

หากหลี่ฉางโซ่วสรุปความทรงจำของเขาได้ถูกต้อง ‘ฉี’ ก็น่าจะเป็นบรรพบุรุษของอาณาจักรซาง

ต่อจากนี้ไป เจียนตี่จะนำผู้คนที่เหลือของอาณาจักรหงหลินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของดินแดนเทวะทักษิณและสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ที่นั่นตามแนวทางของเต๋าสวรรค์

ราชวงศ์ซางรุ่งเรืองเพราะ ‘ถัง’ และ ‘ฉี’ เป็นบรรพบุรุษของซาง ส่วน ‘ถัง’ ก็เป็นลูกหลานผู้สืบทอด ของราชวงศ์ซาง ซึ่งยังคงเป็นผู้ร่วมปกครองคนต่อไปของเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกด้วย…

แม้หลี่ฉางโซ่วจะให้ข่งเชวี่ยนปกป้องอาณาจักรใหม่เป็นเวลาหนึ่งร้อยปี แต่เขาก็ได้ยินจากข่งเชวี่ยนว่า เขาน่าจะอยู่ในอาณาจักรใหม่เป็นเวลานาน

เผ่าหงส์มีเพียงข่งเชวี่ยนและนกยูงน้อยนางนั้นเท่านั้น จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเคลื่อนย้ายได้ง่ายมาก

นอกจากนี้ เผ่าหงส์ของพวกเขาได้อาศัยสายโลหิตของพวกเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และพลังลมปราณที่สกปรกของมนุษย์ก็ไม่อาจส่งผลกระทบต่อฐานเต๋าของพวกเขาได้

ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่พวกเขาจะอยู่ในโลกมนุษย์เป็นเวลาสองสามพันปี

หลี่ฉางโซ่วอดจะนึกถึงอดีตไม่ได้…

ความจริงแล้ว เขาอยู่ใกล้กับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพมาก

เดิมทีเขารู้สึกว่าไม่มีสัญญาณของอาณาจักรซางในโลกมนุษย์แห่งดินแดนเทวะทักษิณ

มันยังคงเป็นช่วงเวลาที่ราชวงศ์เซียนแห่งอาณาจักรเซี่ยอยู่ในความอุดมสมบูรณ์มากมาย และบรรดาเซียนแห่งดินแดนเทวะมัชฌิมาก็แผ่อิทธิพลของพวกเขาไปสู่ดินแดนเทวะทักษิณ

และยังคงเป็นมนุษย์กลุ่มเล็กๆ ที่ครองอำนาจในการเป็นผู้ที่ควบคุมเส้นชีวิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในขณะที่ผู้ซึ่งยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น ยังคงเป็นสำนักบำเพ็ญเต๋า

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์นี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไร มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพก็น่าจะยังอยู่ห่างออกไปอย่างน้อยอีกสองสามพันปีข้างหน้า

ไม่คาดคิดว่า… หลี่ฉางโซ่วจะได้ค้นหาบทนำไปสู่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพที่กำลังใกล้เข้ามา

และในช่วงสุดท้ายเมื่อสิ่งต่างๆ สิ้นสุดลง เขาก็ได้กลายเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของลำนำขับขานนี้ด้วย

ความรู้สึกนั้นค่อนข้างแปลกทีเดียว

ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อยเช่นกัน…

เขากลายเป็นก้อนอิฐของเต๋าสวรรค์บรรพกาลจริงๆ ไม่ว่าเขาจะต้องการมันที่ใดก็ตาม เต๋าสวรรค์ก็จะเคลื่อนย้ายไป

ต่อจากนี้ไป เขาต้องเริ่มยั่วยุเต๋าสวรรค์ และสร้างความพยายามบางอย่างที่ศักยภาพขั้นต่ำสุดของเต๋าสวรรค์

เป็นการดีกว่าที่จะนิ่งรอตั้งรับอยู่เฉยๆ ดีกว่าจะเริ่มโจมตีก่อน

และก่อนที่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าลู่หยาจะถูกสังหารสิ้นซากหรือไม่ก็ตาม นั่นก็เป็นสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วต้องการได้รับผลลัพธ์มากที่สุดในเวลานี้

หากเขาทำลายลู่หยาไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็จะพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพได้

เป้าหมายในอนาคตของเขาก็คือ การปกป้องอาจารย์ลุงจ้าว และเกาะซานเซียน

ใช่แล้ว นั่นคือการปกป้องพลังชีวิตแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า!

นั่นคือ ใบหน้าแห่งความชอบธรรมของหลี่ฉางโซ่ว

หากเขาสามารถสังหารลู่หยาได้สำเร็จราบรื่น และต่อจากนั้นก็ปล่อยให้นาจาและอ๋าวปิ่ง[2] ซึ่งยังอยู่ในครรภ์ ได้กลายมาเป็นพี่น้องกัน…

หลี่ฉางโซ่วกล้าจริงๆ ที่จะส่งสำนักบำเพ็ญประจิมไปที่รายนามทะเบียนเทพ และช่วยกลุ่มปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า!

สำหรับการขึ้นสู่ศาลสวรรค์เพื่อได้รับตำแหน่งเทพผู้ชอบธรรมแห่งศาลสวรรค์นั้น มันอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของเต๋าสวรรค์ในสำนักบำเพ็ญประจิม…

แต่เขาก็สามารถจัดการแก้ไขอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้ได้อย่างง่ายดายโดยการมอบตำแหน่งเทพที่ไม่สำคัญจำนวนเล็กน้อยให้กับสำนักบำเพ็ญประจิม

และแน่นอนว่า ตำแหน่งเทพที่สำคัญจะยังคงถูกปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าควบคุม!

เขาไว้ใจคนเหล่านี้ได้

ตัวอย่างเช่น เทพผู้ชอบธรรม “เทพโต่วปู้ หรือเทพสงคราม” ในบรรดาเทพผู้ชอบธรรมทั้งแปด จะสามารถมอบตำแหน่งเทพธรรมดาของเทพสงครามให้กับผู้คนในสำนักบำเพ็ญประจิมได้

จากนั้นปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าซึ่งอยู่ในฐานะเทพผู้ชอบธรรม ก็จะสามารถรับผิดชอบดูแลในการจัดการตำแหน่งเทพของเทพสงคราม

ทว่าหลังจากที่สำนักบำเพ็ญประจิมได้ถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนมานับถือพุทธ พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์จำนวนมากก็เกียจคร้าน และว่างเว้น ไม่มีอะไรทำเช่นกัน

เมื่อเกียจคร้านก็ไม่ช่วยปฏิบัติการในดำเนินการของเต๋าสวรรค์…

ต้องกล่าวถึงเรื่องหนึ่งว่า เพื่อลดภาระของบรรพาจารย์เต๋า และทำให้โลกมีเสถียรภาพ มันจึงมีความจำเป็นและมีความหมายอย่างยิ่งที่จะต้องรวมสำนักบำเพ็ญประจิมเอาไว้ในขอบเขตของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ!

แน่นอนว่า มันเป็นเพียงจินตนาการและเป็นสภาวะในอุดมคติที่สุด

เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วต้องพิจารณาสถานการณ์ที่ “ไม่ได้เป็นอุดมคติ[3]” ให้มากขึ้น

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในระหว่างมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ

หรือบางที การกระทำและกลอุบายทั้งหมดของเขาในเวลานี้ กำลังผลักดันเรื่องราวให้เคลื่อนไปสู่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพดั้งเดิม

แต่หลี่ฉางโซ่วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเตรียมการขั้นสุดท้าย…

ในเรื่องราวของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพดั้งเดิม จ้าวกงหมิงได้เสียชีวิตไปแล้ว และเหล่าซานเซียนก็ได้สร้างค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งด้วยความโกรธ

พวกนางได้ลดระดับฐานพลังส่วนใหญ่ของเซียนจินทั้งสิบสองคน และเรียกให้เหล่าจอมปราชญ์ลงมือจัดการ

วิญญาณของของปี้เซียว และฉยงเซียวเข้าสู่รายนามทะเบียนเทพหลังจากที่พวกนางตายแล้วในขณะที่เทพธิดาอวิ๋นเซียวถูกเหล่าจื้อใช้แผนภาพเฉียนคุนกวาดม้วน แล้วถูกกักขังเอาไว้ใต้ผากิเลนแห่งภูเขาคุนหลุน

ความจริงแล้ว หลังจากนี้ ข้ายังต้องไปเตรียมการบางอย่างที่หน้าผากิเลน ข้าต้องพัฒนามิตรภาพกับสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และจะเป็นการดีที่สุดหากให้พวกเขาติดค้างหนี้บุญคุณข้าเล็กน้อย

เมื่อถึงเวลา หากการวางแผนจัดการมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพของเขาล้มเหลว เขาก็จะขอให้ใครสักคนให้มาช่วยเขาเพื่อไปช่วยเหลือเทพธิดาอวิ๋นเซียวจากหน้าผากิเลน

ทว่า…

หลี่ฉางโซ่วย้ายจิตสนใจของเขากลับไปที่ร่างหลักของเขาและมองไปที่เหรียญทองแดงลั่วเป่า ซึ่งวางอยู่อย่างเงียบๆ ในคลังเวทจัดเก็บของเขา

มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะไม่เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?

……

เวลานี้ ร่างจำแลงของเทพวารีของหลี่ฉางโซ่วกำลังดื่มและพูดคุยกับข่งเชวี่ยน และจ้าวกงหมิงและเขาก็มีความสนใจในระดับสูง

ในขณะนั้นเมืองหลวงของอาณาจักรหงหลินตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง

บรรดาเซียนส่วนใหญ่ของสำนักตู้เซียนได้กลับไปที่สำนักแล้ว มีเซียนเทียนเพียงไม่กี่คนและผู้บริหารเซียนเสิ่นมากกว่าสามสิบคนเท่านั้นที่อยู่ในเมือง

พวกเขาคอยปลอบโยนเหล่าผู้บาดเจ็บและช่วยเหลือเหล่ามนุษย์และยังช่วยโหย่วฉินเสวียนหย่าดูแลจัดการงานศพที่บ้านนางอีกด้วย

ด้วยคำพูดของเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ สำนักเซียนเต๋าเวยย่อมจะไม่กล้าสร้างปัญหายุ่งยากให้อาณาจักรหงหลิน

พวกเขายังเริ่มยับยั้งกองทัพของทั้งสองเผ่าเพื่อชะลอการบุกโจมตีของพวกเขา