บทที่ 700 งานเลี้ยงสุราเล็กๆ (3)
จ้าวกงหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “นี่คือตำราโบราณเล่มใดกัน? ไฉนข้าถึงไม่เคยเห็นมันมาก่อน?
นอกจากนี้ น้องชาย ข้าก็ไม่คุ้นชินกับการที่เจ้ากล่าวถึงเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังเลย”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงัน
ท่านต้องบั่นทอนให้ข้าอ่อนด้อยลงด้วยหรือ!?!
นั่นเป็นเพียงการเตือนข่งเชวี่ยนว่า การทำสิ่งต่างๆ ในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงนั้นไม่จำเป็น
นอกจากนี้ มันก็ง่ายมากที่ร่างโกลาหลเซียนเทียนจะกลายเป็นทูตแห่งเต๋าใหญ่และสูญเสียตัวตนเดิมที่แท้จริงไปหลังจากฝึกบำเพ็ญไปจนถึงที่สุด
ทว่าหากเขามีความกังวลภายนอกเต๋า เขาก็สามารถต้านทานการรุกรานของเต๋าใหญ่ได้ดีกว่า
เขาเป็นห่วงศิษย์พี่ในสวนด้านหลังของวังดุสิตจริงๆ!
จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงบางสิ่งได้และถามอย่างจริงจังว่า “พี่ชาย ท่านกับเทพธิดาจินกวงไปไกลถึงเพียงใดแล้ว?”
“ท่านก้าวไปไกลที่สุดถึงขั้นใดแล้ว?
ขอบเขตอุ่นรักหรือ?”
จ้าวกงหมิงรู้สึกสับสน
“จับมือ โอบกอด จุมพิต ร่วมหอ อยู่ขั้นใดกัน?”
จ้าวกงหมิงหน้าแดงและพึมพำว่า “ขั้นแรก… เป็นบางครั้งคราว”
“ก็ดี” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ
“หากท่านทำทั้งสี่ขั้นตอนเสร็จแล้ว และค่อยมาบอกว่าพวกท่านเข้ากันไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปฟ้องร้องเรื่องท่านที่วังปี้เซียวจริงๆ”
จ้าวกงหมิงดุว่า “ข้าเหลือทนจริงๆ!
ว่าแต่เจ้า แล้วเจ้ากับน้องรองของข้าไปไกลกันเพียงใดแล้ว”
“มันเป็นการแสดงตามอารมณ์รักและหยุดลงตามสมควร[1] ทุกครั้งที่เราพบกัน ก็มีการพูดคุย เดินเล่น น่าจะกล่าวได้ว่าเพิ่งไปได้…ครึ่งขั้น”
หลี่ฉางโซ่วอธิบายอย่างสงบและลบภาพของศาลาในใจของเขาออกไป
มันไม่เหมาะเลยที่เขาจะเล่าเรื่องส่วนตัวเช่นนี้ให้ผู้อื่นฟัง เพียงถามเรื่องบ้านของผู้อื่นก็พอแล้ว
จ้าวกงหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “หากเป็นเช่นนั้น เมื่อน้องรองของข้ามีปฏิสัมพันธ์กับเจ้า แล้วนางดูอึดอัดใจหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วนึกถึงเหตุการณ์สองสามครั้งที่พวกเขาโต้ตอบกันอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้มและส่ายศีรษะ
“แม้พวกเราจะไม่ได้คุยกันทั้งวันทั้งคืนบ้าง แต่พวกเราก็ยังรู้สึกเข้ากันได้ดี”
“แค่กๆ” ข่งเชวี่ยนกระแอมไอ ในยามนี้เขาพอเข้าใจได้ดีขึ้นแล้ว
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็มีคำขอที่ไม่เกรงใจนักสักข้อหนึ่ง”
ตอนนี้ข่งเชวี่ยนเปลี่ยนการใช้คำพูดตัวเองแล้ว ซึ่งฟังดูน่านับถือมากขึ้น คำขอที่ไม่เกรงใจนี้…
“สหายเต๋าโปรดว่ามาเถิด”
“เมื่อเจ้าพบสหายเต๋าอวิ๋นเซียวในครั้งต่อไป ขอให้ข้าไปแอบดูด้วยได้หรือไม่?”
ข่งเชวี่ยนรู้ว่าคำขอของเขานั้นออกจะมากเกินไปสักหน่อย
เขาจึงชี้แจงเพิ่มเติมว่า “ข้าอยากรู้ข้อมูลของเรื่องเหล่านี้เพิ่มเติม ท่านแม่ฝากความหวังสุดท้ายของเผ่าหงส์เอาไว้กับข้า
ยามนี้ขอบเขตของข้าอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังมีปัญหา ร่างสมบัติโกลาหลเซียนเทียนของข้าสูญเสียพลังไปนานแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องยืนยันหยินหยางแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “สหายเต๋า เจ้ารู้หรือไม่ว่า เมื่อพูดถึงเรื่องการเจริญพันธุ์ ควรถือได้ว่า มนุษย์เราเป็นปรมาจารย์ในโลกบรรพกาล?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์กลุ่มแรกที่พระมารดาศักดิ์สิทธิ์[2]สร้างเอง มันย่อมความหมายที่แท้จริงของการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วของเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้อย่างแน่นอน!
เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นตัวเอกของโลก หากเผ่าหงส์สามารถผูกมิตรไมตรีที่ดีกับเผ่ามนุษย์ได้ ก็ย่อมจะส่งผลต่อโชคชะตาของพวกเผ่าหงส์…”โนเวลพีดีเอฟ
ข่งเชวี่ยนอดจะถามไม่ได้ว่า “แล้วเราจะหามนุษย์กลุ่มแรกได้ที่ใดกัน?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกหรือ?” จ้าวกงหมิงทุบโต๊ะ
“เรามีเพียงสองคนเท่านั้น… ในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย…พี่ชาย เหตุใดดวงตาของท่านถึงดูน่ากลัวจริง ข้ากล่าวอันใดผิดไปหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างใจเย็น “พี่ชาย เราควรมาคุยกันว่า เราจะช่วยท่านจัดการกับเรื่องที่ตามมาอย่างไรดี”
จ้าวกงหมิงกะพริบตาและไม่เข้าใจ
ข่งเชวี่ยนหรี่ตาและยิ้มพลางกล่าวว่า “หากข้าได้พบสหายเต๋าเสวียนตูอีกครั้งก็คงจะดี”
ทันใดนั้นจ้าวกงหมิงก็ได้รับรู้กระจ่างแจ้งและอดจะเกาศีรษะอย่างเงอะงะไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วเลิกคิ้วขึ้น เขามีแผนหนึ่งอยู่ในใจ แต่เขาจะไม่เอ่ยถึงมันอีกในวันนี้
หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมแผนที่จะช่วยจ้าวกงหมิงแก้ปัญหามานานแล้ว
ในขณะนั้น เขาก็หยิบม้วนกระดาษออกมาและเริ่มอธิบายความคิดของเขา
ในยามนั้น เทพธิดาจินกวงก็รู้เช่นกันว่าพวกเขาทั้งสองคนไม่เหมาะที่จะเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากัน
เมื่อพวกเขาพูดคุยกันข้างสระสมบัติมังกรบนเกาะเต่าทอง พวกเขาก็ได้ทำข้อตกลงกันแล้ว
หากเห็นว่าไม่เหมาะสมกันก็จะไม่ฝืนกันและกัน ความจริงแล้ว เส้นทางถอยหนีออกมาจากจุดนั้นก็คือ ถุงผ้าที่หลี่ฉางโซ่วมอบให้กับเทพธิดาหั่วหลิงในเวลานั้น
บัดนี้ จ้าวกงหมิงและเทพธิดาจินกวงได้มาถึงขั้นตอนนั้นแล้ว และเมื่อหลี่ฉางโซ่วมาพร้อมกับแผนนี้ ก็ถือได้ว่าแผนนี้ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แล้ว
จะมีคู่รักในโลกนี้ที่ชอบพอกันและต่างก็เหมาะสมและเข้ากันได้ด้วยได้อย่างไร?
ครึ่งหนึ่งของความสัมพันธ์นั้นขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาชอบพอกันยามอยู่ในวัยเยาว์หรือไม่ และเหมาะสมกัน เข้ากันได้เมื่อเจริญวัยขึ้นหรือไม่
มันเป็นเฉกเช่นเดียวกันกับในโลกบรรพกาล
การที่คู่รักกันจะลงเอยกันได้นั้น สำหรับสิ่งมีชีวิตบางประเภท มันเป็นเพียงความปรารถนาอันงดงามเท่านั้น
“แต่น้องชาย”
จ้าวกงหมิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “มันไม่ใช่เรื่องที่ออกจะเกินจริงไปสักหน่อยหรือที่จะทำให้การแยกทางกันเป็นเรื่องใหญ่?
ตอนนี้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าศิษย์น้องหญิงจินกวงและข้า…”
หลี่ฉางโซ่วเอ่ยเตือนอย่างสงบว่า “อย่าลืมพลังเวทถ้ำดินของศิษย์พี่ตั๋วเป่าด้วย”
จ้าวกงหมิงตกใจในคราแรก แล้วหน้าผากของเขาก็มืดทะมึนปกคลุมไปด้วยเส้นสายสีดำ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเครียด
ที่ด้านข้างนั้น ข่งเชวี่ยนบีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้ จากนั้น เขาก็อดจะหัวเราะและกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “น่าสนใจ”
ในร่มเงาของต้นไม้ในวังดุสิต นักพรตเต๋าหนุ่มขมวดคิ้ว เขาเพิ่งเก็บแผนภาพไท่จี๋และกำลังจะฝึกบำเพ็ญหลังจากชมการแสดงเสร็จ
เหตุใดลมในวันนี้ มันถึง… เริ่มส่งเสียงดังอีกแล้ว?