ตอนที่ 1637 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (5) / ตอนที่ 1638 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (6)
ตอนที่ 1637 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (5)
“ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ไอ้เวรนั่นไม่มีอะไรดีเทียบเจ้าได้ มาๆๆ อาจารย์มีอะไรจะให้เจ้า” ซูหย่าปัดความหดหู่ในใจออกไป นางดึงกำไลออกมาจากถุงเอกภพของนาง กำไลนั่นทำจากทองคำและฝังด้วยอัญมณีหลากชนิด งามจับตาอย่างมาก
“ถ้าวันหน้าเจ้ามีโอกาสได้ไปที่โลกภูติวิญญาณ และคนที่นั่นกล้ามาขวางเจ้า เจ้าเอาสิ่งนี้ให้พวกเขาดู แล้วพวกเขาจะปล่อยเจ้าเข้าไปทันที ข้าไม่มีอะไรจะให้เจ้ามากนัก ถือเสียว่านี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายจากอาจารย์” ซูหย่าดึงมือจวินอู๋เสียใส่กำไลทองให้ กำไลทองนั้นไม่เล็กแต่เมื่ออยู่บนข้อมือของจวินอู๋เสีย มันก็หดลงจนได้ขนาดที่พอดี
“เจ้าหนู ถ้ามีโอกาส อาจารย์จะไปหาเจ้า แต่อย่ากลับมาที่สำนักธาราเมฆอีก ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกโยนออกไป” ซูหย่าพูดพลางหัวเราะ
จวินอู๋เสียมองกำไลที่ข้อมือด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
นางลุกขึ้นและเดินไปตรงหน้าซูหย่า จากนั้นก็คุกเข่าลงและโขกศีรษะคำนับสามครั้งต่อหน้าซูหย่า ทุกครั้งที่คำนับ เสียงกระแทกดังก้องชัดเจน
ซูหย่ามองดูด้วยรอยยิ้มกว้าง ดวงตามีน้ำตาคลอ
ก่อนจวินอู๋เสียจากไป นางได้ทิ้งโอสถวิเศษไว้ให้ซูหย่าหนึ่งขวด นั่นเป็นโอสถวิเศษที่ทำจากเมล็ดบัวของดอกบัวขาวน้อย มันสามารถใช้รักษาชีวิตหนึ่งเอาไว้ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดได้ โอสถวิเศษนั่นทำยากมาก โอสถวิเศษแต่ละเม็ดต้องใช้เมล็ดบัวทำถึงห้าเมล็ด จนถึงตอนนี้จวินอู๋เสียสามารถทำโอสถวิเศษนี้ได้แค่ห้าเม็ดเท่านั้น นางให้จวินเสี่ยนกับจวินชิงไว้สองเม็ด ส่วนที่เหลืออีกสามเม็ดนางให้กับซูหย่า
หลังจากกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้าย จวินอู๋เสียก็กลับไปที่ห้องของนาง เหล่าเด็กใหม่ในหอพักลุกลี้ลุกลนกันเล็กน้อย พวกเขาไม่อยากจากไปเร็วขนาดนี้ พวกเขารู้สึกว่ายังฝึกฝนได้ไม่มากพอก็ไม่มีโอกาสอยู่ที่นี่ต่อแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องของนาง จวินอู๋เสียก็เห็นกู่ซินเยียนยืนอยู่ตรงข้าม นางยืนอยู่เงียบๆ ที่หน้าห้องท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายรอบๆ ตัว สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ร่างของจวินอู๋เสีย ดูเหมือนว่านางมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดกับจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียไม่ได้รีบไป แต่ยืนมองหน้ากันกับกู่ซินเยียนอยู่อย่างนั้น
พูดกันตามจริง ถ้าเอาเรื่องที่จวินอู๋เสียเป็นศัตรูกับสิบสองตำหนักออกไป และยึดตามตัวของกู่ซินเยียนเอง จวินอู๋เสียจะรู้สึกว่ากู่ซินเยียนก็ไม่ใช่คนเลวร้ายไปเสียทั้งหมด ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาอื่น และพวกเขาเป็นคนอื่น ทั้งสองคงเป็นสหายกันได้
น่าเสียดาย…
กู่ซินเยียนมองจวินอู๋เสียอยู่นานราวกับอยากจะประทับภาพของจวินอู๋เสียให้ลึกลงไปในจิตวิญญาณของนาง จากนั้นนางก็ก้มหน้าและหันหลังกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างเงียบๆ เพื่อไปเก็บข้าวของของตน
จวินอู๋เสียก็กลับเข้าห้องของตัวเองเช่นกัน
จนกระทั่งประตูห้องปิดลง กู่ซินเยียนก็เอนหลังพิงประตูและเริ่มสะอื้นออกมาอย่างเงียบๆ นางเลื่อนตัวลงไปนั่งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง สองมือปิดปากแน่นไม่ยอมให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา
กู่ซินเยียนรู้อย่างชัดเจนว่า ตอนที่อยู่ในสำนักธาราเมฆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างตำหนักมารโลหิตกับจวินอู๋ พวกเขาก็ยังสามารถเห็นหน้ากันได้บ้างเป็นครั้งคราว แม้ว่านางจะได้แต่แอบมองเขาจากระยะไกลเท่านั้นก็ตาม แต่เมื่อพวกเขาออกจากสำนักธาราเมฆ ด้วยความที่นางเป็นบุตรีของจ้าวตำหนักมารโลหิต ก็มีแต่จะต้องเป็นศัตรูกับจวินอู๋เท่านั้น ไม่มีวันจะเงียบสงบเช่นนี้อีกแล้ว
แม้ว่านางจะไม่ได้พูดอะไรกับจวินอู๋เลยในช่วงนี้ แต่มันก็ยังดีกว่าให้พวกเขาต่อสู้กัน
การจากกันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าภายในสำนักธาราเมฆนั้น มีความเสียใจและเจ็บปวดมากแค่ไหน
ในตอนที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ศิษย์ทุกคนของสำนักธาราเมฆไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเก็บข้าวของออกจากภูเขาที่คุ้นเคยแห่งนี้ และก้าวออกไปสู่อนาคตที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง
ตอนที่ 1638 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (6)
การตัดสินใจของสำนักธาราเมฆรู้ถึงสิบสองตำหนักและเก้าวังก่อนแล้ว พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในภูเขาฝูเหยาได้ จึงได้แต่รอรับศิษย์ของตนอยู่ที่เชิงเขาเพื่อพาพวกเขากลับไป
พวกเฉียวฉู่ต่างหาทางหลบออกจากฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่เพื่อมาพบกับจวินอู๋เสียในป่าทึบ
เข้าฤดูหนาวแล้ว หิมะโปรยปรายลงมาปกคลุมต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดปี ให้ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวโพลน
“ได้ออกมาเสียที” เฉียวฉู่บิดตัวเหยียดแขนขา เมื่อมีใบไม้บนต้นไม้ปกคลุมอยู่ จึงไม่มีเกล็ดหิมะอยู่บนตัวของเขาเลย เขามองไปที่ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่รอบๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขารวมตัวกันก่อนไปที่สิบสองตำหนัก
“ต่อจากนี้ก็อยู่ที่ความสามารถของพวกเราแล้ว” เฟยเยียนคันไม้คันมือเต็มที พวกเขาซ่อนความสามารถไว้หลายปีเพื่อรอวันที่จะได้แก้แค้น ตอนที่พวกเขาก้าวเท้าเข้าไปในสิบสองตำหนัก ไฟแห่งการแก้แค้นก็เริ่มลุกโชนขึ้นอย่างแท้จริง
และแผนของพวกเขาก็เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง
“น้องเสีย เจ้าจะอยู่ในตำหนักหยกวิญญาณอย่างนั้นหรือ” ฟ่านจัวถามพลางมองจวินอู๋เสีย พวกเขาต่างมีเป้าหมายของตัวเองแล้ว แต่จวินอู๋เสียเดินไปบนเส้นทางที่แตกต่างจากพวกเขา
“ยังไม่รู้เลย นี่เป็นการตัดสินใจแค่ชั่วคราว” จวินอู๋เสียพูดเบาๆ นางสงบใจลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองสหายทุกคน
เรื่องระหว่างเฉียวฉู่กับหลินเฮ่าอวี่จะทำให้ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจต่อสู้กับตำหนักมารโลหิตอย่างแน่นอน พวกเจ้าควรจับตามองเป้าหมายของตัวเองให้ดีๆ”
เฉียวฉู่ได้ทำร้ายหลินเฮ่าอวี่ในสำนักธาราเมฆอย่างต่อเนื่อง นอกจากเพื่อระบายความโกรธแทนจวินอู๋เสียแล้ว ยังมีแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอีกด้วย
ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจกับตำหนักมารโลหิตแทบจะเทียบเท่ากันในบรรดาสิบสองตำหนัก ทั้งคู่ต่างพยายามชิงตำแหน่งสูงสุด ฉากหน้าทั้งสองตำหนักไม่ได้ขัดแย้งกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่แอบวางแผนการร้ายต่อกันอยู่เบื้องหลังหลินเฮ่าอวี่เป็นหลานชายของผู้อาวุโสตำหนักมารโลหิต และเฉียวฉู่เป็นกำลังรุ่นใหม่ที่ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจให้ความสนใจมากที่สุด ทั้งสองคนต่างมีน้ำหนักต่อตำหนักที่พวกเขารับใช้ ความแค้นที่เกิดขึ้นระหว่างหลินเฮ่าอวี่กับเฉียวฉู่ภายในสำนักธาราเมฆจะถูกนำเข้าสู่ตำหนักทั้งสองอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้หลินเฮ่าอวี่เป็นบ้าไปแล้ว ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นบ้าเพราะเฉียวฉู่หรือเพราะการกระทำของจวินอู๋เสีย แต่ตำหนักมารโลหิตจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่
นี่คือเมล็ดพันธุ์แรกที่จวินอู๋เสียฝังไว้ในสิบสองตำหนัก
เพื่อกระตุ้นให้ตำหนักมารโลหิตกับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจต่อสู้กัน
และนี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
“วางใจได้ เรารู้ว่าควรทำอย่างไร เรามากันถึงขนาดนี้แล้ว จะต้องทำให้พวกมันชดใช้ทุกสิ่งที่ทำไว้อย่างแน่นอน” เฉียวฉู่หรี่ตาลง เขาไม่สามารถลืมเรื่องที่บิดาและตระกูลของเขาถูกฆ่าล้างตระกูลได้ รวมทั้งฝันร้ายที่ต้องเห็นมารดาของเขาตายต่อหน้าต่อตา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของสิบสองตำหนัก
เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากขึ้น พวกเขายอมเสียคนที่จงรักภักดีต่อพวกเขาไปได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร หนี้โลหิตนี้จะต้องทวงคืนให้ครบ
หิมะตกหนัก คนของสิบสองตำหนักที่รออยู่ตรงเชิงเขาฝูเหยาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเชิญตัวทำลายล้างให้กลับไปยังตำหนักที่ตนรับใช้พร้อมกับพวกเขา
วงล้อแห่งโชคชะตากำลังหมุนไป เทพีแห่งโชคชะตากำลังทักถอทุกอย่างเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ
หลังจากสนทนากันครู่หนึ่ง พวกเฉียวฉู่ก็รีบแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองเพื่อไปปะปนกับกลุ่มคนที่จะลงภูเขา นี่คือก้าวแรกสู่หนทางแห่งการล้างแค้นของพวกเขา
จวินอู๋เสียยืนอยู่ในภูเขา เกล็ดหิมะตกลงมาเบาๆ ทำให้ไหล่ของนางถูกปกคลุมด้วยชั้นหิมะสีขาวบริสุทธิ์
“คุณหนูใหญ่” เยี่ยซาและเยี่ยกูปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ จากนั้นเยี่ยซาก็พาดเสื้อคลุมที่เตรียมไว้ลงบนไหล่ของจวินอู๋เสีย