ตอนที่ 1635 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (3) / ตอนที่ 1636 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (4)
ตอนที่ 1635 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (3)
“เจ้ายังจำที่ข้าถามเจ้าตอนแรกที่มาที่นี่และเอาถุงเอกภพออกมาได้หรือเปล่า” ซูหย่ามองไกลออกไปและเอ่ยปากถาม
“จำได้” จวินอู๋เสียตอบ นางไม่ลืมว่าซูหย่าตกใจและร้อนรนมากแค่ไหนตอนที่เห็นถุงเอกภพของนางเป็นครั้งแรก
“ถุงเอกภพของเจ้ากับข้าเดิมทีเป็นของคู่กัน ดอกไห่ถังบนกระเป๋าศิษย์ของข้าปักขึ้นเองกับมือ ก่อนที่เจ้าจะเข้ามา ข้าเคยสอนลูกศิษย์มาหลายคนแล้ว แต่คนที่เข้าตาข้าและกลายมาเป็นศิษย์ของข้ามีแค่สองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือเจ้า อีกคนคือศิษย์พี่ของเจ้าที่เป็นคนปักถุงเอกภพนี้” ซูหย่าดูเหมือนจะใจลอยกลับไปในอดีตอันเนิ่นนาน
“ศิษย์พี่ของเจ้าเป็นศิษย์คนแรกของข้า ตอนนั้นข้าโกรธอาจารย์ปู่ของเจ้า ก็เลยสุ่มเลือกศิษย์จากพวกเด็กใหม่มาคนหนึ่ง และรับเขาเข้ามา คิดจะสั่งสอนเขาให้กลายเป็นคนที่มีพลังเหนือใครเพื่อทำให้ข้าภูมิใจ แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าก่อนที่จะถึงเวลานั้น ข้าก็หมดโอกาสไปแล้ว” ซูหย่ายิ้มอย่างขมขื่น นางกระดกสุราลงคออึกใหญ่ราวกับต้องการให้สุราขับไล่ความหดหู่ในใจนางออกไป
“ศิษย์พี่ของเจ้าไม่ได้ฉลาดเหมือนเจ้า และไม่ได้เป็นคนอย่างไรก็ได้เหมือนเจ้า เขาสร้างปัญหาให้ข้าทุกๆ สองสามวัน และทำให้คนจำนวนมากไม่พอใจเขาในตอนที่เขาอยู่ในสำนักธาราเมฆ เขาใช้ทุกโอกาสที่มีไปต่อสู้กับพวกอันธพาลในสำนัก ทำให้ข้าโกรธมากจนอยากกระทืบเขาให้จมดิน แต่…”
“เขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แม้ว่าจะไม่คอยใส่ใจเหมือนเจ้า แต่เขาก็รู้จักเคารพและกตัญญูต่ออาจารย์” ซูหย่าเอามือเท้าคางพลางจิบสุราขณะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้จวินอู๋เสียฟัง ความทรงจำที่ไม่มีใครรู้
ตอนนั้นอารมณ์ของซูหย่ารุนแรงกว่าตอนนี้ นางคุยกับศิษย์ของนางผ่านหมัดอยู่เสมอ จวินอู๋เสียรู้ถึงพลังของซูหย่า แค่หมัดเดียวของนางก็ทำให้บุรุษร่างกำยำแข็งแรงกระอักโลหิตได้
ในตอนแรก ศิษย์พี่ของจวินอู๋เสียมักจะไปเป็นแขกประจำของสาขาผู้เชี่ยวชาญโอสถวิเศษของสำนักธาราเมฆ เขาจะถูกส่งไปรักษาตัวที่นั่นทุกๆ สองสามวันตอนที่เขาถูกทำร้ายจนกระอักโลหิต
ถ้านั่นเป็นคนอื่นก็คงไม่สามารถทนต่อความโหดร้ายเช่นนี้ได้และหลบหนีไปแล้ว
แต่ทุกครั้งหลังจากที่คนผู้นั้นรักษาหายแล้ว เขาก็จะวิ่งกลับไปอยู่ข้างกายของซูหย่าพร้อมเสียงหัวเราะ และไม่ว่าซูหย่าจะกดขี่ข่มเหงเขาแค่ไหน เขาก็ยังคงยิ้มอยู่เสมอ ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง คอยติดตามซูหย่าไปในทุกที่ไม่ว่านางจะไปที่ไหนก็ตาม
แต่ซูหย่าก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ และความแข็งแกร่งที่นางมีก็ทำให้ชีวิตของคนคนนั้นน่าสงสารมาก
มีคนเคยพูดกับซูหย่าเกี่ยวกับเรื่องนั้นว่ามันไม่ดี แต่ซูหย่าก็ไม่ได้คิดอะไรเลย
คนหนึ่งมีความสุขที่ได้เฆี่ยนตี ส่วนอีกคนก็มีความสุขที่ถูกเฆี่ยนตี แล้วมันผิดตรงไหน ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาที่เป็นศิษย์อาจารย์ ศิษย์ของนางยังไม่พูดอะไรสักคำ แล้วทำไมพวกนี้ต้องสาระแนด้วย
สิ่งต่างๆ ยังคงดำเนินไปเช่นนี้ แม้ว่าซูหย่าจะไม่ได้แสดงความเมตตา แต่นางก็ทำทุกอย่างที่ทำได้ในการสั่งสอนศิษย์ของตน พลังของศิษย์คนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ จนกระทั่งถึงปีที่สามที่คนนั้นยอมรับซูหย่าเป็นอาจารย์ของเขา เขาได้นำถุงเอกภพปักดอกไห่ถังที่ทำขึ้นเองคู่หนึ่งมาในวันเกิดของซูหย่า ให้เป็นของขวัญซูหย่าหนึ่งอัน และเก็บไว้เองหนึ่งอัน
หลังจากนั้น…
บางอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย และบรรยากาศระหว่างศิษย์อาจารย์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ซูหย่าเคยคิดว่านางอาจจะยอมพ่ายแพ้ให้กับเจ้าเด็กนั่น และไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นแบบนี้
ตอนที่ 1636 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (4)
สำนักธาราเมฆจะเปิดประตูเป็นระยะๆ ทุกเดือน ศิษย์ที่พลังได้รับการยอมรับจะสามารถออกไปได้ชั่วคราวและกลับบ้านไปสักสองสามวันก่อนจะกลับมาที่สำนัก
ศิษย์ของซูหย่าไม่ค่อยได้ออกจากสำนักธาราเมฆจนกระทั่งเกือบเข้าปีที่สี่เขาก็ออกไปในวันที่สำนักเปิดประตู ตอนแรกซูหย่าก็ไม่ได้สนใจมากนัก แต่ทุกครั้งที่ศิษย์ของนางกลับมา เขาทำตัวผิดปกติ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ดูตึงเครียดเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับนาง
ซูหย่าถามเขาแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรจากเขา คนคนนั้นแกล้งทำเหมือนไม่มีเกิดขึ้น แต่…ซูหย่ารู้สึกได้ว่าศิษย์ของนาง ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตาม เขาทำตัวเหินห่างกับนาง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้เป็นแค่ศิษย์อาจารย์กัน แต่จู่ๆ คนคนนั้นก็ทำตัวสุภาพเรียบร้อยและดูเหมือนจะพยายามแยกตัวจากนาง เรียกนางว่าอาจารย์ และยังคอยหลบสายตาอยู่ตลอด
ซูหย่าไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งช่วงเวลาที่สำนักเปิดประตูได้หมดลง และนางไม่เห็นเขากลับมา จนคนอื่นๆ กลับมากันหมดทุกคนแล้ว เขาก็ยังไม่โผล่มา นางยืนรออยู่ที่ประตูใหญ่ของสำนักธาราเมฆตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จนพระจันทร์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรี รอจนดึกดื่นค่อนคืนทุกอย่างเงียบสงัด คนผู้นั้นก็ยังไม่กลับมา
ในที่สุด อาจารย์ของซูหย่าก็ส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง
จดหมายนั้นถูกทิ้งไว้โดยบุรุษคนนั้น บอกว่าเขาได้รับอนุญาตจากอาจารย์ใหญ่แล้วให้สามารถจบการฝึกจากสำนักธาราเมฆและออกไปได้ ความทะเยอะทะยานของบุตรชายอยู่ที่การท่องไปในโลกกว้าง เขาไม่อยากถูกจำกัดอยู่สำนักธาราเมฆเล็กๆ แห่งนี้ ขอบคุณซูหย่าที่ดูแลสั่งสอนเขา แต่โชคชะตากำหนดให้พวกเขาต้องแยกจากกันไปคนละฟากฟ้า ขอให้นางดูแลตัวเองให้ดี
ซูหย่าอ่านจดหมายซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นสิบๆ รอบ พินิจพิเคราะห์ตัวอักษรทุกตัวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่สามารถทำใจให้เชื่อได้ว่าศิษย์ของนางจากไปแบบนั้นจริงๆ…
แถมนางที่เป็นอาจารย์ก็รู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้าย
ทำไมเขาไม่บอกนาง
นางแน่ใจว่านางได้บอกเขาแล้วว่า ถ้าถึงวันที่เขาต้องไป นางสามารถไปกับเขาได้
แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งนางไปเพื่อสร้างเส้นทางด้วยตัวเอง
เสียงของซูหย่าเริ่มสะดุดเล็กน้อยขณะที่พูดมาถึงตอนท้าย นางเงยหน้ากระดกสุราแล้วหลับตาลงช้าๆ ที่หางตามีรอยน้ำตาอยู่จางๆ
“จวินอู๋ เจ้าต้องจำไว้นะ ถ้าในอนาคตเจ้าเจอไอ้คนเลวที่ชื่อเยี่ยนปู้กุย เจ้าต้องช่วยข้าบอกเขาว่า ข้าไม่มีศิษย์อกตัญญูเช่นนี้” ซูหย่ากัดฟันพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เยี่ยนปู้กุย! จวินอู๋เสียตกตะลึง
เป็นเยี่ยนปู้กุยจริงๆ!
จวินอู๋เสียเคยเดาว่าซูหย่าและเยี่ยนปู้กุยรู้จักกันมาก่อน แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีความโกรธเคืองกันระหว่างคนทั้งสอง
ทั้งสองคนเป็นอาจารย์ของจวินอู๋เสีย แม้ว่านางจะไม่มีโอกาสมีปฏิสัมพันธ์กับเยี่ยนปู้กุยมากนัก แต่จวินอู๋เสียก็ไม่รู้สึกว่าเยี่ยนปู้กุยจะเป็นคนเนรคุณคนเช่นนั้น เขาต้องเสี่ยงอย่างมากในการช่วยชีวิตพวกเฉียวฉู่และเลี้ยงดูพวกเขามา คนเช่นนี้ไม่ใช่คนที่จะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับอาจารย์ที่มีบุญคุณต่อเขาและคนที่เขารักได้
ต้องมีเหตุผลหรือความเข้าใจผิดอะไรบางอย่างเบื้องหลังเรื่องนี้แน่
จวินอู๋เสียไม่ได้บอกซูหย่าว่านางรู้จักเยี่ยนปู้กุย นางต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้กระจ่างก่อน
สำหรับจวินอู๋เสีย นางอยากให้เยี่ยนปู้กุยกับซูหย่าคืนดีกันได้ และก่อนที่นางจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด นางไม่อยากให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่านี้ แม้ว่าคำพูดของซูหย่าจะเด็ดเดี่ยวมาก แต่จวินอู๋เสียก็ยังรู้สึกถึงความเศร้าและความเกลียดชังของนางที่เกิดจากความเสียใจและไม่เต็มใจจะแยกจากกันในอดีต
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซูหย่าไม่เคยปล่อยวางมันเลย ความดื้อรั้นของนางทำให้นางหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้
“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า
ซูหย่ายิ้มและลูบหัวเล็กๆ ของจวินอู๋เสีย