บทที่ 815 ลูกแมวตัวนี้ยังเด็กเกินไป

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 815 ลูกแมวตัวนี้ยังเด็กเกินไป

บทที่ 815 ลูกแมวตัวนี้ยังเด็กเกินไป

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเย่จือเบิกบานราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ และพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง ความรักอันลึกซึ้งในดวงตาของเขาเหมือนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่ไม่ว่าใครก็อยากจมดิ่งอยู่ในท้องสมุทรอันกว้างใหญ่

กู้เสี่ยวหวานคว้ากรอบประตูพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยับยั้งใจที่จะพุ่งไปข้างหน้า และยิ้มเคอะเขิน

ดังคำกล่าวที่ว่า ชายเกี้ยวพาราสีหญิงเฉกเช่นแยกภูผา หญิงเกี้ยวพาราสีชายคลับคล้ายแยกใยป่าน*[1]

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะมีความรู้สึกบางอย่างกับฉินเย่จือ แต่นางก็ไม่เคยแสดงความรักต่อหน้าผู้ชายมาก่อน

ไม่มีทั้งในชาติก่อนและในชาตินี้

กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มอย่างขลาดเขิน ใบหน้าของฉินเย่จือเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“คือข้า…” กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาได้ยินมากน้อยเพียงใด

สิ่งที่นางพูดในเมื่อครู่เป็นการเตือนฉินเย่จืออย่างชัดเจนว่าตราบเท่าที่เขารอคอย นางจะแต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน!

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานร้อนผ่าว แม้ว่านางจะมีความสนใจในตัวของฉินเย่จือจริง แต่ก็ยังมีความคิดที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจ

เพียงแต่ว่านางไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ!

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองกำลังร้อนผ่าวราวกับโดนแผดเผา และรู้สึกละอายใจจนไม่สามารถพูดอะไรได้

เมื่อเห็นนางเช่นนั้น ฉินเย่จือก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้นในใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์และมองไปที่กู้เสี่ยวหวานราวกับว่านางเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ใต้หล้า

“หวานเอ๋อร์…” หลังจากนั้นไม่นาน ฉินเย่จือก็ปริปากส่งเสียงออกมา น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อยและแฝงไปด้วยความตื่นเต้น

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานกลับหัวเราะและพูดว่า “ท่านป้า ท่านอา วันนี้ข้ายังอ่านหนังสือไม่จบ ดังนั้นข้าขอตัวก่อน!”

สวรรค์ ใบหน้าของนางแดงก่ำราวกับเปลวเพลิง

ไม่ได้เด็ดขาด นางจะให้ฉินเย่จือจะเห็นไม่ได้เด็ดขาด

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดบางอย่างกับพวกเขา จากนั้นแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น และเดินผ่านฉินเย่จือไปราวกับว่านางไม่รู้สึกสิ่งใด

แต่สวรรค์รู้ดีว่านางยับยั้งตนเองมากแค่ไหน

แม้ว่านางจะอายุสิบเอ็ดขวบ แต่นางก็มีจิตวิญญาณของหญิงสาวอายุเกือบสามสิบปี!

นางหวั่นไหวและมีความคิดที่นางไม่ควรคิด!

แต่ตอนนี้ นางยังเป็นเด็กอายุสิบเอ็ดขวบ และไม่สามารถแสดงออกทุกอย่างได้

กู้เสี่ยวหวานเดินผ่านไปด้วยท่าทางนิ่งสงบ เดินผ่านหน้าฉินเย่จือและอาโม่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย

หลังจากนางไป ป้าจางยิ้มและพูดว่า “สาวน้อยคนนี้ยังเด็กเกินไป ยังเร็วเกินไปสำหรับเจ้า!”

ประโยคที่กู้เสี่ยวหวานเอ่ยก่อนหน้านี้ นางไม่มีทีท่าอึดอัดใจเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่านางมีความคิดเช่นนั้นอยู่

กู้ฟางสี่เห็นแล้วยิ้มอย่างรู้เท่าทัน

ฉินเย่จือหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินผ่านหน้าเขา ฉินเย่จือไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้

ลูกแมวตัวนี้ยังคงเป็นลูกแมวเท่านั้น!

เมื่อไรจะโต!

ฉินเย่จือรู้สึกหดหู่ใจมาก เขาหวังว่าวันนี้เขาจะถูกมัดไว้ที่หลังม้าเพื่อที่เขาจะได้สะบัดแส้และปล่อยให้วันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

กู้เสี่ยวหวานเดินผ่านลานบ้านและเดินผ่านฉินเย่จือราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางเดินไปอย่างมั่นคง และมองไม่เห็นความคิดอื่นในใจนาง

แต่หลังจากลับตาคน กู้เสี่ยวหวานก็เร่งความเร็วฝีเท้า และวิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

หลังจากเข้ามาในห้องเรียบร้อยก็รีบปิดประตูลงทันที

เมื่อนึกถึงความอ่อนโยนของฉินเย่จือเมื่อเขามองมายังตนเอง

นางไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นจึงรู้เจตนาของฉินเย่จือโดยธรรมชาติ

และนางอยากจะแสร้งเป็นคนโง่เสียจริง!

นางไม่อยากเข้าใจสิ่งใดทั้งนั้น

นางอายุเพียงแค่สิบเอ็ดขวบ นางจะถูกปฏิบัติเหมือนสัตว์ประหลาดหรือไม่ถ้านางเข้าใจความรักระหว่างชายหญิงเร็วขนาดนี้!

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเย่จือไม่เคยพูดอะไรกับนางสักคำเกี่ยวกับการที่ทั้งสองจะอยู่ด้วยกัน ทำไมต้องเป็นนางที่ริเริ่มพูดเรื่องนี้ก่อน

ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือตอนนี้ กู้เสี่ยวหวานก็เป็นคนหัวโบราณ

ถ้าบุคคลนั้นคือฉินเย่จือ ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเป็นคนเริ่ม

ถ้าถึงวัยแต่งงานแล้วก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้นางเป็นแค่เด็กหญิงอายุสิบเอ็ดขวบ และเมื่อคิดว่าตัวเองเพิ่งอายุแค่สิบเอ็ดขวบ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเย็นชาและความคิดที่เกิดขึ้นก็หายไปอย่างสมบูรณ์

อีกด้านหนึ่ง ฉินเย่จืออาจกล่าวได้ว่ากำลังก้าวกลับไปที่ห้องอย่างหดหู่

แมวตัวน้อยของตนพูดเช่นนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเย่จือรู้สึกว่าชีวิตนี้ค่อนข้างมืดสลัว

เขาไม่เคยสัมผัสถึงความพ่ายแพ้เท่านี้มาก่อน

แต่โชคดีที่อาโม่อยู่เคียงข้างเขาเสมอเพื่อปลอบโยนเขา “นายท่านไม่ต้องกังวลไป คุณหนูยังเด็กเกินไป นางคงจะไม่เข้าใจจริง ๆ!”

ใช่แล้ว ลูกแมวยังเล็กเกินไปและอายุน้อยกว่าเขาถึงหกเจ็ดปี!

“ถ้านายน้อยชอบนางจริง ๆ ทำไมไม่รอจนกว่านางจะโตพอถึงวัยแต่งงานแล้วค่อยไปสู่ขอล่ะ?” อาโม่พูดความจริง

กู้เสี่ยวหวานคนนี้คือภรรยาสาวที่เขาจองตัวไว้แล้ว!

ฉินเย่จือพยักหน้าและพูดขึ้นเมื่อไม่มีผู้ใดอยู่รอบ ๆ “ให้พวกเขาจัดการเรื่องของข้าทั้งหมด และทำรายการทุกอย่าง หลังจากสามปี ข้าจะมาสู่ขอนาง!”

“ว่าอย่างไรนะ?” หลังจากได้ยินดังนั้น อาโม่ก็โพล่งคำถามออกไป “ของทั้งหมดของนายท่านหรือ?”

“อืม รวมทั้งบ้านและร้านค้าด้วย โอ้ ใช่แล้ว เขียนชื่อข้าด้วย เขียนทั้งหมด!” ฉินเย่จือพูดอย่างจริงจัง

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ อาโม่ก็ตกใจ และหลังจากนั้นเขาก็พูดสิ่งใดไม่ออก

ดูเหมือนไม่แปลกใจหากมันถูกเขียนล่วงหน้าไว้สามปี หากต้องเขียนมันล่วงหน้าจริง ๆ เกรงว่าของขวัญนี้เขียนสามปีก็คงจะเขียนไม่เสร็จ!

ในวันที่สอง กู้เสี่ยวหวานขอให้อาโม่เก็บเสื้อผ้าและเครื่องนอนทั้งหมดในบ้านที่หลิวชิงซานเคยใช้ในเวลานั้นไปใส่ไว้ในรถม้า ทุกคนรู้สึกแปลกใจเพราะไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะทำอะไร

กู้เสี่ยวหวานกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “สิ่งเหล่านี้หากเราไม่ใช้ประโยชน์ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งมันไป ทำไมเราไม่ทำความดีและบริจาคสิ่งเหล่านี้ให้กับคนยากจนทางตะวันออกของเมืองล่ะ!”

ทุกคนล้วนพยักหน้าเห็นด้วย

ฉินเย่จือพยักหน้าอย่างมีความสุขเช่นกัน ภรรยาที่เขาจองตัวไว้ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนก็ดีทั้งหมด

รถม้าวิ่งอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของเมือง

เมื่อเข้ามาทางทิศตะวันออกของเมืองแล้ว การตกแต่งที่นี่จะแตกต่างไปจากภายในเมืองอย่างสิ้นเชิง

ที่นี่ราวกับเป็นชุมชนแออัดหลังตึกสูงกลางเมืองในอีกชาติหนึ่งของกู้เสี่ยวหวาน

ทุกที่มีแต่ความทรุดโทรม

ภายในชุมชนนั้นมีแต่ถนนสายเล็ก ๆ ทั้งหมด รถม้าไม่สามารถเข้าไปได้ กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงจากรถม้า โดยมีอาโม่เดินตามหลังอย่างใกล้ชิดพร้อมกับเครื่องนอนในอ้อมแขนของเขา

*[1] ชายเกี้ยวพาราสีหญิงเฉกเช่นแยกภูผา หญิงเกี้ยวพาราสีชายคลับคล้ายแยกใยป่าน หมายถึง เวลาที่ผู้ชายจะเกี้ยวพาราสีผู้หญิงนั้นมีความยากเย็นเหมือนกับการแยกภูเขาออกจากกัน แต่ในทางกลับกันที่เวลาผู้หญิงจะเกี้ยวพาราสีผู้ชายนั้นกลับง่ายดายเหมือนกับการดึงใยป่านให้ขาดออกจากกัน