บทที่ 816 แม่เฒ่าเฉิน

บทที่ 816 แม่เฒ่าเฉิน

ฉินเย่จือกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงเดินตามหลังนางตลอดเวลา

เดิมทีพวกเขากำลังจะไปที่หมู่บ้านฉือส้าน แต่เมื่อเดินไปรอบ ๆ ก็พบกับตรอกซอกซอยมากมาย ครั้นเดินวนไปวนมาก็เกิดหลงทางขึ้นมา

ภายในนั้นดูย่ำแย่เสียจริง!

ทันใดนั้น เมื่อกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังจะจากไป เสียงร้องไห้อันน่าสงสารดังมาจากห้องที่ทรุดโทรมพร้อมประตูที่เปิดอยู่ “ได้โปรด อย่าเอาไปเลย มันคือชีวิตของลูกชายข้า!”

เป็นเสียงของหญิงชราที่ดูไร้เรี่ยวแรง

“ถุย ตอนนี้ลูกชายของเจ้าอยู่ในคุกและไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตาย จะเก็บสิ่งนี้ไว้ทำไม เจ้าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ดังนั้นก็ยกของทั้งหมดนี้มาให้ข้าเสีย ข้ามีลูกชายคนเล็กที่เพิ่งหัดคัดตัวอักษรอยู่พอดี!” ด้านข้างมีเสียงผู้หญิงกำลังกล่าวอย่างเดือดดาล เหมือนทั้งสองคนกำลังยื้อแย่งบางอย่างกันอยู่

เห็นได้ชัดว่าหญิงชราไม่สามารถชนะแรงของสตรีอีกฝ่ายได้ ดังนั้นนางจึงล้มลงกับพื้นพร้อมกับส่งเสียงร้องครวญคราง และจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องไห้

“สวรรค์โปรดเห็นใจ ลูกของข้าไม่เคยทำอะไรไม่ดี ทำไมท่านถึงทำกับลูกชายข้าแบบนี้ ทำไมท่านไม่ส่งข้าไปแทนและปล่อยลูกชายไป!”

“โธ่ เจ้ายังคงไม่รู้สินะ ลูกชายของเจ้าใส่ร้ายนายท่านเจียงในที่สาธารณะ โดยบอกว่านายท่านเจียงลักลอบขายเกลือเถื่อน หากนายท่านเจียงไม่จับเขาแล้วจะจับใคร! ถ้าอยากจะตำหนิก็ตำหนิลูกชายเจ้าที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ และกล้าที่จะยั่วยุนายท่านเจียง!” ผู้หญิงคนนั้นกล่าววาจาดูกถูกเหยียดหยาม “เจ้าร้องไห้ที่นี่ต่อไปเสียเถอะ ต่อให้เจ้าตายลูกชายของเจ้าก็ยังไม่กลับมา!”

ลักลอบขายเกลือเถื่อน?

ฉินเย่จือขมวดคิ้วแน่น

และได้เสียงหญิงผู้นั้นหัวเราะอย่างเย่อหยิ่งสองสามครั้ง แล้วก็กำลังจะออกไป

แต่ใครจะรู้เล่า เมื่อหันไปก็พบหนุ่มสาวหน้างดงาม ชายสองคนและหญิงหนึ่งคนเดินเข้ามา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายและหญิงที่เป็นผู้นำมีกลิ่นอายสูงส่งแผ่รอบกาย ซึ่งทำให้ผู้คนไม่สามารถทนมองพวกเขาตรง ๆ ได้

ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกว่าทุกคนสายตากำลังจ้องมองมาที่ตัวเองอย่างดุดัน และรู้สึกหวาดกลัวโดยไร้เหตุผล

หญิงคนนั้นหวาดกลัวเล็กน้อย นางกอดสิ่งของในอ้อมแขนแน่นขึ้น มองทั้งสามคนอย่างหวาดกลัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แม่เฒ่าเฉิน มีคนมาบ้านเจ้า!”

หลังจากพูดจบ นางก็เบี่ยงตัวออกเพื่อต้องการหลบหนีไป

แม้ว่าอาโม่จะถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มอ้อมแขน แต่การเคลื่อนไหวของเขายังคงว่องไว ด้วยการขยับตัวเพียงครั้งเดียวก็สามารถขวางผู้หญิงคนนั้นไว้ที่มุมห้องได้

ผู้หญิงคนนั้นตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว คิดว่าพวกเขากำลังตำหนิที่นางขโมยของจากบ้านของแม่เฒ่าเฉิน แต่…

ความประหลาดฉายชัดในแววตาของนาง แต่นางยังคงพูดด้วยท่าทีที่แน่วแน่ “พวกเจ้าเป็นใคร?”

เมื่อไม่มีผู้ใดตอบคำตอบของนาง อีกทั้งกู้เสี่ยวหวานยังก้าวไปข้างหน้าและประคองหญิงชราที่ถูกเรียกว่าแม่เฒ่าเฉินขึ้น

ภายในบ้านว่างเปล่า ไม่มีเครื่องเรือนเลยสักชิ้น ยกเว้นโต๊ะมุมห้องที่หายไปก็ไม่มีแม้แต่เครื่องเรือนสักชิ้น

ด้านล่างของเตียงเป็นหญ้าแห้งหนา และมีผ้าปูที่นอนวางอยู่ด้านบน มองดูแล้วแลดูทรุดโทรม

ด้านนอกมีเตาดินหลังเล็กที่มีปล่องไฟบนหลังคา น่าจะเป็นที่ที่พวกเขาทำอาหารในวันปกติ

น่าสงสารเสียจริง!

แย่กว่าพวกกู้เสี่ยวหวานก่อนหน้านี้เสียอีก

ด้วยการพยุงของกู้เสี่ยวหวาน แม่เฒ่าเฉินนั่งลงบนเตียง นางหยุดร้องไห้และไอออกมา

ครั้นกู้เสี่ยวหวานดังนั้น นางกำลังจะเทน้ำให้หญิงชรา แต่กลับมีแก้วน้ำยื่นมาตรงหน้านางเสียแล้ว

ฉินเย่จือถือแก้วน้ำแล้วหยุดลงข้างกายกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานยิ้มให้เขา มันทำให้เขารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

จากนั้นเขาก็ป้อนน้ำให้แม่เฒ่าเฉิน หลังจากได้ดื่มน้ำนางก็หยุดไอ

แต่น้ำตายังไหลไม่หยุด!

“ท่านยาย บ้านของท่านมีเพียงท่านคนเดียวหรือ?” กู้เสี่ยวหวานถามพลางมองไปรอบ ๆ ห้อง และไม่เห็นสิ่งของมีค่าใด ๆ เลย “หญิงสาวคนนั้นเอาอะไรของท่านไปหรือ?

แม่เฒ่าเฉินเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนใจดี นางจึงไม่ได้ระมัดระวังตัว นอกจากนี้ ครอบครัวของนางก็ยากจน อีกทั้งลูกชายของนางยังต้องมาติดคุก ใครจะปรารถนาของในบ้านนางกัน นางร้องห่มร้องไห้แล้วพูดว่า “ในบ้านข้ามีเพียงลูกชายของข้าและข้าแค่สองคน แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนลูกชายของข้าโดนจับเข้าคุก! ฮือ ๆ… ลูกชายที่น่าสงสารของข้า! เขาโดนใส่ร้าย!”

หญิงสาวที่อยู่อีกด้านหนึ่งรีบอธิบาย “แม่นาง อย่าไปฟังหญิงชราคนนี้ ลูกชายของนางไม่ได้ถูกใส่ร้าย! ลูกชายของนางใส่ร้ายนายท่านเจียงในที่สาธารณะในเวลานั้น และถ้าเจ้าหน้าที่ไม่จับกุมเขาแล้วจะให้จับกุมใครกัน?”

“โอ้? แล้วเขาพูดว่าอย่างไร?” ฉินเย่จือถามด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่วินาทีที่เขาเข้ามา ใบหน้าของฉินเย่จือนั้นปรากฏความเย็นชาเสมอ ทำให้ผู้คนที่พบเห็นหวาดกลัว

แผ่นหลังของหญิงคนนั้นเย็นวาบ

แต่ในขณะนี้ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่ากำลังส่งยิ้มให้นาง หญิงคนนั้นก็ราวกับต้องมนตร์ และบอกกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ทุกอย่างที่นางรู้

“พวกเจ้าคงไม่รู้! หลังจากที่ราชสำนักยึดคืนอุตสาหกรรมการค้าเกลือ นายท่านเจียงก็ได้ส่งมอบอุตสาหกรรมเกลือทั้งหมดในมือของเขาให้กับราชสำนัก พวกเขาไม่ได้ขายเกลืออีกต่อไป แต่เฉินจื่อไป๋ ลูกชายของหญิงชรายืนกรานที่จะใส่ร้ายนายท่านเจียงในที่สาธารณะว่าเขายังคงขายเกลือเถื่อน ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่มีโทษถึงตาย! นายท่านเจียงไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน หากเขาไม่โดนจับแล้วใครจะโดนจับกันล่ะ!” ผู้หญิงคนนั้นพูดไม่หยุด

“ไร้สาระ ไร้สาระสิ้นดี ลูกชายของข้าไม่ใช่คนแบบนั้น!” หญิงชราที่นั่งอยู่บนเตียงลุกขึ้นทันทีและโต้เถียงเสียงดัง “ลูกชายของข้าไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าเขาไม่เห็นกับตา เขาจะไม่พูดไร้สาระ เขาจะไม่พูดไร้สาระ!”

“แม่นาง นายน้อย ลูกชายของข้าเป็นคนซื่อสัตย์ เขาไม่เคยพูดเรื่องไร้สาระ!” หลังจากการเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น แม่เฒ่าเฉินก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานกับฉินเย่จือพลางกล่าวอย่างกังวลใจ

คนสองคนที่อยู่ต่อหน้าพวกนางมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา และเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ก็ดูดีเช่นกัน พวกเขาต้องเป็นคนมีฐานะดี ถ้านางบอกพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะช่วยชีวิตลูกชายของตนเอง ได้!

แม่เฒ่าเฉินรีบโต้เถียง แต่ทำให้ฉินเย่จือเกิดความสนใจในเรื่องนี้