บทที่ 808 สอบสวนตระกูลซุน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 808 สอบสวนตระกูลซุน

บทที่ 808 สอบสวนตระกูลซุน

“หัวหน้า? ซุนเสี่ยวอวี้ ที่นี่คือเมืองหลวงนะ ไม่ใช่ลี่เฉิง!”

หัวหน้าเรายุ่งมากนะ คิดจะเจอก็ได้เจอเลยหรือไง? เพราะซุนกังเลี้ยงลูกให้เป็นแบบนี้ไง สิ่งที่แสดงให้เห็นก็สมผลอยู่ เพราะพ่อแม่สั่งสอนไม่ดีลูกเลยเป็นแบบนี้!

คำพูดของตำรวจเตือนในสิ่งที่พ่อเคยพูดกับเขาเอาไว้ มาถึงเมืองหลวงแล้วให้ระวังตัว อย่าทำอะไรโดยไม่คิดให้รอบคอบ ถึงจะนึกออกแต่เขารู้สึกว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด มันมีเพียงแค่ว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่มีแต่เรื่องให้เขาโมโหทั้งนั้น

“แกออกไปได้แล้ว!” ตำรวจว่าจบก็หมุนตัวจากไปโดยไม่สนใจอีก

ซุนเสี่ยวอวี้ไม่ยินดีเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนี้

ในฐานะไข่อันล้ำค่าของตระกูลซุน เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต!

“ฉันรู้ว่าพ่อแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้”

เมื่อได้ยินว่าตนสามารถออกจากห้องขังได้ ซุนเสี่ยวอวี้กลับมาทำตัวอวดดีดั่งเดิม เหมือนว่าพ่อจะออกหน้าให้ ตนเลยได้รับการปล่อยตัวสินะ

“แกรอก่อนเถอะ ถ้าฉันออกไปเมื่อไรจะให้พ่อมาจัดการซะ!”

ตำรวจอยากหัวเราะใส่ด้วยความโมโห ไอ้เด็กนี่มันไม่คิดจะทำอะไรเลยจริง ๆ

“พ่อผู้มากอำนาจของแกน่ะ เขาโดนขังอยู่ที่นี่” ตำรวจชี้ไปยังห้องขังข้าง ๆ แล้วเอ่ยบอกอย่างใจดี

“ฉันไม่เชื่อ แกหลอกฉัน พ่อฉันเก่งขนาดนี้จะโดนจับได้ยังไง?” ในใจเด็กหนุ่มยังคิดว่าพ่อเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่าง

แต่คนแบบนี้จะโดนขังหรือ?

ซุนเสี่ยวอวี้ไม่รู้เลยว่า พ่อใช้อำนาจเพื่อช่วยลูกชายปลอมแปลงเอกสารมาแอบอ้างเป็นคนอื่น เป็นการก่อเหตุร้ายแรงต่อการสอบระดับชาติ

แถมยังจ้างวานฆ่าคนที่ตัวเองไปแอบอ้างเป็นเขาอีก! เพราะฉะนั้นเลยถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงและโดนจับไว้ คนที่รู้เรื่องคาดเดาได้ว่าซุนกังไม่มีทางออกไปในเวลาอันสั้นแน่นอน

การสอบสวนมันยังไม่จำ มีแค่สองพ่อลูกที่ไม่รู้

ที่จริงมันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

“รีบ ๆ ไปสักที ที่ไม่ยอมไปเพราะอยากอยู่ต่อสินะ งั้นก็กลับเข้าไปซะ!”

ตำรวจเอ่ยปากไล่

ซุนเสี่ยวอวี้เองก็มีส่วนร่วม แต่เพราะไม่ใช่ผู้บงการเลยไม่มีเหตุผลให้ขังต่อ แค่สองวันก็ได้รับการปล่อยตัวแล้ว

หลังจากออกไปเด็กหนุ่มโทรกลับบ้านทันที ก่อนจะทราบข่าวเรื่องที่พ่อโดนจับหลังมาถึงเมืองหลวง

เขาไม่อยากเชื่อเลยสักนิด ถ้าแม่ไม่ได้เป็นคนบอกด้วยตัวเอง เขาคงคิดว่ามีคนคิดร้ายกับตัวเองด้วยซ้ำ

ซุนเสี่ยวอวี้ขบคิดเพื่อหาคนช่วยพ่อออกมา

เขาโทรไปหาตระกูลซุนเพื่อขอให้คุณปู่ช่วย แต่ปลายสายกลับพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ ดูอ่อนเพลียมาก และบอกให้เขารีบกลับบ้าน

ทว่าซุนเสี่ยวอวี้ไม่อยากกลับไปทั้งแบบนี้

เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่ดีมาก เขายังอยากอยู่ต่อ และอยากเรียนที่จิ่งเฉิงด้วย แต่ว่าด้วยนิสัยที่มักทำแล้วได้ผล ในวันนี้มันกลับไม่มีประโยชน์อีกแล้ว

ชายชราซุนโมโหจัด ก่อนวางสายแกเอ่ยทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ถ้าไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับมาอีกต่อไป

ซุนเสี่ยวอวี้ไปโวยวายที่มหาวิทยาลัย แต่ทางนั้นไม่แม้แต่จะสนใจทั้งยังโดนเจ้าหน้าที่โยนออกมาด้วย

ถึงคราวเดือดร้อนแล้วจริง ๆ

เขาเรียนที่นี่ไม่ได้ ทั้งกำลังจะโดนไล่ออกด้วย ตอนนี้ควรทำยังไงดี? ตอนนี้ไม่มีที่ไหนในเมืองหลวงที่ไปได้เลย ถึงจะมีเงินแต่เขาไม่อยากอยู่หอพัก มันอึดอัด ทั้งยังไม่สะดวกสบาย

สุดท้ายก็ได้แต่ตามหาอิ่นหรูอวิ๋น แต่ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่เคยให้เงินไว้ใช้กลับหันหลังให้

เธอไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปในบ้านด้วยซ้ำ

หลายวันที่ผ่านมาเขาใช้จ่ายกับเธอไปเยอะ แล้วตอนนี้อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ แล้วเขาจะไปทนไหวได้ยังไง?

เด็กหนุ่มลากอีกฝ่ายเข้าไปในบ้านเพื่อระบายความโกรธทั้งหมดที่มี

เรื่องราวใหญ่โตไม่ได้ส่งผลกระทบแค่นักศึกษาปี 1 เท่านั้น แต่เด็กปี 2 เองก็มีเหตุการณ์คล้าย ๆ กันเกิดขึ้นด้วย แต่เพราะเด็ก ๆ ต่างหวาดกลัว ทางโรงเรียนจึงไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต

เราส่งพวกที่มาแอบอ้างกลับบ้านเกิดเท่านั้น คนอื่น ๆ ไม่ได้ยุ่งอะไร

ทางฝั่งพวกเสี่ยวเถียนยังเรียนเหมือนทุกวัน คณะนี้ไม่ได้ถือว่าเรียนหนัก แต่เสี่ยวเถียนกดดันตัวเองมากกว่า ตอนนี้เธอเรียนภาษาที่หกแล้ว

จ้าวหงเหมยเห็นเพื่อนตั้งใจเรียนขนาดนั้นก็อดมองไม่ได้ เธอคิดว่าเสี่ยวเถียนมาเรียนผิดที่จริง ๆคนแบบนี้ควรไปเรียนมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศดีกว่าไหมนะ?

เรียนมหาวิทยาลัยสี่ปี ได้ภาษาเพิ่มไปแล้ว 7-8 ภาษา เวลาเจอชาวต่างชาติก็ไม่มีปัญหาติดขัดอะไรด้วย แล้วอัจฉริยะคนนี้เรียนคณะภาษาจีนเนี่ย มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยเรอะ

ทางมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศแย่งนักศึกษาไปไม่ได้ แต่คณะภาษาต่างประเทศในจิ่งเฉิงได้เกิดแนวคิดนี้

คณบดีคณะภาษาต่างประเทศเป็นชายชราวัยห้าสิบกว่า เขากำลังจะเกษียณในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้แล้ว

ตั้งแต่รู้ว่ามีนักศึกษาชื่อซูเสี่ยวเถียนจากคณะภาษาจีนเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศ เขาเลยอยากชวนเธอมาเรียนคณะนี้

แต่เสี่ยวเถียนไม่มีใจจะไป

เธอมีระบบเป็นสูตรโกง จึงไม่มีปัญหาเรื่องการออกเสียง ต่อให้ผิดจริงทางระบบก็จะแก้ให้เองโดยไม่ต้องเรียนกับอาจารย์ด้วยซ้ำ

มีดีขนาดนี้ ทำไมต้องไปเรียนคณะภาษาต่างประเทศด้วย? ถ้าเลือกไม่ไปเธอสามารถเรียนได้ปีละ 2 ภาษา แต่ถ้าเลือกไปความเร็วในการเรียนจะลดลง

คณบดีเนี่ยหงเลี่ยงเป็นคนที่มีความอดทนมาก ถึงเสี่ยวเถียนจะไม่ยอมไปเรียนด้วย แต่เขามักจะมาชวนเธอสัปดาห์ละครั้ง

ยิ่งผ่านไปนานเข้า เสี่ยวเถียนยิ่งละอายใจ

ในปีนั้นเล่าปี่เดินทางไปเชิญขงเบ้งลงเขามาช่วยตนถึงสามครั้ง พอมันเกิดขึ้นกับตัวเธอบ้างจึงรู้สึกไม่ดีเท่าไร ถึงจะไม่เห็นด้วยกับการย้ายไปเรียนคณะภาษาต่างประเทศ แต่เธอจึงเลือกเป็นวิชาโทแทน

วิชาโทไม่ได้ยุ่งยากอะไร ถ้ามีเวลาก็เข้าเรียน ถ้าไม่มีก็ไม่ต้อง ขอแค่สอบผ่านก็พอ

ด้วยความเคารพในอาจารย์ เสี่ยวเถียนจึงเข้าเรียนทุกคาบ หลัก ๆ เสี่ยวเถียนจะเลือกตัวที่มีอาจารย์เนี่ยหงเลี่ยงเป็นคนสอน เพราะถ้ามีเรื่องไหนที่ไม่เข้าใจเธอสามารถขอให้เขาสอนได้ จุดนี้ถือว่าไม่แย่

ชายชราพึงพอใจมาก

เขาพูดเสมอว่าเขาชอบเด็กแบบนี้

ที่จริงเขารู้ว่าถ้าพูดในมุมเสี่ยวเถียน เธอไม่เชิงว่าเป็นนักเรียนของเขาหรอก

ไม่ใช่นักเรียนคนสนิทมันสำคัญด้วยหรือไง?

ไม่สำคัญสักนิด!

ที่สำคัญคือเธอเรียกเขาว่าอาจารย์ต่างหาก!

แค่นี้ก็พอให้เธอเป็นลูกศิษย์ที่เก่งแล้ว!

เห็นเสี่ยวเถียนทำแบบนี้ รูมเมทเคยคิดจะเรียนวิชาโทด้วยเหมือนกัน

แต่หลังจากลองได้ไม่กี่วันก็พบว่าทำไม่ไหวจึงยอมแพ้ไป