ตอนที่ 1649 ทั้งหมดเป็นการแสดง (1) / ตอนที่ 1650 ทั้งหมดเป็นการแสดง (2)
ตอนที่ 1649 ทั้งหมดเป็นการแสดง (1)
ด้วยระดับความแข็งแกร่งของตำหนักจิงหง ต่อให้พวกเด็กหนุ่มๆ ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจะไม่มีเหตุผลเพียงพอในตอนนั้น แต่พวกผู้ใหญ่ที่คุมขบวนย่อมไม่อนุญาตให้พวกเขาทำเรื่องเช่นนั้นได้ ยิ่งกว่านั้นสำหรับผู้เยาว์ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากตำหนักอย่างเป็นทางการ จะกลัวมากว่าจะสร้างความประทับใจที่ไม่ดีให้กับผู้คุมขบวนก่อนที่พวกเขาจะก้าวเข้าสู่ตำหนัก หากกล่าวว่าพวกเขามีความกล้าทำเรื่องเช่นนั้นจริงๆ มันคงเชื่อได้ยาก
นอกจากนี้ตำหนักมังกรสวรรค์เป็นสถานที่แบบไหนเล่า พลังของเฟยเยียนได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงงานชุมนุมเทพยุทธ์ จะมีสักกี่คนที่ไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของนาง
เว้นแต่เด็กจากตำหนักจิงหงคนนั้นจะเป็นคนโง่เง่า ไม่อย่างนั้นต่อให้มมีความกล้าหมดทั้งโลก เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเอาเปรียบเฟยเยียนแห่งตำหนักมังกรสวรรค์หรอก เพราะไม่ว่าจะเป็นตำหนักมังกรสวรรค์ที่หนุนหลังเฟยเยียนอยู่หรือความแข็งแกร่งของตัวเฟยเยียนเอง ทั้งสองอย่างไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนนั้นจะเอาชนะได้เลย
ดังนั้น กู่อี้จึงไม่มีทางเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นอุบัติเหตุ
เหตุการณ์นั้นไม่ได้ถูกคำนวณอย่างรอบคอบ ใครก็ตามที่มีสมองคิดสักเล็กน้อยก็สามารถจับความผิดปกติในเรื่องนี้ได้
เกี่ยวกับประเด็นนี้ ไม่ใช่แค่กู่อี้ที่คิดได้ แม้แต่คนจากตำหนักจิงหงก็รู้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น
แม้ว่าคนของพวกเขาจะถูกทำร้าย แต่ตำหนักจิงหงก็ไม่กล้าสร้างปัญหาและไม่กล้าขึ้นไปที่ตำหนักมังกรสวรรค์เพื่อขอคำอธิบาย แต่เนื่องจากคนที่ถูกเฟยเยียนทำร้ายเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์สูงในบรรดาศิษย์รุ่นนี้ ทำให้ตำหนักจิงหงรู้สึกปวดใจไม่น้อย
และในเวลาเดียวกันกับที่กู่อี้มีความสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทางด้านตำหนักมังกรสวรรค์ก็เพิ่งต้อนรับศิษย์ที่เดินทางกลับมาเช่นกัน หลังจากนั้นเฟยเยียนถูกผู้อาวุโสของตำหนักมังกรสวรรค์ที่ต้องการสอบถามเรื่องราวทั้งหมดโดยละเอียดเรียกให้อยู่ต่อ
แม้ว่าตำหนักมังกรสวรรค์จะแข็งแกร่งกว่าตำหนักจิงหง แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นอย่างแท้จริง ตำหนักมังกรสวรรค์ก็ไม่อยากขัดแย้งกับตำหนักไหน แต่เฟยเยียนได้ทำร้ายศิษย์ของตำหนักจิงหงในระหว่างทางกลับ ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยไม่น้อย
ผู้คนต่างเดากันว่านี่เป็นความตั้งใจของตำหนักมังกรสวรรค์ มีเพียงคนจากตำหนักมังกรสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจนกระทั่งมันเกิดขึ้น พวกเขาก็เหมือนกับศิษย์จากตำหนักอื่นๆ รู้ข่าวหลังจากพวกศิษย์ใหม่กลับมาแล้ว
ผู้อาวุโสของตำหนักมังกรสวรรค์มอง ‘เด็กสาว’ ผู้งดงามที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วอดรู้สึกปวดใจไม่ได้ ว่ากันด้วยเรื่องของพลังล้วนๆ เฟยเยียนนั้นแข็งแกร่งมาก โชคดีมากที่ตำหนักมังกรสวรรค์สามารถดึงตัวศิษย์คนนี้มาเข้าร่วมได้ แต่การที่ก่อปัญหามากขนาดนี้ขึ้นมาก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนักเช่นนี้ ทำให้พวกเขาอดรู้สึกสงสัยไม่ได้
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีใครรับประกันได้ว่าในบรรดาศิษย์ที่พวกเขารับเข้ามานั้น จะไม่มีสายลับจากตำหนักอื่นปะปนเข้ามาด้วย
แต่ก่อนที่ผู้อาวุโสของตำหนักมังกรสวรรค์จะทันได้ถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็เห็นหยดน้ำตาเม็ดโตร่วงลงมาจากดวงตาของเฟยเยียน
เด็กสาวที่งดงามเช่นนั้นได้สลายลงด้วยหยดน้ำตาที่พรั่งพรู ทำให้ผู้อาวุโสเกิดอาการลุกลี้ลุกลนทันที
“เจ้า…เจ้าร้องไห้ทำไม ข้าแค่จะถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้น อย่าร้องไห้ซิ…” ผู้อาวุโสทำอะไรไม่ถูก เขาไม่คุ้นเคยกับการปลอบเด็กสาว ถ้าเป็นศิษย์ทั่วไปคนอื่นๆ เขาคงไม่ต้องสนใจมากนัก แต่ภูติวิญญาณของเฟยเยียนนั้นแข็งแกร่งมาก ถ้านางเป็นสายลับ ก็สามารถกำจัดนางทิ้งได้ แต่ถ้านางไม่ใช่…การสูญเสียศิษย์ที่มีค่าที่สุดคนหนึ่งไปจะทำให้ตำหนักมังกรสวรรค์ต้องเจ็บปวดอย่างแท้จริง
ดังนั้น ก่อนที่พวกเขาจะสามารถยืนยันตัวตนของเฟยเยียน ตำหนักมังกรสวรรค์ย่อมไม่กล้าทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับเฟยเยียน
“เรื่องนี้ข้าจะพูดได้อย่างไร” เฟยเยียนสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารพลางเช็ดน้ำตา สีหน้าดูรู้สึกผิดและเสียใจมาก
ตอนที่ 1650 ทั้งหมดเป็นการแสดง (2)
ผู้อาวุโสของตำหนักมังกรสวรรค์ตะลึงไปเล็กน้อย เขามองเฟยเยียนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางเช็ดน้ำตา คำถามทั้งหมดที่เตรียมไว้สลายไปอย่างรวดเร็ว
แม่หนูนี่จะอารมณ์อ่อนไหวเกินไปหรือไม่
เพียงแค่มองดูเฟยเยียนสะอึกสะอื้นอย่างหนักจนแทบหายใจไม่ทัน มันดูเหมือนเขาได้รับความคับแค้นใจอย่างใหญ่หลวง ทำให้คนรู้สึกสงสารและเห็นใจเขาทันที และไม่สามารถใช้คำพูดที่รุนแรงกับเขาได้เลยแม้แต่คำเดียว
“โธ่ อย่าเพิ่งร้องไห้สิ ถ้ามีเรื่องคับข้องใจอะไรก็บอกข้า เจ้าเป็นคนของตำหนักมังกรสวรรค์แล้ว ตำหนักมังกรสวรรค์จะไม่ยอมให้ศิษย์ของตัวเองโดนรังแกอยู่ข้างนอกนั่นหรอก” ผู้อาวุโสไม่มีทางเลือกนอกจากทำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
เฟยเยียนกะพริบตาที่มีน้ำตาคลออยู่เต็มและสูดน้ำมูกอย่างน่าสงสารขณะมองไปที่ผู้อาวุโส
“จริง…จริงหรือ ตำหนักไม่ได้ไม่ต้องการข้าเพราะข้าสร้างปัญหาให้หรอกหรือ ฮือๆๆ…ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เจ้าคนนั้นต่างหากที่เลว ข้าอยากจะหนีแต่เขาดึงเสื้อผ้าข้า ไม่ให้ข้าขยับได้เลย…ข้าไม่มีทางเลือก ต้องเรียกภูติวิญญาณออกมา ข้าไม่ได้อยากทำร้ายเขา ข้าแค่…แค่…” เฟยเยียนพูดไปได้ไม่กี่คำก็เริ่มร้องไห้อีก หยดน้ำตาเท่าเม็ดถั่วร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเล็กของเขาแดงจากการร้องไห้
เฟยเยียนนั้นงดงามมากอยู่แล้ว ยามนี้ดอกสาลี่ต้องหยาดฝนก็ยิ่งดูน่าสงสารน่าทะนุถนอมเข้าไปอีก ศิษย์ของตำหนักมังกรสวรรค์หลายคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นสตรีงามต้องเศร้าเสียใจก็พากันใจสลาย ในใจของพวกเขาคิดขึ้นมาทันทีว่าไอ้คนสารเลวจากตำหนักจิงหงต้องชั่วร้ายและไร้หัวใจเพียงใด พวกเขาอยากจะลากสัตว์นรกตัวนั้นมากระทืบเต็มที!
“ไม่ๆ เจ้าเป็นคนของตำหนักมังกรสวรรค์เรา เราต้องปกป้องเจ้าอยู่แล้ว” ผู้อาวุโสรีบพูด เขาไม่ได้หลงเสน่ห์ ‘ความงาม’ ของเฟยเยียน แต่คำพูดที่เฟยเยียนพูดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นมีจุดที่น่าสังเกตอยู่จุดหนึ่ง
นั่นคือภูติวิญญาณของนาง!
เฟยเยียนเข้าร่วมงานชุมนุมเทพยุทธ์ในส่วนของการแข่งภูติวิญญาณ และการแข่งภูติวิญญาณนี้ให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของภูติวิญญาณมากกว่า แต่พลังวิญญาณของตัวผู้แข่งขันเองนั้นไม่ได้สำคัญอะไร
เฟยเยียนมาจากเผ่าวานรยักษ์ แม้ว่าคนจากเผ่าวานรยักษ์จะเกิดมาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่
นั่นคือบุรุษของเผ่าวานรยักษ์มักจะเกิดมาพร้อมพละกำลังอันยิ่งใหญ่ แต่สตรีของเผ่านั้นจะอ่อนแอกว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย
พอนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาได้ การที่เฟยเยียนไม่สามารถขัดขืนคนจากตำหนักจิงหงก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นความแข็งแกร่งของเฟยเยียนก็มาจากภูติวิญญาณของนางเป็นหลัก ไม่ได้มาจากพลังวิญญาณของตัวนางเอง แม้ว่านางจะมีพลังที่แข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย แต่เจ้าคนจากตำหนักจิงหงก็เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกที่มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งที่สุด เมื่อประเมินข้อเท็จจริงอีกครั้ง การที่เฟยเยียนจะถูกเจ้าคนนั้นควบคุมตัวไว้ได้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
ผู้อาวุโสมองเฟยเยียนที่ยังคงร้องไห้น้ำตาร่วงเป็นสายฝน ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฟยเยียนและบุคลิกที่ ‘อ่อนแอบอบบาง’ ของนาง คงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กหนุ่มกลัดมันพวกนั้นจะควบคุมแรงกระตุ้นของตัวเองที่มีต่อเฟยเยียนได้
ผู้อาวุโสค่อนข้างเชื่อไปหลายส่วนแล้ว ก่อนที่เขาจะเรียกเฟยเยียนออกมา เขาได้สอบถามพวกผู้เยาว์ที่เข้าสำนักธาราเมฆพร้อมกับเฟยเยียนเกี่ยวกับเรื่องของเฟยเยียน เช่น ลักษณะนิสัยและอารมณ์ของนางตอนอยู่ในสำนักว่าเป็นอย่างไร เป็นต้น
และสิ่งที่ผู้เยาว์พวกนั้นบอกเขาก็ตรงกับสิ่งที่ผู้อาวุโสได้เห็นในตอนนี้
พูดกันว่าตอนที่เฟยเยียนอยู่ในสำนัก นางก็ ‘อ่อนแอบอบบาง’ เช่นนี้อยู่แล้ว ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งใดๆ เป็น ‘เด็กสาว’ ที่น่ารักเฉลียวฉลาดและว่านอนสอนง่าย
นิยายเรื่องนี้จะหยุดอัพแค่ตอนนี้นะคะเรื่องจากแอดมินคนอัพไม่อยู่แล้ว
ตอนต่อไป →