War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2163
ตอนที่ 2,163 : เปิดเผยตัวตนต่อผู้คน!

ฟั่ฟฟฟ!!

กระบี่พันอาคมเซียนที่อัดแน่นไปด้วยพลังเซียนสุริยันที่ถูกเร่งเร้าจนบรรลุจุดสูงสุด พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ! ภายใต้เคล็ด กระบี่อยู่ที่ใจ ขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ พลังอำนาจกระบี่ยามนี้ปานจะทะลวงผ่าได้ทุกสิ่ง!!

เฉียะ!

เสียงฉีกขาดดังขึ้นอีกครั้ง

ทันใดนั้นรอยแยกมิติกว้าง 1 ฉื่อก่อนหน้าที่ยังไม่ทันปิดตัวลงพลันฉีกเปิดออกเป็นวงกว้าง เสี้ยวพริบตาก็เป็นรอยกว้างนับสิบฉื่อ

แม้เป็นกระบวนท่าเดียวกัน หากแต่รอบนี้กระบี่ต้วนลิงเทียนกลับบรรจุไว้ด้วยพลังเซียนสุริยันที่ทรงพลังอำนาจเหนือก่อนหน้า ผลลัพธ์ย่อมต่างกันหลายเท่าตัว!

‘ได้เวลาไปจากสถานที่ผีสางนี่เสียที…’

ขณะคิดถึงเรื่องนี้ร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งวูบเข้ารอยแยกท่ามกลางความว่างที่ฉีกเปิดตรงหน้าอย่างไม่รอช้า หมายออกจากระนาบเทียมอันเป็นผลงานของปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะให้ได้โดยเร็ว…

หลังจากเข้าสู่รอยแยกมิติ สองตาต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นเพียงความมืดไปพักหนึ่ง ก่อนจะแลเห็นแสงสว่างเบื้องหน้า

และเมื่อมองไปในแสงสว่างนั่น ต้วนหลิงเทียนก็ได้แลเห็นทิวทัศน์อันคุ้นเคย…

3 ปีที่แล้วเขาก็เคยอยู่ที่นั่น ก่อนที่จะเข้ารอยแยกอันเป็นช่องทางนำมาสู่ระนาบเทียมผีสางแห่งนี้…

“ฮ่าๆๆ…ออกมาแล้ว! ในที่สุดข้าก็ออกมาได้แล้ว!!”

ถึงแม้ว่าจะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แต่แรก แต่ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสมือนได้เกิดใหม่! หลังออกมาด้านนอกได้แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้ารอบแล้วรอบเล่า ยังหัวเราะออกมาเสียงดังราวบ้าคลั่งอย่างปลอดโปร่งไร้กังวล

ถึงแม้ว่าในโลกภายนอกเวลาจะพึ่งผ่านพ้นไปเพียงแค่ 3 ปี…

หากแต่ภายในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ต้วนหลิงเทียนที่ได้แต่บ่มเพาะพลังอย่างบ้าคลั่งอย่างที่ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันไม่รู้วันเวลา…ความรู้สึกอุดอู้เบื่อหน่ายไม่ทราบเคี่ยวกรำเขากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง!

และกว่าจะบรรลุถึงพลังฝึกปรือระดับนี้ เขาต้องใช้เวลาไปทั้งสิ้น 30 ปี!

“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ข้าไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆปกปิดตัวเองอีกต่อไป! หลังจากนี้ข้า ต้วนหลิงเทียน นั่งไม่เปลี่ยนชื่อ ยืนไม่เปลี่ยนแซ่!!”

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ถอดชุดคลุมลมดำออก ก่อนที่จะหยิบชุดสีม่วงตัวเก่งที่พับไว้อย่างดีในมุมหนึ่งของแหวนพื้นที่ ออกมาสวมใส่ กระทั่งใบหน้ายังหวนคืนสู่รูปลักษณ์ที่แท้จริง

คิ้วโค้งคมดั่งดาบ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาปานหยกเสลา หว่างคิ้วมากสง่าราศี

เป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน

ด้วยความที่ตอนนี้ด่านพลังของเขาก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนแล้ว…

ต้วนหลิงเทียนลองถามตัวเองดูก็ตอบได้ทันที ว่าหากไม่ต้องปะทะแตกหักกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน เขาก็ไม่ต้องกลัวอะไร!

แล้วในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ มันมีเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกี่คน?

“ไปนครแห่งบาปก่อน…”

ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง คล้ายนึกอะไรออก ร่างวูบหายไปดั่งสายลมหอบหนึ่ง ทะยานตัดฟ้าไปด้วยความเร็ว

ทิศทางที่เหินทะยานเหาะไปยังเป็นทิศทางที่ตั้งนครแห่งบาป

ฟู่มมม!!

ร่างต้วนหลิงเทียนพุ่งแหวกฟ้าตัดระยะไปด้วยความเร็วสูง ก่อให้เกิดสายลมกรรโชกหอบแรงพัดกวาดออกไปโดยรอบเป็นอุโมงค์ลม

หลังจากติดแหง็กอยู่ในระนาบเทียมของปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้ง 3 อยู่ 3 ปี การเดินทางไปนครแห่งบาปอีกครั้งต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน…

สำหรับคนทั่วไปมันก็แค่ 3 ปีเท่านั้น…ทว่าต้วนหลิงเทียนที่อยู่ภายในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเล่า เขาไม่ได้จากนครแห่งบาปไปแค่ 3 ปี ทว่าเป็นเวลาถึง 30 ปี!

30 ปี!

มากพอให้คนๆหนึ่งทำอะไรได้มากมาย มากพอให้ใช้ชีวิตจากทารกเป็นหนุ่มสาว…ก็ไม่แปลกใจอะไรที่ต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกแบบนี้!

นอกจากนี้การได้หวนกลับมานครแห่งบาปรอบนี้ ต้วนหลิงเทียยังอารมณ์ดีกว่าตอนนั้นมากนัก บางทีอาจเป็นเพราะคราวนี้เขาสามารถหวนกลับมาได้อย่างเปิดเผย ไม่ต้องปิดบังตัวตนอะไรอีกต่อไป มาด้วยใบหน้าที่แท้จริง!

การมาถึงด้วยรูปโฉมดั้งเดิมของต้วนหลิงเทียน ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย

“เอ๊ะ…เจ้าหนุ่มผู้นั้น ไฉนหน้าตามันคุ้นๆนัก!”

“นั่นสิ…ข้าคุ้นตายิ่ง หากแต่มันติดอยู่ที่ปากนิดเดียว…เจ้านี่เป็นใครแล้วนะ โอยมารดามันนึกไม่ออก!”

“ข้าคุ้นหน้ามันยิ่ง”

……

ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างเข้าเมืองมาย่อมได้ยินวาจาทำนองนี้ดังเข้าหูมากมาย มีหลายต่อหลายคนที่คุ้นหน้าเขาหากแต่นึกไม่ออก

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไร

ที่คนเหล่านี้รู้สึกๆคุ้นๆหน้าเขาเป็นเพราะคงได้เห็นภาพเหมือนของเขามาแน่ แต่ภาพเหมือนก็ยังเป็นรูปวาด ไม่ใช่ผู้คนตัวเป็นๆ!

เมื่อ 3 ปีครึ่งที่ผ่านมา หลังจากที่เขาสังหารเซี่ยจง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาได้ทำให้จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬพิโรธหนักเพียงใด แถมเซี่ยคังฉวินนั่นยังแจกภาพเหมือนของเขาออกไปทั่ว ยังไล่ฆ่ากระทั่งคนที่มีรูปร่างและขนาดตัวเหมือนเขา!!

แถมไม่เพียงแต่มันจะลงมือฆ่าคนทั้งแจกรูปเหมือนเพื่อล่าเขาเท่านั้น มันกระทั่งปล่อยข่าวว่าเขาครอบครองยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้นออกมาอีกด้วย!

กล่าวได้ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วต่อให้เขาใช้โฉมหน้าปลอม

แต่ถ้าเขาไม่ใช้ลูกเล่นเล็กๆ และใส่ชุดคลุมที่ตัวใหญ่กว่าเดิม น่ากลัวว่าคงไม่พ้นความตายเช่นกัน

และหากเขาเผยโฉมออกมา น่ากลัวว่าผู้ฝึกตนในนครแห่งบาปคงคุ้มคลั่งตามล่าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย!

ซู่มม!!

หลังมาถึงนครแห่งบาป ต้วนหลิงเทียนก็ทะยานร่างไปยังน่านฟ้าใจกลางเมืองทันที

พริบตาเขาก็บรรลุถึงน่านฟ้าใจกลางเมือง เรียกว่าต่อให้อยู่ส่วนไหนของเมืองที่ไม่ใช่พื้นที่ปิด ก็สามารถแลเห็นเขาได้หากสายตาดีพอ!

“ข้านึกออกแล้ว!!”

แทบจะเป็นเวลาเดียวกกันกับที่ต้วนหลิงเทียนไปหยุดร่างค้างบนน่านฟ้ากลางเมือง บางคนก็ตบมือดังฉาดโพล่งร้องอุทานออกมาดังลั่น เพราะในที่สุดมันก็จดจำได้แล้วว่าเคยเห็นใบหน้านี้ที่ไหน!!

“มัน…มัน…มันคือต้วนหลิงเทียน! ต้วนหลิงเทียนคนนั้นไงเล่า! คนที่ฆ่าเซี่ยจง ลูกชายจ้าวราชสีห์ขนทองเซี่ยคังฉวิน 1 ใน 4 มหาธรรมราชาแห่งลัทธิอารามทมิฬ! หน้านี้ไม่ผิดแน่ เหมือนในรูปวาดเป๊ะ!!”

หลังที่จดจำต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ชายผู้นั้นก็โพล่งดังออกมาลั่นทุ่ง

“อะไรนะ!? ต้วนหลิงเทียน? ต้วนหลิงเทียนคนนั้นน่ะเรอะ!?”

“มารดามันเถอะ! ข้านึกออกแล้วเช่นกัน ที่แท้ก็เป็นมันนี่เอง! นี่ไงข้ายังพกภาพเหมือนของมันติดตัวไว้ด้วยซ้ำ! ต้วนหลิงเทียนที่ไม่เพียงแต่จะฆ่าเซี่ยจงยังถือครองยอดศาสตราเซียนไว้กับตัว 2 ชิ้น!!”

“ต้วนหลิงเทียน ปรากฏตัวแล้ว!!”

……

“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองจริงๆ ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร ถึงกล้าปรากฏตัวกลางเมืองโต้งๆเช่นนี้!?”

“3 ปีที่แล้วตอนต้วนหลิงเทียนมันหายตัวเข้ากลีบเมฆไป พวกเราผู้ฝึกตนอิสระแทบจะขุดดินลึก 3 ฉื่อเพื่อหามันด้วยซ้ำ…ทว่ากลับไม่พบตัว! แต่ตอนนี้ไฉนมันมามอบตัวถึงหน้าประตูด้วยตัวเองเล่า?”

“หรือมันคิดว่า เวลาก็ผ่านไปตั้ง 3 ปี พวกเราคงลืมเลือนเรื่องราวไปแล้ว?”

“อาจเป็นได้…”

หลังจากที่ยืนยันตัวตนต้วนหลิงเทียนได้แล้ว เหล่าผู้ฝึกตนอิสระก็สนทนากันอย่างออกรส!

ทั้งยังมีผู้ฝึกตนอิสระ ไม่เว้นผู้ฝึกตนจากขุมกำลังต่างๆที่อยู่ในนครแห่งบาปก็กำลังมองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเป็นมัน! เรียกว่าแววตาของพวกมันฉายชัดถึงความโลภอย่างไม่คิดจะปกปิด!

ตอนนี้พวกมันอยากพุ่งไปจับต้วนหลิงเทียนมัดแล้วพาไปส่งให้เซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทองเพื่อขึ้นรางวัลนัก! รางวัลที่พวกมันได้แต่ฝันถึงมาตลอดชีวิต!!

อย่างไรก็ตาม จังหวะนี้ไม่มีใครคิดเป็นวิหกตัวแรกที่โผบินออกไป…

(นกตัวแรกที่บินนำฝูงมักจะถูกสอยก่อนเพื่อน…)

“สวัสดีผู้ฝึกตนทุกท่านในนครแห่งบาป…คาดว่าตอนนี้พวกท่านหลายคนคงจดจำได้แล้วว่าข้าเป็นใคร…สำหรับคนที่ยังจำไม่ได้ ข้าคือต้วนหลิงเทียน!”

ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างค้างบนฟ้าสูงใจกลางนครแห่งบาป ค่อยๆควบพลังกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อน

ถึงแม้ว่าเสียงกล่าวของเขาจะไม่ได้ดังมากมายอะไร หากแต่เมื่อมันผสานเข้ากับพลังเซียนสุริยันอันร้ายกาจ ก็กล่าวได้เลยว่าต่อให้อยู่สุดขอบเมืองก็ยังได้ยิน…

จังหวะนี้ทำให้นครแห่งบาปถึงกับลุกฮือขึ้นมาทันที เสียงอุทานเซ็งแซ่ดังขึ้นระงม

“ต้วนหลิงเทียน?”

“นามนี้ช่างคุ้นหูยิ่ง…”

“เจ้ายังจะไม่คุ้นได้เหรอ!? ต้วนหลิงเทียนคนนี้ก็เป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟที่ถูกเซี่ยคังฉวินจ้าวราชสีห์ขนทองของลัทธิอารามทมิฬตามล่าหาตัวเมื่อ 3 ปีก่อนอย่างไรเล่า! เพราะอยากได้ตัวต้วนหลิงเทียนมาก เซี่ยคังฉวินก็ได้เพิ่มของรางวัลนำจับรอบแล้วรอบเล่า…บัดนี้เรียกว่าให้ข้าตายเกิด 10 ชาติ ก็หาของรางวัลที่เซี่ยคังฉวินใช้เป็นรางวัลนำจับไม่ได้!!”

“อะไรนะ!? ที่แท้เป็นมันงั้นเรอะ!””

“ใช่ต้วนหลิงเทียนแน่หรือ? ข้าเคยเห็นรูปเหมือนของต้วนหลิงเทียนจากลัทธิบูชาไฟ หน้าตามิใช่ว่าต่างกันหรือไร? แล้วถ้าเป็นต้วนหลิงเทียนตัวจริง ไหนเลยจะมาเดินหน้าสลอนในนครแห่งบาปแบบนี้ได้?”

“เห็นว่ามันปลอมแปลงรูปโฉมอะไรได้นี่ล่ะ…แต่ไม่ว่าจะใช่คนเดียวกันหรือไม่ พวกเราก็ไปดูชมกันก่อนเถอะ!”

“ใช่ ไปดูใกล้ๆกัน! ฟังจากเสียงแล้วสมควรมาจากใจกลางเมืองไม่ผิดแน่”

……

วาจาทำนองเดียวกันนี้ดังขึ้นไปทั่วทุกมุมของนครแห่งบาป

ฟุ่บ! วูบ! วูบ! วูบ!

……

ขณะเดียวกันก็ปรากฏร่างมากมายเหินขึ้นฟ้า บินเหาะกันวุ่นวายไปหมดราวกับผึ้งแตกรัง

หากแต่เป้าหมายของพวกมันทั้งหมด ล้วนมุ่งหน้าเข้าสู่จุดศูนย์กลางทั้งสิ้น…

ใจกลางนครแห่งบาป!

“ให้ตายเถอะ เป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆด้วย! ภาพเหมือนนั่นช่างวาดออกมาได้เหมือนตัวจริงทุกประการ!!”

“นี่มันจะไม่ใจกล้าเกินไปหน่อยหรือ ไม่เพียงแต่กล้าปรากฏตัวกลางนครแห่งบาป ยังถึงกับป่าวประกาศเผยตัวตนออกมาด้วยตัวเอง นี่ยังไม่ใช่รนหาที่ตายอีกหรือ?”

“มันคงไม่ได้เสียสติไปแล้วหรอกนะ?”

“เสียสติ? อาจเป็นได้…ตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่าน ด้วยการไล่ล่าของจ้าวราชสีห์ขนทองแห่งลัทธิอารามทมิฬ ไม่พ้นมันต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆเยี่ยงมุสิก ไปไหนมาไหนก็ต้องระแวงทั้งระวังตลอด เผลอๆมันอาจเครียดและเก็บกดจนเกินทนทานรับไหว เสียสติไปแล้วจริงๆ!!”

……

เหล่าผู้คนทยอยกันมารวมตัวที่บริเวณใจกลางนครแห่งบาปอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง พอทุกคนแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าจนแลเห็นร่างในชุดสีม่วงที่ลอยเด่นกลางหาวนั่น ทั้งหมดก็จดจำได้แทบจะทันที

เป็นโฉมหน้าของผู้ที่เซี่ยคังฉวินออกประกาศรางวัลนำจับจริงๆ!

ศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ต้วนหลิงเทียน!!

“ฮ่าๆๆๆ…!!”

ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกลและกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ!

“ต้วนหลิงเทียน! ข้าย่ำหาจนรองเท้าสึกไม่พบพาน แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะพาตัวเองมาส่งถึงหน้าประตูเช่นนี้! มาๆๆ เจ้าตามข้าไปพบใต้เท้าจ้าวราชสีห์ขนทองแต่โดยดีเถอะ! เจ้ารู้หรือไม่กระทั่งยามหลับข้ายังเอาแต่ฝันถึงเจ้า!!”

เสียงหัวเราะที่ดังลั่นมาแต่ไกลนั้น เจ้าของเสียงเป็นชายวัยกลางคนแลดูแข็งแกร่งคนหนึ่ง และตอนนี้มันกำลังคำรามออกมาอย่างยินดีเป็นที่สุด!

ร่างมันที่เหินมาแต่ไกลนั้น ยามนี้มองไปคล้ายลูกไฟอยู่บ้าง ด้วยมันปะทุพลังมาเต็มที่ ราวกับกลัวว่าถ้าล่าช้าต้วนหลิงเทียนจะบินหายไปต่อหน้าต่อตา!

เรียกว่าหากมองไกลๆ เสมือนมีลูกไฟลูกหนึ่งกำลังพุ่งยิงข้ามฟ้าตรงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!!

“เจ้านั่นมัน…กงเจิ้น!!”

ในขณะเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนคำรามออกเสียงดัง และพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย ผู้ฝึกตนหลายคนที่จดจำมันได้ก็อุทานชื่อมันออกมา

“กงเจิ้น? อันดับที่ 93 ในรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดน่ะรึ? เห็นว่าพลังฝึกปรือมันบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนแล้ว”

ผู้ฝึกตนบางคนกล่าวถามออกมาเพือยืนยัน และวาจาของมันก็เฉลยให้ผู้ที่ยังนึกไม่ออกว่ากงเจิ้นเป็นใครได้รับทราบ

“เป็นมันจริงๆด้วย! อันดับที่ 93 ในรายนามยอดเซียน บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน กงเจิ้น ไม่ผิดคนแน่!”

ไม่นานก็มีผู้ฝึกตนอิสระหลายคนกล่าวยืนยันออกมา ทำให้ทุกผู้คนรับทราบอัตลักษณ์ของชายผู้มาใหม่ชัดเจน

“ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นผู้ที่ชิงลงมือก่อนใคร!”

เมื่อเห็นร่างกงเจิ้นปรี่ทะยานเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าผู้ฝึกตนอิสระหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจกล่าวว่า “ศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียนคนนี้ แม้พรสวรรค์จะดี…แต่นี่ก็ยังพึ่งผ่านมา 3 ปีเท่านั้น แถมภายใต้การไล่ลาควาญหาตัวของเซี่ยคังฉวิน ไหนเลยจะมีสมาธิบ่มเพาะพลังดีๆได้? เช่นนั้นมันสมควรไม่ได้บังเกิดความก้าวหน้าอะไรมากมาย…”

“เมื่อ 3 ปีที่แล้วพลังฝีมือของมันสมควรห่างจากกงเจิ้น ร้อยแปดพันลี้…นี่ผ่านมาตั้ง 3 ปี ต่อให้ตั้งใจบ่มเพาะพลังเต็มที่ก็อาจจะยังสู้กงเจิ้นไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังนับประสาอะไรกับต้องหนีการตามล่าล่าของจ้าวราชสีห์ขนทองของลัทธิอารามทมิฬ จนไม่ได้บ่มเพาะฝึกฝนดีๆ?”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น อย่างไรกงเจิ้นผู้นี้ก็เป็นถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน…”

….