War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2164
ตอนที่ 2,164 : ข่าวปลอม!?

เมื่อกงเจิ้นปรากฏกาย เสียงสนทนาก็ดังจ้อไม่หยุด

จากวาจาฟังว่า ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องถูกมันจับตัวไปเป็นแน่ และกงเจิ้นก็จะได้ไปขึ้นรางวัลกับจ้าวราชสีห์ขนทอง! บ้างก็โอดครวญออกมาด้วยความเสียดาย…ว่าไฉนถึงมัวแต่รีรอยึกๆยักๆกลัวนู่นนี่นั่นจนพลาดโอกาสอันประเสริฐที่ชั่วชีวิตไม่ทราบว่าจะมีอีกแล้วหรือไม่…

เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้รางวัลที่จ้าวราชสีห์ขนทองระบุไว้ก็มากมายมหาศาลเหลือเกิน ต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนก็ต้านแรงดึงดูดใจจากมันไม่ไหว

“น่าเสียดายที่ยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นของมันถูกอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬชิงไปแล้ว…หาไม่แล้ววันนี้กงเจิ้นคงไม่ได้รับแค่เพียงของรางวัลจากเซี่ยคังฉวิน กระทั่งยังจะได้ยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นไปครอบครอง!”

“เหอะๆ เจ้าใช่โลกสวยเกินไปหรือไม่ หากต้วนหลิงเทียนยังมียอดศาสตราเซียนสองชิ้นติดตัวอยู่จริง ไหนเลยกงเจิ้นจะมีโอกาสลงมือแบบนี้!?”

“อ่านั่นสิ! ถึงแม้เมื่อ 3 ปีที่แล้วนครแห่งบาปเราจะสูญเสียยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนไปไม่น้อย…แต่ในเมืองเท่าที่รู้ก็ยังมีเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนรั้งอยู่สองคน…หากต้วนหลิงเทียนยังมียอดศาสตราเซียนพกติดตัว ป่านนี้ทั้งสองคนนั่นคงลงมือไปแล้ว”

จังหวะนี้ผู้ฝึกตนทั้งอิสระต่างอดถอนหายใจกันออกมาไม่ได้

และวาจาที่พวกมันคุยกันนั้น ก็ดังมากพอจะเข้าหูต้วนหลิงเทียนเช่นกัน และทำให้ต้วนหลิงเทียนที่ลอยอยู่กลางฟ้าถึงกับงุนงงไปทันที

‘ข้าน่ะเหรอ…ถูกอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬชิงยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นไป? ไหงข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยล่ะ แล้วอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬนี่…ข้าไปเคยเจอมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’

ขณะที่คิดไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะแผ่สำนึกเทวะไปดูด้านในแหวนพื้นที่ และก็พบว่าตราผนึกมารยังตั้งอยู่ที่เดิมอย่างเงียบงันไม่ได้หายไปไหน

เรียกว่าจังหวะนี้อดไม่ได้ที่เขาจะงุนงงขั้นสุด

ผู้ใดมันมันแพร่ข่าวลวงออกมา?

ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากวาจาและทีท่าของเหล่าผู้ฝึกคนโดยรอบแล้ว เห็นชัดว่าทั้งหมดสมควรเชื่อถือข่าวลวงนั่นอย่างมาก!

อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ จริงอยู่ที่ต้วนหลิงเทียนไม่เคยเจอ แต่ชื่อเสียงมันเขาย่อมเคยได้ยินมาบ้าง…มันเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่น่ากลัว!

พลังฝีมือยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 2 ของรายนามยอดเซียน เป็นรองก็แต่เนี่ยอู๋เทียน สุดยอดฝีมืออันดับ 1 ของแดนดิน!

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยพบเคยเจออาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬคนนี้มาก่อนเลย ทำไมอีกฝ่ายถึงป่าวประกาศว่าชิงยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ของเขาไปแล้ว?

แปลก!

แปลกประหลาดอย่างยิ่ง!

เพียง 6 คำก็มากพอจะอธิบายอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนตอนนี้

แต่ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่อาจทราบได้

ว่าเมื่อครึ่งปีก่อนหน้านี้…

อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬได้ออกมาประกาศว่า…

มันได้บังเอิญพบตัวต้วนหลิงเทียนที่กำลังหลบซ่อนตัว ทว่าต้วนหลิงเทียนนั้นดั่งกระต่ายมี 3 โพรง…ได้ชิงซ่อนยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 เอาไว้เป็นหลักประกันชีวิตตัวเองแต่แรก! และอาวุโสสูงสุดก็ได้ยื่นข้อเสนอออกมาว่า…ขอเพียงต้วนหลิงเทียนสาบานว่าจะบอกที่ซ่อนที่แท้จริงของยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ออกมา มันจะไม่ฆ่าหรือจับตัวต้วนหลิงเทียน!!

เห็นว่า อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬกระทั่งถึงขั้นกล่าวคำสาบานตอทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อรับประกัน!

แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวล ล้วนเป็นข่าวปลอมที่ลัทธิอารามทมิฬจงใจปล่อยออกมา

ลองคิดดูเถอะ…

ฐานะของอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬสูงส่งเพียงใด…เป็นไปได้หรือที่จะลดตัวลงมากล่าวคำสาบาน?

ใต้หล้านี้ยังมีใครบีบคั้นให้อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬต้องกล่าวคำสาบานได้?

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อข่าวลือนี้มันแพร่ออกมาจากระดับสูงๆของลัทธิอารามทมิฬ เช่นนั้นผู้คนก็เลยเชื่อ อย่างไรยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้นก็มีน้ำหนักต่อใจมากเกินไป ตัวตนระดับนี้จะลดตัวมาสาบานก็ไม่แปลก

แต่เป็นธรรมดาว่ายังมีคนสงสัย!

จนเมื่อจ้าวราชสีห์ขนทองได้ลดของรางวัลสำหรับการจับตัวต้วนหลิงเทียนลงอย่างกะทันหัน…

ทำให้ผู้คนจึงเริ่มเชื่อเรื่องนี้กันมากขึ้น!

เพราะในอดีตนั้น จ้าวราชสีห์ขนทองมีแต่เพิ่มของรางวัลรอบแล้วรอบเล่า ทว่าไม่มีใครคิดลงมือเลย…

เพราะอย่างไรตอนนั้นทุกคนก็รู้ว่าในมือต้วนหลิงเทียนสมควรมียอดศาสตตราเซียนถึง 2 ชิ้น ต่อให้รางวัลของราชสีห์ขนทองจะยิ่งใหญ่ล่อใจเพียงใด แต่ไหนเลยจะสู้ความเย้ายวนจากยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้นได้?

ไม่มีใครสนใจทำตามข้อเสนอมันเลย…

แต่พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้เสียยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้นในมือไปแล้ว และด้วยลูกล่อลูกชนแสร้งปล่อยเพื่อจับ ด้วยการลดรางวัลนำจับต้วนหลิงเทียนไปช่วงหนึ่ง…แต่สุดท้ายค่อยเพิ่มขึ้นภายหลังเพราะเหตุผลอยากล้างแค้นให้ลูกชาย! คนจึงเริ่มให้ความสนใจการจับตัวต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง!!

ดังนั้นตอนนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะจับตัวต้วนหลิงเทียน ล้วนเป็นเพราะทำเพื่อของรางวัลจากเซี่ยคังฉวินทั้งสิ้น ไม่มีใครคิดจับตัวต้วนหลิงเทียนเพราะอยากแย่งชิงยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นอีกต่อไป

เพราะในสายตาของพวกมัน…

ต้วนหลิงเทียนไม่มียอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นอยู่กับตัวอีกต่อไป…

แต่คนมากมายกลับไม่ได้รู้เลย…

ว่าสาเหตุที่อาวุโสสูงสุดถึงกับยอมให้ปล่อยข่าวลวงเรื่องนี้ออกมา ทั้งหมดเป็นเพราะมันบังเกิดความโลภอยากครอบครองยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นถึงที่สุด…!!

มันนับว่าเฉลียวฉลาดไม่น้อย ยังสั่งให้เซี่ยคังฉวินลดรางวัลนำจับต้วนหลิงเทียนลงอย่างมหาศาลช่วงหนึ่งเพื่อทำตามแผน

ทำให้ทุกคนพากันคิดไปว่า ยอดศาสตราเซียนของต้วนหลิงเทียนสมควรถูกชิงไปแล้วจริงๆ รางวัลจากเซี่ยคังฉวินถึงได้ลดลงไปขนาดนี้…แม้ภายหลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกครั้ง แต่ก็เพราะความแค้นของบิดาถ่ายเดียว…

เรียกว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นภาพลวงทางจิตวิทยา ที่อาวุโสสูสุดของลัทธิอารามทมิฬกับเซี่ยคังฉวินจงใจสร้างขึ้น เพื่อหลอกทุกคน

“หยุด!”

ในขณะที่กงเจิ้นโจนทะยานร่างเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย จนระยะห่างเหลือเพียงไม่กี่สิบหมี่ อยู่ดีๆต้วนหลิงเทียนพลันหันไปมองมันตาขวางพร้อมตะคอกออกมาเสียงเย็น!

และเสียงตะคอกดังลั่น ทั้งมากล้นไปด้วยความเย็นชาของต้วนหลิงเทียนนี้ ด้วยความที่อยู่ๆก็โพล่งดังขึ้นด้วยความดุดัน ทำให้กงเจิ้นถึงกับผงะและเผลอหยุดลงตามเสียงอย่างไม่ทันรู้ตัว

“หากเจ้ากล้าเข้าใกล้ข้าอีกแม้เพียงครึ่งก้าว…ตาย!”

และก่อนที่กงเจิ้นจะทันได้รู้สึกตัว ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาเสียงเย็นอีกครั้ง

น้ำเสียงเย็นชา แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงเร้นไปด้วยอำนาจครอบงำไม่อนุญาตให้ขัดขืน!

เอาแต่ใจนัก!!

และทันทีที่วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนดังออกมา ฉากเรื่องราวโดยรอบก็กลายเป็นเงียบงันทันที

กระทั่งตัวกงเจิ้นเอง ก็ยังถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินวาจาเอาแต่ใจของต้วนหลิงเทียน กว่าจะรู้สึกตัวก็เผลอทำตามคำสั่งต้วนหลิงเทียนไปเสียแล้ว…

“สวรรค์! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้บ้าไปแล้วหรือไร นี่มันถึงกับกล้าออกคำสั่งกงเจิ้นจริงๆ!?”

“ในสายตาข้าไม่พ้นมันต้องคิดยั่วโทสะกงเจิ้นเพื่อให้กงเจิ้นรีบๆฆ่ามันแน่ๆ…จะได้ไม่ต้องถูกกงเจิ้นจับตัวไปส่งให้เซี่ยคังฉวินทรมาน!!”

“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน…เพราะหากมันถูกจับไปส่งมอบให้จ้าวราชสีห์ขนทองล่ะก็ มีหรือมันจะได้ตายดี! 9 ใน 10 ล้วนไม่พ้นต้องถูกทรมานอย่างสาหัสจนต้องร่ำร้องขอความตาย! เพราะอย่างไรเซี่ยจงที่มันฆ่าไป ก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของจ้าวราชสีห์ขนทอง”

ผู้ฝึกตนอิสระหลายคนเริ่มกลับมารู้สึกตัว ต่างมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาทำราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ บางคนที่แลดูมีความคิดก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องการหาทางออกที่ดีที่สุดด้วยการรีบตาย!

หากแต่ต้วนหลิงเทียนกระทำเช่นนี้เพื่อรนหาที่จริงๆน่ะเหรอ?

“ฮึ่ม!!”

ทันใดนั้นเสียงพ่นลมสบถเยียบเย็นพลันดังขึ้น เป็นกงเจิ้นที่ดึงสติกลับมาได้สำเร็จ มันถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย กล่าวออกด้วยเสียงอำมหิต “ต้วนหลิงเทียนเจ้าคิดด่วนตาย แต่ข้าไม่มีวันให้เจ้าได้ตายสมใจ!!”

“ข้าจักเจ้าไปส่งมอบจ้าวราชสีห์ขนทองตัวเป็นๆ เพื่อรางวัลที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย! หลังจากนั้นข้าจักขออนุญาตจ้าวราชสีห์ขนทองเพื่อเฝ้าดูเจ้าถูกทรมานจนกว่าจะตาย!”

กล่าวถึงท้ายประโยคแววตาที่กงเจิ้นใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นอำมหิตทั้งเจ้าเล่ห์ ราวกับกำลังคิดเรื่องชั่วๆ

ในสายตาของกงเจิ้น ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว

เพราะจากทีท่าของจ้าววราชสีห์ขนทองที่มีต่อต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่มีวันละเว้นต้วนหลิงเทียนแน่นอน!

“ข้าจะกล่าวซ้ำเป็นครั้งสุดท้าย…ขยับเข้ามาใกล้ข้าอีกแม้แต่ครึ่งก้าว ตาย!”

เมื่อเห็นว่าหลังกล่าวจบคำ ทั่วร่างกงเจิ้นเริ่มปรากฏพลังเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทางยังคิดลงมือต่อไม่ผิดแน่ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวเตือนเป็นครั้งสุดท้ายอย่างมีน้ำอดน้ำทน…

หากทว่าน้ำเสียงที่กล่าวยิ่งมายิ่งเย็นชาแล้ว!

“ตายหรือ? ให้ข้าชมดูว่าเจ้าจักมีปัญญาสามารถอันใดทำให้ข้าตาย!”

คราวนี้กงเจิ้นไม่ได้หยุดเพราะคำของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป หลังกล่าวเย้ยสวนกลับ พลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างก็ลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟอีกครั้ง ชุดคลุมโป่งพองโบกสะบัด คนเตรียมพร้อมลงมือ!

และครู่ต่อมาร่างของมันก็เริ่มเคลื่อนไหว หมายพุ่งเข้าใสต้วนหลิงเทียน!

ในใจมันมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

จับต้วนหลิงเทียนแล้วนำไปส่งมอบให้เซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทองแห่งลัทธิอารามทมิฬเพื่อรับรางวัลใหญ่!

“รนหาที่ตาย!”

เมื่อเห็นว่ากงเจิ้นยังดื้อรั้น ตาซ้ายต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างวาบขึ้นมาทันใด!

ซัวว!!

ทันใดนั้นการโจมตีทางวิญญาณอันร้ายกาจขุมหนึ่งก็ถูกปลดปล่อยออกไป เป็นพลังวิญญาณมหาศาลที่ควบแน่นจนกลายเป็นมังกรเทพยดาตัวจิ๋ว พุ่งทะยานตัดฟ้าไปด้วยความเร็วเหนือเสียง!

“แย่แล้ว!!”

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงอำนาจจิต กงเจิ้นที่เพิ่งเริ่มขยับร่างไม่ทันไรก็ร่ำร้องออกมาเสียงหลง ด้วยคล้ายตระหนักถึงบางสิ่ง หน้ายังเปลี่ยนสีไปทันที!

อนิจจาสีหน้าทั้งวาจานั่น ถูกกำหนดให้เป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตของมัน…

นั่นเพราะทันทีที่มันสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง มังกรเทพยดาตัวจิ๋วก็พุ่งทะลวงเข้าร่าง ปรี่ตรงสู่ดวงจิตก่อนจะปะทุพลังอำมหิตป่นวิญญาณในดวงจิตจนแหลกสลายไปเสียแล้ว…

เป็นการลงมืออันหมดจดนัก ไม่ทิ้งรอยแผลใดๆบนร่าง ดวงจิตยังคงอยู่ดี หากทว่ากลวงเปล่าไร้วิญญาณอันใด…

ด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนตอนนี้คือเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!

ความก้าวหน้าจากขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนมา 6 เปลี่ยนนั้น ไม่ใช่แค่พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างได้รับการยกระดับพัฒนาเพียงอย่างเดียว…จิตวิญญาณยังเปลี่ยนไปด้วย!

เปลี่ยนที่ 6 ของขอบเขตเซียนสวรรค์เรียกว่าเปลี่ยนจิตวิญญาณสวรรค์! เมื่อบรรลุถึงขอบเขตนี้ จิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ กลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ดั่งคนฟ้าเป็นหนึ่งเดียว…

เช่นนั้นพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนจึงมีพลังอานุภาพเหนือกว่ากงเจิ้นที่ยังเป็นเพียงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนมากมายนัก

ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้

อำนาจจิตของต้วนหลิงเทียน จึงทำลายวิญญาณของกงเจิ้นจนแหลกสลาย! ฆ่ากงเจิ้นได้ง่ายดายโดยที่มันไม่มีปัญญาตอบโต้อะไรเลย!!

วูบบ!

ภายใต้สายตาตกตะลึงของผู้คน ร่างกงเจิ้นที่คล้ายจะพุ่งทะยานเข้าไปหาต้วนหลิงเทียนนั้น อยู่ดีๆก็คล้ายสิ้นไร้พลัง หลังจากเหินไปเบื้องหน้าตามแรงเฉื่อยแค่เล็กน้อย คนก็ร่วงตกฟ้ามาราวหุ่นกระบอกไร้ด้าย

ตุบบบ!!

ร่างกงเจิ้นร่วงตกลงมาจากฟ้าสูงก่อนจะกระแทกพื้นอย่างแรง กลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือนจมแอ่งโลหิตต่อหน้าต่อตาผู้คน…

ฉากเรื่องราวนี้ ยามเมื่อกระทบเข้าตาผู้ฝึกตนอิสระทั้งผู้มาจากขุมพลังทั้งหลาย พาลให้ทั้งหมดหน้าเปลี่ยนสีกันไปเป็นแถบ

บางคนที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงหน่อย จังหวะนี้ถึงกับหันไปมองต้วนหลิงเทียนตาโต สีหน้าฉายความตื่นตระหนกราวกับเห็นผี!

“ตะ…ต้วนหลิงเทียนไฉนร้ายกาจขนาดนี้ได้กัน นั่นมันกงเจิ้นเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนอันดับที่ 93 ในรายนามยอดเซียนเชียวนะ!”

“เกิดอันใดขึ้นกัน!? ข้ามิเห็นเลยว่าต้วนหลิงเทียนลงมืออย่างไร ไฉนอยู่กงเจิ้นๆตกฟ้าตายได้เล่า? ยอดฝีมือท่านใดบอกข้าได้บ้าง!?”

“เจ้าไม่เห็นต้วนหลิงเทียนลงมือ? หรือเมื่อครู่เจ้ามิอาจจับสัมผัสแรงกระเพื่อมของวิญญาณได้เลย? เป็นต้วนหลิงเทียนใช้อำนาจจิตประเภทที่น่ากลัวที่สุด…จู่โจมทำลายวิญญาณโดยตรง!”

“อำนาจจิตจู่โจมวิญญาณ? ล้อเล่นน่า…ข้ามิเห็นเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าต้วนหลิงเทียนมีกระบวนท่าน่าหวั่นหวาดเช่นนี้ด้วย!?”

จังหวะนี้เรียกว่าเสียงของผู้ฝึกตนทั้งหลายแตกออกไปคนละทิศคนละทาง บางคนที่พลังฝีมือสูงส่งย่อมตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนใช้การโจมตีทำลายวิญญาณอันน่าพรั่นพรึง ส่วนผู้ที่พลังฝีมืออ่อนด้อยและไม่เชื่อ ก็คิดว่ากงเจิ้นอาจตกตายเพราะอุบัติเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่น่าจะใช่ฝีมือต้วนหลิงเทียนโดยตรง

เรียกว่าพริบตาเหล่าผู้ฝึกตนก็คล้ายจะแบ่งพรรคแบ่งพวกทำสงครามน้ำลายกันใหญ่

หากแต่ต้วนหลิงเทียนคร้านจะสนใจอะไรพวกมัน เพียงกรีดนิ้วหลั่งโลหิต และเริ่มต้นกระบวนการเอ่ยคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที หยดโลหิตลอยล่องขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบนเร็วไว

“ดูนั่นเร็ว! ต้วนหลิงเทียนกำลังจะสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์?”

การกระทำดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ย่อมมีผู้ฝึกตนหลายคนที่แลเห็น และมองออกได้ทันทีว่าเขาทำอะไรอยู่

ทันใดนั้นความสนใจของผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายก็ละจากการสนทนามาจับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

และในสายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็ได้กระทำการกล่าวคำสาบานต่อสวรรค์จริงๆ

“วันนี้ข้าต้วนหลิงเทียนขอสาบาน…หากว่าจาที่ข้ากำลังจะประกาศให้ทุกคนฟังหลังจากนี้ เพียงมีคำโกหกแม้แต่ครึ่งคำ…ข้ายินดีให้อัสนีฟ้าพิฆาตร่างตายตก!”

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานออกมา ทุกคนก็อึ้งไปทันที! ฉากเรื่องราวกลายเป็นเงียบงันปานคนตาย!!