บทที่ 822 การลักลอบขายเกลือต้องถูกยึดทรัพย์

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 822 การลักลอบขายเกลือต้องถูกยึดทรัพย์

บทที่ 822 การลักลอบขายเกลือต้องถูกยึดทรัพย์

เมื่อได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็กลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อครู่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง แต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “ข้ากำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่นางผู้นั้นเอ่ยเมื่อครู่”

กู้เสี่ยวหวานมีแผนการเกิดขึ้นในใจโดยธรรมชาติ ตอนนี้นางได้เข้าใจเหตุผลในสิ่งที่เกาเยว่เหมยเอ่ยเมื่อครู่ และถ้าสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง เรื่องนี้จะร้ายแรงกว่านั้นมาก

แน่นอนว่าน้ำเสียงของฉินเย่จือนั้นแผ่วเบา “ถ้าเฉินจื่อไป๋รวบรวมทุกสิ่งที่เขาเห็น ข้าเกรงว่าเรื่องนี้อาจก่อให้เกิดหายนะกับตัวเขา”

“ข้าเห็นด้วย” กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ

ไม่รู้ว่าเรื่องราวเหล่านี้ถูกชายหญิงผู้น่าสงสารพบเจอได้อย่างไร

การลักลอบค้าเกลือมีความผิดร้ายแรงและมีโทษถึงประหารชีวิต หากถูกจับได้ ทั้งตระกูลจะถูกยึดทรัพย์และตัดศีรษะ

ดังนั้นผู้ที่กระทำการเช่นนี้จะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ และเรื่องทุกอย่างจะต้องวางแผนมาอย่างดี

ถ้าเฉินจื่อไป๋กระทำการเช่นนั้นจริง ๆ เขาจะปล่อยเสือคืนถ้ำ*[1] ได้อย่างไร “ข้าเองก็มีความกังวลเช่นกัน กลัวว่าจะมีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเฉินจื่อไป๋”

เมื่อครู่ที่บ้านของแม่เฒ่าเฉิน กู้เสี่ยวหวานมีความคิดนี้ผุดขึ้นในใจหลังจากฟังคำพูดของเกาเยว่เหมย

ครั้นนึกถึงสิ่งที่เกาเยว่เหมยไม่ได้ถามออกมา นางจึงไม่ได้พูดออกไป เพราะเกรงแม่เฒ่าเฉินจะตกอกตกใจ

“เสี่ยวหวาน ข้าคิดว่า เจ้าไม่ควรเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้นะ” ฉินเย่จือคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจียงอวิ้นหลิ่ว ถ้าเขาลักลอบขายเกลือจริง ๆ มันจะเป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต ฉะนั้นเจียงอวิ้นหลิ่วจะต้องเตรียมการมาอย่างรอบคอบเป็นแน่

ถ้าถูกจับได้ว่าค้าเกลือ ไม่ว่าอย่างไรก็มีโทษ

เมื่อนึกถึงความประมาทเลินเล่อของตัวเองในตอนนั้น เขาเกือบตายด้วยน้ำมือของชายชุดดำเหล่านั้น

กลุ่มชายในชุดดำมีทักษะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา พวกเขาทั้งหมดปิดบังใบหน้าและสวมชุดสีดำ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นคนกลุ่มเดียวกันที่ต่อสู้กับเขาในตอนนั้น

ฉินเย่จือขมวดคิ้วมุ่น เขายังไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร แต่พวกเขาจะต้องเป็นคนของตระกูลเจียงที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เขากำลังสืบหาเบาะแสของเรื่องนี้มานานแล้ว หากแต่ตัวเขาเองยังไม่พบหลักฐานอะไรเลย ถ้าเฉินจื่อไป๋พบเจอมันเข้าแล้วจริง ๆ ดูเหมือนตนเองคงจะต้องไปที่โกดังแห่งนั้น

“แต่ข้าสัญญากับแม่เฒ่าเฉินไว้แล้วว่าข้าขะช่วยนาง” เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าฉินเย่จือจะไม่ปล่อยให้นางเข้าไปแทรกแซง นั่นจะไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาหรอกหรือ?

ในใจของกู้เสี่ยวหวานเกิดความกังวลเล็กน้อย และได้ยินฉินเย่จือพูดว่า “อย่ากังวลไปเลย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลเจียง ฉะนั้นเจ้าจึงไม่ควรจะยื่นมือเข้าไป และหากเจ้ายื่นมือเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเราทำได้แค่ไปหาหลี่ฝานและดูว่าเขามีวิธีจัดการดี ๆ หรือไม่”

“แต่ถ้าเราทำเช่นนี้ มันจะไม่สร้างความลำบากให้เขาใช่หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเกรงใจเล็กน้อย

ตั้งแต่พวกเขาย้ายมาในเมือง หลี่ฝานก็ช่วยพวกเขาแก้ปัญหาต่าง ๆ การรบกวนหลี่ฝานแบบนี้ทุกครั้งมันดีแล้วหรือ?

“ไม่หรอก” ฉินเย่จือยิ้มและปลอบโยน “เถ้าแก่หลี่ได้เจอผู้คนมากมาย ถ้าเฉินจื่อไป๋พูดไปเรื่อยเปื่อย คนอื่นจะไม่ปฏิบัติต่อเขาแบบนั้น”

หลังจากฟังคำพูดของฉินเย่จือแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้า มันคือความจริงที่ว่าหลี่ฝานรู้จักผู้คนมากกว่าพวกเขา ทำไมไม่ไปหาหลี่ฝานเพื่อขอความช่วยเหลือล่ะ?

รถม้าวิ่งออกไปทางทิศตะวันออกของเมือง และมุ่งหน้าไปยังร้านจิ่นฝู

วันนี้หลี่ฝานอยู่ที่ร้านจิ่นฝู

พวกเขาเข้าไปยังห้องรับรองของหลี่ฝานก็เห็นเขากำลังคุยกับเสี่ยวเซิ่งจื่อ เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังเข้ามา เสี่ยวเซิ่งจื่อก็รีบไปรินชามาให้พวกเขา

เมื่อได้เจอกู้เสี่ยวหวาน หลี่ฝานก็ยิ้มอย่างมีความสุข

ครั้นมองไปที่ฉินเย่จือ ดวงตาที่ร่าเริงของหลี่ฝานก็แสดงความเคารพมากขึ้น

แต่เนื่องจากมันตื้นมาก กู้เสี่ยวหวานจึงมองไม่เห็น

“ท่านลุงหลี่ วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน” หลังจากจิบชา กู้เสี่ยวหวานก็พูดกับหลี่ฝานเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านหม้อไฟในเมืองรุ่ยเสียน และอธิบายจุดประสงค์ของการเดินทางมาที่นี่ของนาง

“เรื่องอะไรหรือเสี่ยวหวาน ทำไมเจ้าถึงสุภาพกับข้าเช่นนี้ ตราบใดที่ลุงหลี่คนนี้ทำได้ เจ้าก็พูดมาเถอะ” หลี่ฝานพูดอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาทำได้ เขาก็จะทำแน่นอน แม้ว่าเขาจะทำไม่ได้ แต่ก็ยังมีนายท่านอยู่ไม่ใช่หรือ?

กู้เสี่ยวหวานลังเลเล็กน้อย เพราะถ้าจะให้นางพูด เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก

แต่นอกจากหลี่ฝานแล้ว นางไม่สามารถหาใครที่สามารถทำเรื่องนี้ได้

หลังจากมองที่ฉินเย่จือแล้ว ฉินเย่จือก็พูดว่า “เป็นเช่นนี้ เมื่อครู่หวานเอ๋อร์และข้าไปที่ชุมชนแออัดทางตะวันออกของเมือง และเราพบสิ่งแปลกประหลาดที่นั่น”

หลังจากพูดจบ ฉินเย่จือก็เล่าเรื่องที่ไปพบแม่เฒ่าเฉินและเกาเยว่เหมยให้หลี่ฝานฟัง

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลี่ฝานก็ผงะไป เขาจำได้ในทันทีถึงครั้งสุดท้ายที่นายท่านบาดเจ็บสาหัสและกลับมาที่นี่

เป็นไปได้หรือไม่ว่า เจียงอวิ้นหลิ่วกำลังลักลอบขายเกลือจริง ๆ ยิ่งกว่านั้น เขาได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้คนในเจียงหู

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ท่าทางของหลี่ฝานก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง

“เรารับปากกับหญิงชราคนนั้น และต้องการช่วยลูกชายของนางออกมาจากคุก” หลังจากฉินเย่จือพูดจบ กู้เสี่ยวหวานก็พูดต่อ “แต่เราไม่รู้จักใครเลยใน เราจึงมาขอความช่วยเหลือจากท่านลุงหลี่ได้เท่านั้น”

“นี่เป็นความคิดที่ดี แต่ข้าไม่รู้ว่าตระกูลเจียงจะไล่ตามมันไปอย่างถึงที่สุดหรือไม่” หลี่ฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“ไม่ว่าคนในตระกูลเจียงจะไล่ตามเขาหรือไม่ก็ตาม หากแต่เขาไม่ผิด เขาทำเพียงแค่พูดเท่านั้น จะเป็นไปได้หรือ ที่คนในตระกูลเจียงจะเอาชีวิตเขาเพียงเพราะประโยคนี้” กู้เสี่ยวหวานอยากจะเข้าใจเช่นกัน เจียงอวิ้นหลิ่วคงจะไม่รู้อย่างแน่นอนว่าเฉินจื่อไป๋รู้เรื่องเกี่ยวกับโกดังของเขา

ถ้าเจียงอวิ้นหลิ่วรู้ มันต้องไม่ใช่คนจากทางการที่มาจับกุมเขาอย่างเปิดเผย

ตระกูลเจียงจะฆ่าเขาอย่างลับ ๆ ในเมืองหลิวเจียนี้ราวกับการบี้มดให้ตาย

การถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าของทางการเป็นการสอนบทเรียนให้กับเฉินจื่อไป๋

เมื่อลองคิดดู เฉินจื่อไป๋คงไม่พูดอะไร

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของกู้เสี่ยวหวาน

“เอาอย่างนี้ ข้าจะไปสอบถามก่อนและดูว่าสถานการณ์ตอนนี้ของชายที่ชื่อเฉินจื่อไป๋เป็นอย่างไร” หลี่ฝานไม่กล้ารับปาก เพราะการพูดถึงเรื่องการลักลอบขายเกลือนี้เป็นเรื่องใหญ่

การฆ่าคนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติราวกับการกินข้าว

*[1] การปล่อยตัวศัตรูจะชักนำภัยอันใหญ่หลวงมาในภายหลัง